“นายข้าเป็นนักเดินทางเหมือนเจ้า แต่ไม่ได้มาจากที่เดียวกันกับเจ้า โลกของพวกเขามีเทคโนโลยีก้าวหน้าและถึงขั้นมีปัญญาประดิษฐ์ได้ใกล้เคียงกับระดับของนิ้วทองคำ”
“นอกจากนี้ โลกที่นายข้าถูกส่งไปไม่ใช่มหาพิภพนี้ของเจ้า โลกนั้นกว้างใหญ่และแข็งแกร่งกว่ามหาพิภพของเจ้าเสียอีก ถึงขั้นมีตัวตนที่มีพลังเกินกว่าจ้าวเทวะ”
“ตัวตนที่เกินกว่าจ้าวเทวะ…โลกที่ทรงพลังขนาดนี้จะถูกรุกรานโดยหุบเหวได้อย่างไร?”หลินฮวงอดถามไม่ได้
“ทั้งหมดที่ข้าพูดได้คือพลังขอบหุวเหวนั้นเกินกว่าที่เจ้าคิด”หัวใจจักรพรรดิอธิบายอย่างจริงจัง
“สิ่งมีชีวิตหุบเหวที่เจ้าเห็นในโลกกรวดมาจากชั้นตื้นๆของหุบเหวทั้งสิ้น หน้าที่หลักวพกมนในหุบเหวนรกก็เหมือนกับแพลงก์ตอนในทะเล ในชั้นกลางของหุบเหว แม้กระทั่งเทพแท้จริงกับเทพสวรรค์ก็เป็นเพียงปลาและกุ้งตัวน้อย”
“ส่วนที่น่ากลัวของหุบเหวอยู่ที่ส่วนลึก!มีมอนสเตอร์โบราณนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ที่นั่น บางตัวเกิดมาเป็นจ้าวเทวะ บางตัวมีลมหายใจที่สามารถเปลี่ยนเป็นหลุมดำและกลืนกินดวงดาวได้แม้ตะนอนอยู่ สำหรับพวกที่อยู่ในส่วนลึกสุด ถ้าพวกมันตื่นขึ้นแม้แต่ตนเดียว มันก็มากพอจะปลดปล่อยฉากการสังหารนองเลือดไปทั่วทั้งจักรวาล!”
“ถ้าหุบเหวทรงพลังอย่างที่เจ้าพูด ทำไมพวกมันถึงไม่พิชิตทั้งจักรวาล?”หลินฮวงอดสงสัยไม่ได้ แต่เขารู้สึกว่าตามคำอธิบายที่ได้ยิน เผ่าหุบเหวนั้นมีพลังมากพอจะพิชิตทั้งจักรวาลจริงๆ
“ข้าไม่แน่ใจในเหตุผลทั้งหมด แต่ข้าเคยได้ยินตำนานที่ว่าผู้ครองหุบเหวมักอยู่ในสภาพเฉยเมย และการหลับใหลอันลึกล้ำของพวกมันจะสร้างดินแดนฝันขึ้นมาทีละแห่ง ยิ่งสิ่งมีชีวิตหุบเหวเข้าใกล้ผู้ปกครองพวกมัน พวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่ง มันหมายความว่ายิ่งพวกมันดำดิ่งลึกในดินแดนแห่งฝัน พวกมันก็ยิ่งยากจะออกจากหุบเหวนรกมาได้”
“มอนสเตอร์หุบเหวที่เป็นศัตรูกับนายข้าคือหนึ่งในมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งสุดที่ยังสามารถออกจากหุบเหวมาได้”
เมื่อได้ยิน หลินฮวงก็อดถามต่อไม่ได้”แล้วพลังที่แท้จริงของมันละ?เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่?’
เขาอยากทำความเข้าใจให้ชัดถึงระดับของศัตรูที่เขาอาจต้องเผชิญในอนาคต
“มันคือระดับจ้าวเทวะ หรือที่เรียกว่า’ระดับจอมเทพ’ในจักรวาล ยอดฝีมือที่บรรลุระดับจอมเทพจะพัฒนาเต๋าภายในตัวจนรวมกันเป็นผนึกเต๋า ระดับจ้าวเทวะแบ่งออกเป็นสี่ขั้นตามความซับซ้อนของผนึกเต๋า”
“ผนึกเต๋าที่สร้างโดยเต๋าสิบเต๋าหรือน้อยกว่าจะเรียกว่าขั้นอี้ ผนึกเต๋าที่สร้างโดยเต๋าสิบถึงร้อยจะเป็นขั้นฉื่อ ผนึกเต๋าที่เกิดจากเต๋าร้อยเต๋าถึงพันเต๋าจะเรียกว่าขั้นป่าย และสุดท้าย ผนึกเต๋าที่สร้างจากเต๋าพันเต๋าขึ้นไปจะเรียกว่าขั้นเฉียน
หรือจำแนกง่ายๆว่าจ้าวเทวะขั้นต่ำ กลาง สูงและสูงสุด
“นายข้า รวมถึงคนคนนั้นจากหุบเหวคือจ้าวเทวะขั้นสูงสุด”
“ล้านปีก่อน นายข้าและข้าเดินทางมามหาพิภพเจ้า ข้าจำได้ว่ายังไม่มีจ้าวเทวะขั้นสูงุสดในมหาพิภพนี้ตอนช่วงเวลานั้น”หัวใจจักรพรรดิกล่าวขึ้น
หลินฮวงพูดไม่ออก การดำรงอยู่ของหุบเหวน่ากลัวเกินไป ชั่วขณะหนึ่ง เขาคิดที่จะถอยกลับและค้นหาทางเพื่อเอาชนะวิกฤตวังเผ่าหมื่นคณนานับ
เขาไม่สามารถโกรธวังเผ่าหมื่นคณนานับได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับมอนสเตอร์หุบเหวที่อยู่เหนือวังเผ่าหมื่นคณนานับ
หัวใจจักรพรรดิดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัยของหลินฮวง”แต่ทว่า เจ้าไม่ต้องกังวล ต่อให้เจ้ากลั่นเศษเสี้ยวแก่นเทวะ(เขตแดนเทพก็คือแก่นเทวะ) คนคนนั้นก็ไม่มีทางมาสร้างปัญหาให้เจ้าที่นี่ มีเศษแก่นเทวะนับล้าน มันต้องมีมากกว่าหนึ่งที่ถูกกลั่นโดยคนอื่น เขาจะไม่ออกจากหุบเหวตราบเท่าที่พิกัดของนายข้าและข้าไม่ถูกพบ ทัง้หมดที่เจ้าต้องทำคือคิดหาทางรับมือกับวังเผ่าหมื่นคณนานับเท่านั้น”
”เจ้าพูดอย่างนั้น แต่มันจะก่อให้เกิดผลที่ตามมา ๆไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่”หลินฮวงพูดอย่างโผงผางในสิ่งที่เขาหวาดกลัว
หัวใจจักรพรรดิตกตะลึงไปชั่วขณะหลังได้ยิน เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดว่าหลินฮวงจะมีความเข้าใจลึกซึ้งขนาดนี้ นี่คือสิ่งที่มันอยากปกปิดถ้าเป็นไปได้
หัวใจจักรพรรดิหัวเราะเสียงแห้งแต่ก็ยังพูดต่อ”ผลที่ตามมานี้เป็นแค่แนวคิดลวงตา ต่อให้การกระทำเจ้าจะส่งผลต่ออนาคตในทางอ้อม มันก็ไม่ร้ายแรงอย่างที่เจ้าคิด”
หลินฮวงไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ข้าอยากรู้ เมื่อไรที่นายเจ้าแพ้?”
“4 ล้าน 8 แสน 3หมื่นปีก่อน”หัวใจจักรพรรดิตอบ”เศษเสี้ยวแก่นเทวะนี้มาถึงในมหาพิภพแห่งนี้สามวันหลังนายข้าแพ้”
“หลังจากนั้น เศษเสี้ยวดวงวิญญาณของนายข้าก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ข้าใช้เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ขั้นบันไดเป็นตัวช่วยให้ร่างกายของนายข้าเริ่มฟื้นฟู”
“ตอนนั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ของเศษเสี้ยวเขตแดนเทพยังเป็นป่าเก่าๆที่มีสิ่งมีชีวิตหลากหลาย ข้าให้ความรู้เรื่องการบ่มเพาะกับเด็กๆกลุ่มนั้นที่ต้องตาข้า และบางคนก็เดินบนเส้นทางได้ดี ยุคนี้เรียกว่ายุคดึกดำบรรพ์โดยลูกหลานของโลกนี้”
“ยุคดึกดำบรรพ์ของโลกกรวดเริ่มต้นโดยเจ้า?!”หลินฮวงอุทาน
“ใช่ มันน่าเสียดายที่ไม่ถึงล้านปีหลังเริ่มยุคดึกดำบรรพ์ เศษเสี้ยวเขตแดนเทพชิ้นนี้ก็ถูกพบโดยลูกสมุนของคนคนนั้น ผู้เริ่มการรุกรานทันที”
“หลังสิ้นสุดยุคดึกดำบรรพ์ ข้าได้ถ่ายทอดวามรู้ด้านการบ่มเพาะให้คนกลุ่มใหม่ แต่ล้านกว่าปีก่อน การกวาดล้างครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง นั่นคือจุดสิ้นสุดของยุคโบราณ”
‘หลังจากนั้น ข้าก็แทรกแซงความก้าวหน้าของโลกกรวดซ้ำแล้วซ้ำอีก นำมาซึ่งระบบบ่มเพาะต่างๆในแต่ละยุคสมัย ถึงกระนั้น ผู้บ่มเพาะก็ล้วนถูกสังหารหมู่ทุกครั้ง..”
หลังได้ยินคำอธิบายของหัวใจจักรพรรดิถึงประวัติศาสตร์ หลินฮวงก็เต็มไปด้วยคำถาม
“เจ้าณู้เกี่ยวกับการเปิดของตาเสมือนในยุคใหม่มากแค่ไหน?นี่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้นไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หัวใจจักรพรรดิก็ตกอยู่ในความเงียบไป
“ยุคใหม่..เริ่มต้นโดยข้า ตาเสมือนเหล่านั้น ก็เป็นฝีมือข้า”
หัวใจจักรพรรดิไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อสีหน้าเหลือเชื่อของหลินฮวงยังไง มันจึงพูดต่อ
“เนื่องจากยุคบ่มเพาะก่อนหน้าถูกกำจัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าจึงเริ่มใช้วิธีนอกรีต ข้าจำได้ว่านายข้าบอกกับข้าว่าในโลกของพวกเขา มีหลายเกมที่คนสามารถเพิ่มระดับได้โดยการสู้กับมอนสเตอร์ ข้าจึงใช้มันเป็นแรงบันดาลใจ ข้าใช้พลังงานเกือบทั้งหมดที่ข้าสะสมมาตลอดหลายล้านปีเพื่อปฏิรูปเศษเสี้ยวเขตแดนเทพทั้งหมด”
“พวกเกิดใหม่ทั้งหมดในโลกกรวดจะกลายเป็น’ผู้เล่นเกม’ที่สามารถเพิ่มระดับได้ผ่านการสู้กับมอนสเตอร์ ตาเสมือนยังเปิดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ให้กับผู้บ่มเพาะทุกคน”
“งั้นเจ้ากำลังบอกว่าการเปิดของตาเสมือนสามพันกว่าแห่งเมื่อแปดร้อยกว่าปีก่อนเป็นฝีมือเจ้า?!”หลินฮวงรู้สึกว่าเรื่องต่างๆยิ่งเกินเลยไปมากขึ้น
“ใช่ เพราะวิธีการแบบเดิมไม่สามารถช่วยให้ผู้บ่มเพาะในโลกกรวดนี้วิวัฒนาการได้อย่างรวดเร็ว นับประสาอะไรกับการทำลายวงจรอุบาทว์ที่ทำลายยุคบ่มเพาะ!”
“แต่พวกมอนสเตอร์ที่ออกจากตาเสมือนเหล่านั้นไม่ได้อ้างว่าพวกมันมาจากแดนเทพหรอกหรือ?”หลินฮวงถามด้วยความสับสน
“นั่นแค่การแสดง…ไม่ใช่ว่าทุกเกมต่างก็มีฉากบรรยายเพื่อเปิดเกมหรือ?”