เมื่อเขากลับจากเมืองแรกไปเมืองจักรพรรดิ หลินฮวงได้ปิดประตูบ่มเพาะ
แต่ทว่า การปิดประตูบ่มเพาะรอบนี้ไม่ได้มุ่งที่การพัฒนาความสามารถเขา แต่มันเพื่อให้เขาพิจารณาว่าจะสื่อสารกับเจตจำนงโลกอย่างไร
ตามที่หัวใจจักรพรรดิบอก ใครที่ใช้พลังกฏเทพก็สามารถสื่อสารกับเจตจำนงของโลกกรวดได้
แต่ทว่า หัวใจจักรพรรดิไม่เปิดเผยว่าจะสื่อสารกับเจตจำนงโลกอย่างไร มันแค่บอกว่าความตั้งใจสื่อสารของเจตจำนงโลกจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละคน
สำหรับวิธีการกลั่นและผสานเศษเสี้ยวเขตแดนเทพ สิ่งเดียวที่หัวใจจักรพรรดิพูดคือทางเข้าแกนโลกจะได้รับอนุญาตก็ต่อเมื่อเจตจำนงโลกนั้นยอมรับ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นเหมือนเกมทายคำเพี่อผ่านด่าน
“ในเกมทายนี้ ข้าต้องเลือกให้ถูก ไม่งั้นก็ต้องเสนอสิ่งที่อีกฝ่ายชอบจึงสามารถพิชิตเป้าหมายได้…”ความคิดนี้ทำให้หลินฮวงรู้สึกอึดอัด”แต่ไม่มีตัวเลือก ABCDให้เลือกเพื่อใช้สื่อสารกับเจตจำนงโลก ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันชอบของขวัญแบบไหน..”
ท่ามกลางความไม่แน่นอนมากมาย หลินฮวงตัดสินใจลองดูว่าเขาจะสื่อสารกับเจตจำนงโลกได้หรือไม่ก่อน
คลื่นท่วมท้นของจิตเทวะเอ่อจากภายในตัวเขา กระจายออกไปทุกทิศทางเหมือนระลอก ขยายออกไป
100เมตร!
1000เมตร!
10000หมื่น!
…
10000กิโลเมตร!
100000กิโลเมตร!
500000กิโลเมตร!
…
สุดท้าย คลื่นก็หยุดลงที่ 600000 กิโลเมตร
จิตเทวะของหลินฮวงสามารถครอบคลุมพื้นที่โลกกรวดได้มากกว่าครึ่งโลก
ยอดฝีมือระดับเทพเสมือนจำนวนมากสัมผัสได้ถึงคลื่นจิตเทวะ
จิตเทวะของหลินฮวงเป็นที่จดจำได้ทันที ไม่ใช่แค่ขัตติยะ แต่ยังรวมถึงผู้ปลดปล่อย รัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าและเทพเสมือนจากองค์กรเช่นผีเสื้อลึกลับ นักฆ่าเงาและนอกรีต
แต่ทว่า เทพเสมือนหลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับหลินฮวงต่างคิดว่ามียอดฝีมือทรงพลังมาถึงโลกกรวดอีกครั้ง นี่ทำให้เกิดความตกใจ บางคนยังลอบติดต่อกับรัฐบาลกลางเพื่อรายงานสถานการณ์ รัฐบาลกลางเองก็ไม่แน่ใจว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีเพราะพวกเขาต้องช่วยอธิบายว่านั่นคือจิตเทวะของหลินฮวง
สมาชิกทุกคนของขัตติยะไม่รู้ว่าทำไมหลินฮวงถึงส่งจิตเทวะเขาออกมาในลักษณะนี้
“ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทปิดประตูบ่มเพาะหรือ?ไมจู่ๆเขาถึงทำให้เกิดความวุ่นวายเฉกเช่นนี้?”
คุณฟู่ยังส่งจิตเทวะเขาไปสอบถามหลินฮวงว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไร ข้าแค่กำลังทดลอง”หลินฮวงตอบ
องค์กรอื่นเริ่มคาดเดากันเองว่าหลินฮวงอาจมีแผนการอะไรบางอย่าง
“หรือเขากำลังพยายามหาสมบัติ?”
“เขาอาจกำลังหาใครบางคน”
“หรือเขาอาจแค่อยากแสดงพลังของเขา”
ท่ามกลางการคาดเดาต่างๆนานๆ หลินฮวงพลันรู้สึกได้ถึงคลื่นจิตสำนึกที่ตอบรับกับเขา
คลื่นจิตสำนึกไม่ได้ถ่ายทอดข้อมูลทางวาขา แต่สิ่งที่ส่งมาหาหลินฮวงกลับเป็นอารมณ์สนุกสนาน
“เจตจำนงโลก?!”หลินฮวงตกตะลึงไปชั่วขณะแต่ก็ดึงตัวเองเข้าหามัน
ความคิดเดิมเขาคือการขยายจิตเทวะและตรวจสอบก่อน จากนั้นก็ลองสื่อสารกับพลังกฏเทพไม่สมบูรณ์ต่างๆในมิติ หลังจากนั้น เขาก็จะค้นหาร่องรอยของพลังกฏเทพเหล่านี้เพื่อหาเบาะแสที่ทิ้งไว้โดยเจตจำนงโลก
แต่ทว่า เขาไม่คิดว่าในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีหลังส่งจิตเทวะออกไป เจตจำนงโลกจะเริ่มค้นหาเขาด้วยเช่นกัน
ตามที่หัวใจจักรพรรดิได้อธิบายไว้ เจตจำนงโลกยังอญู่ในช่วงวัยทารกเนื่องจากกฏที่ไม่สมบูรณ์ของโลกกรวด พฤติกรรมส่วนใหญ่เป็นไปตามสัญชาตญาณ ในความเป็นจริง จิตสำนึกส่วนตัวมันไม่แข็งแกร่งมาก มันยังไม่สามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้
เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความปรารถนาในการเชื่อมต่อที่เจตจำนงโลกกรวดถ่ายทอด จิตเทวะของหลินฮวงก็ส่งข้อความไป
ทันทีที่เขาถ่ายทอดเจนา เจตจำนงโลกก็ยิ่งตื่นเต้น
หลินฮวงคาดเดาว่าที่เจตจำนงโลกแสดงความเป็นมิตรกับเขาเช่นนี้คงเพราะเขาฆ่าผู้รุกรานจากนิกายพันงู
แม้เจตจำนงโลกจะไม่มีสติปัญญาสูง มันก็ยังตระหนักดีว่านิกายพันงูคือคนที่เคยสะกดมัน
หลังควบแน่นจิตเทวะและเล่นสนุกกับเจตจำนงโลกเล็กน้อย หลินฮวงก็ชี้นำเจตจำยงโลกไปยังขอบนอกของขอบเหวนรก
จิตเทวะของหลินฮวงแปลงเป็นมือใหญ่และยื่นนิ้วออกไป ชี้ไปทางขอบเหวนรก
ในเวลาเดียวกัน หลินฮวงยังส่งความคิด’ข้าต้องหาทางแก้ปัญหาของขอบเหวนรก’
ถึงแม้เจตจำนงโลกจะสื่อสารด้วยคำพูดไม่ได้ มันก็สามารถจับใจความสำคัญได้บ้าง
เจตจำนงโลกทะลุเข้าไปชั้นสามของขอบเหวนรกทันที
เมื่อเข้าไป อารมณ์ของเจตจำนงโลกก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
จิตเทวะของหลินฮวงแปลงเป็นมือใหญ่อีกครั้ง ชี้ไปทางอุโมงค์มิติ
จากนั้นเจตจำนงโลกก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหลินฮวงหมายถึงอะไร มันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว บ่งชี้ว่ามันต้องการความช่วยเหลือของหลินฮวงเพื่อแก้ปัญหานี้
โดยไม่รอให้หลินฮวงกล่าวคำขอเพื่อกลั่นและผสานเศษเสี้ยวเขตแดนเทพ เจตจำนงโลกได้ท่องผ่านมิติและมาถึงเมืองจักรพรรดิ มนแปลงเป็นเมฆหนาทึบที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ปรากฏในวังจักรพรรดิ
ก่อนหลินฮวงจะได้ตอบสนอง อีกฝ่ายก็พลันพบตำแหน่งเขา เขาเห็นเมฆหมอกร่างมนุษย์กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา
หลินฮวงรู้สึกว่าวิสัยทัศน์เขาปกคลุมไปด้วยหมอก เขารู้สึกสับสนไปชั่วขณะ เมื่อเขากลับมามีสติอีกครั้ง เขาก็อยู่ในความว่างเปล่าแล้ว
ในความมืดมิด หลินฮวงเห็นแผ่นสีทองแดงบางๆอยู่ไม่ไกล มันมีขนาดเท่าฝ่ามือ แผ่นโปร่งแสงมีรูปร่างผิดปกติ มันดูเหมือนไพ่ครึ่งใบที่ขาด
เขายื่นมือไปทางแผ่นกระดาษเพื่อตรวจสอบ วางมันบนฝ่ามือ กำลังจะตรวจสอบมัน แต่ก็พบว่ามันสลายเป็นประกายไฟสีทองแดงนับไม่ถ้วน จากนั้นก็รวมกันเป็นจุดนับไม่ถ้วนของแสงดาวที่กรูกันเข้าไปในตัวเขา
หลินฮวงรีบส่งจิตสำนึกเข้าไปในตัวเองเพื่อตรวจสอบ พบว่าประกายไฟเหล่านั้นตกลงไปภายในสวรรค์แห่งมอนสเตอร์ของเขา
แต่ทว่า สิ่งที่แปลกสุดคือประกายไฟ ซึ่งตกลงไปด้วยโมเมนตัมเหมือนดาวตกไม่ได้ทำความเสียหายให้สวรรค์แห่งมอนสเตอร์เลย หลังตกไปในเขตแดนเทพเขา พวกมันกลับสร้างชั้นของระลอกขึ้นในความว่างเปล่า จากนั้นก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
ก่อนหลินฮวงจะได้ตอบสนอง เขาก็ตระหนักว่าการผสานเสร็จสมบูรณ์แล้ว
“แค่นั้น?”เขาสะดุ้ง ยังพบว่ามันยากจะเชื่อ”การกลั่นและการผสานเสร็จง่ายๆแบบนี้?!”
หลินฮวงตรวจสอบเขตแดนเทพเขา ยังมีข้อสงสัย
เขตแดนเทพเขาไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่หลินฮวงพบหมอกหนาทึบในรูปร่างมนุษย์แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ทั้งหมด
“เจตจำนงโลกสามารถเข้าเขตแดนเทพข้าได้?!”หลังเห็นเจตจำนงโลกปรากฏ หลินฮวงก็สามารถยืนยันได้ว่าเขาผสานและกลั่นเศษเสี้ยวเขตแดนเทพเรียบร้อยแล้ว
‘ข้าจะใช้พลังของเจตจำนงโลกเพื่อลอกขอบเหวนรกชั้นสามได้อย่างไร?’ขณะที่เกิดความสงสัยนี้ เขาก็พลันได้รับประสบการณ์บางอย่าง เมื่อเขาได้สติ เขาก็พบว่ามุมมองเขาแตกต่างไปจากเดิม
ไม่ว่าเขาจะมองยังไง ก็ไม่มีวัตถุแข็งอีก มีแค่จุดและเส้นหลากสีที่กระจัดกระจายทั่ว รวมถึงเมฆแปรปรวน
หลินฮวงต้องใช้เวลาสักพักถึงรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น’นี่คือมุมมองของเจตจำนงโลก?!ข้ากลายเป็นเจตจำนงโลก?!’
หลินฮวงมองไปรอบๆสวรรค์แห่งมอนสเตอร์และค้นพบอุโมงค์มิติอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ว่าฝั่งตรงข้ามของอุโมงค์มิติคือกลิ่นอายของโลกกรวด
หลังลังเลสักพัก เขาก็พุ่งเข้าไป
เมื่อเขาออกอุโมงค์มิติ หลินฮวงก็พบว่าเขากลับมาโลกกรวดแล้ว
‘ข้าจะไปที่ขอบเหวนรกได้อย่างไร?’ เขาไม่สามารถเห็นของแข็งได้ เขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าทางไหนเป็นทางไหน ท่ามกลางความกังวล ร่างเขาพลันเปลี่ยนไป ไม่นาน เขาก็มาปรากฏตรงทางเข้าขอบเหว
แม้มันจะแตกต่างจากที่เขาเห็นในโลกแห่งวัตถุ แต่หลินฮวงก็พอจำได้ว่านี่คือขอบเหวนรก
“เมื่อใดก็ตามที่ข้าคิดถึงสถานที่ ข้าจะไปปรากฏที่นั่นทันที ความสามารถประเภทนี้น่าอิจฉาจริงๆ!’หลินฮวงพึมพำ วินาทีต่อมา เขาก็ปรากฏบนชั้นสาม
อย่างรวดเร็ว เขาเห็นอุโมงค์มิติทั้งหมด 33 แห่ง ตอนนี้ การมองพวกมันจากมุมมองของเจตจำนงโลกทำให้เขาเห็นแค่วังวนสีดำขนาดใหญ่ 33 อันที่คล้ายกับรูหนอน
หลังสังเกตสั้นๆ หลินฮวงก็ตัดสินใจโดยไม่ลังเล”ลอกมันออก!’
ทันทีที่เขาพูดจบ ขอบเหวนรกชั้นสามก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที ขอบเหวนรกชั้นสามก็ถูกแยกออกจากโลกกรวด โยนเข้าไปในความว่างเปล่า มันหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย มันเหมือนกับกันชนหลังของรถคันเก่าที่หลุด ถูกทิ้งไว้ข้างหลังขณะที่รถยังคงเคลื่อนตัว