หลินฮวงไม่ให้หลินซินรู้เกี่ยวกับบทสนทนาของเขากับหัวใจจักรพรรดิ
ตลอดทั้งวันหลังจากนั้น สองพี่น้องก็เดินไปรอบเมืองหวู่หลิน ทบทวนความทรงจำวัยเด็ก
พวกเขาเดินไปตามเส้นทางเดิมที่เคยเดิน ไปสถาบันสำรองที่เคยเรียน มองร้านสะดวกซื้อใกล้สถาบัน และไปเยือนบ้านที่เปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว…
พี่น้องเดินเล่นจนกระทั่งไฟถนนเปิด ก่อนหยุดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้บ้าน
ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สองพี่น้องเคยมาอุดหนุนบ่อยๆ
เจ้าของยังเป็นชายชราคนเดิมจากห้าปีก่อน เทียบกับห้าปีก่อน ผมเขาน้อยลงมาก แถมยังขาวขึ้นด้วย
ธุรกิจของร้านขนาดเล็กเรื่อยๆ มีลูกค้าแค่สองโต๊ะเท่านั้น หลินฮวงและหลินซินหาโต๊ะว่างและรีบสั่งอาหาร
“ลุงหลิว ขอก๋วยเตี๋ยวเนื้อสองชาม ขอเพิ่มเนื้อด้วยนะครับ”
“ได้เลย นั่งรอกันสักพักนะ”ชายชราทักทายทั้งคู่และรีบทำอาหาร เห็นได้ชัดว่าจำทั้คู่ไม่ได้
หลังจากนั้น ก๋วยเตี๋ยวก็พร้อม เมื่อลุงหลิวเดินมาที่โต๊ะเพื่อเสิร์ฟ เขาก็เพ่งมองหน้าทั้งคู่และก็อดพิจารณาไม่ได้
วินาทีต่อมา เขาก็อดถามหลินฮวงไม่ได้”พ่อหนุ่ม ทำไมหน้าตาเจ้าถึงคุ้นนัก?”
“ลุงหลิว ข้าเองหลินฮวง”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นลุงหลิวถึงตระหนัก”อ่า…เจ้าโตขึ้นมากขนาดนี้เชียว?ข้ายังจำต้องเจ้าตัวผอมเล็กได้อยู่เลย ตอนนี้เจ้าสูงถึงขนาดนี้แล้ว?”
“ข้าจำได้ว่าเจ้ามีน้องสาวชื่อ….หลินซินนี่?”ลุงหลิวยังจำหลินซินที่ดูโตขึ้นจากเด็กสาวตัวน้อยไม่ได้
“นางคือผู้หญิงข้างข้านี่เอง”หลินฮวงตอบ
“หลินซิน?!”ดวงตาของลุงหลิวเบิกกว้าง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ”ตอนนั้นเจ้าเป็นแค่พุดดิ้งตัวน้อย แต่เจ้ากลับโตขึ้นขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ เจ้าโตเป็นสาวแล้ว!แถมยังสวยซะด้วย!”
หลินซินหน้าแดงเล็กน้อย เขินกับคำชม
“ข้าไม่เห็นพวกเจ้ามาหลายปีแล้ว ครอบครัวพวกเจ้าย้ายไปไหนกัน?”“ลุงหลิวถาม
“เราอยู่ในเมืองจักรพรรดิ”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม”เราถือโอกาสกลับมาเที่ยวตอนวันหยุดนะ”
“โอ้ เมืองจักรพรรดิ มันไกลไหม?”ลุงหลิวไม่รู้ว่าเมืองจักรพรรดิอยู่ไหน
ผู้บ่มเพาะทุกคนอาจรู้จักเมืองจักรพรรดิ แต่สำหรับประชากรทั่วไป มันเป็นปกติที่พวกเขาจะไม่เคยได้ยินชื่อมัน
“มันก็ไกลพอสมควร”หลินฮวงยิ้ม
“งั้นก็ขอให้มีความสุขกับวันหยุดนะ”ลุงหลิวตบไหล่หลินฮวง”ในเมื่อมันเป็นโอกาสหายากที่พวกเจ้าสองคนได้กลับมา วันนี้ข้าขอเลี้ยงพวกเจ้าเอง!”
“ลุงหลิว ลุงไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก ถ้าลุงทำแบบนั้น เราคงไม่กล้ากลับมาที่นี่และกินอีกครั้งหน้า”หลังพูดอย่างนั้น
หลินฮวงก็รีบจ่ายเงินก่อนจะกินต่อ
ลุงหลิวคุยกับหลินฮวงสักพัก จากไปเมื่อลูกค้าใหม่มาถึง
หลังกินเสร็จ สองพี่น้องก็กล่าวอำลาลุงหลิวก่อนกลับไปบ้านที่พวกเขาเคยอาศัยตอนเด็ก
“น้องอยากอยู่ที่นี่สักคืนไหม?หรือเราควรตรงไปจุดหมายต่อไปดี?”เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตู หลินฮวงก็หันไปมองหลินซิน
“มาจัดบ้านให้เรียนร้อยและอยู่กันสักคืนเถอะพี่”ความคิดถึงฉายผ่านตาของหลินซิน
“เราไม่ต้องทำให้ลำบาก แค่ตั้งเต็นท์และนอนในสวนเล็กๆบนชั้นสามกัน”หลินฮวงเสนอ
“ตกลง!”หลินซินเห็นด้วยทันที
พวกเขาสองคนเข้าบ้าน ตรงไปชั้นสามทันที
เมื่อเห็นเถาวัลย์และพืชพันธุ์ที่ปกคลุมทั่วชั้น หลินฮวงก็เอื้อมมือออกไป กดมันเข้ากับกำแพง พืชทั้งหมดเริ่มขยับเหมือนสิ่งมีชีวิต ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของสวนปลอดโปร่ง
หลินซินทึ่งและถาม”นี่คือความสามารถแบบไหนกัน?”
“กฏวิญญาณพืช สรุปสั้นๆ มันคือพลังกฏเกณฑ์ที่สามารถควบคุมชีวิตของพืชได้”สิ่งที่หลินฮวงไม่บอกนางคือมีความเป็นไปได้ที่พลังประเภทนี้จะทำให้เกิดผลกระทบที่จะปลุกจิตวิญญาณของพืชธรรมดาขึ้น ช่วยให้พวกมันได้รับสติปัญญา
“ข้าสามารถเรียนมันได้ไหม?”หลินซินสนใจมาก
“เจ้าสามารถ ข้าจะสอนเจ้าเมื่อมีเวลา”หลินฮวงตอบสนองอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองรีบตั้งเต็นท์ นั่งด้านนอก จุดกองไฟ มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว
แสงไฟเกือบทั้งหมดในเมืองดับก่อนทั้งสองจะเข้าเต็นท์นอน
….
เช้าวันต่อมา หลังหลินซินไปชั้นสองเพื่ออาบน้ำ หลินฮวงก็ออกจากเต็นท์ เดินตรงไปมุมหนึ่งของสวน
มุมนั้นมีกระถางต้นไม้แตกซึ่งมีต้นไม้เล็กๆงอกอยู่ในนั้น
เมื่อตระหนักว่าหลินฮวงมา ใบไม้และกิ่งก้านของต้นไม้น้อยก็เริ่มสั่น
หลังหลินฮวงใช้กฏวิญญาณพืชเมื่อวาน เขาก็สังเกตทันทีว่าวิญญาณของต้นไม้น้อยตื่นขึ้นแล้วและมันก็ได้รับสติปัญญา
เมื่อเดินไปที่ต้นไม้น้อย หลินฮวงก็เอื้อมไปหาลำต้นมัน จับมัน ส่งพลังเทวะไป
ต้นไม้น้อยเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา มันก็เปลี่ยนจากความหนาสองนิ้วเป็นความหนาของถังน้ำ ทำให้กระถางแตกเป็นเสี่ยงๆ
“เอาละ หลังจากข้าไม่อยู่ก็ค่อยๆเติบโตเอาละ”หลินฮวงตบลำต้นไม้เบาๆ
ต้นไม้ ซึ่งสูง 20-30 เมตรแล้วเขย่าลำต้นมันเล็กน้อยและโมเมนตัมการเติบโตมันก็ช้าลง
“ในเมื่อวิญญาณเจ้าตื่นแล้ว นั่นก็เป็นความโชคดีของเจ้า”หลินฮวงพูด”ข้าไม่มีคำขออื่น การปกป้องเมืองนี้ก็พอแล้ว”
หลังหลินฮวงพูดจบ เขาก็ยื่นนิ้วออกไป ส่งภาพจำแลงที่เรียกว่า ฟ้าสูงจากสารานุกรมวิญญาณแท้จริงให้มัน
ต้นไม้สั่นเล็กน้อย จากนั้นก็คำนับให้หลินฮวง ใบไม้สีเขียวสว่างมันร่วงลงพื้น
หลินฮวงไม่พูดอะไรอีก เขาหันไปเก็บเต็นท์ ดับกองไฟ ลงไปชั้นล่าง
หลังเขาลงไป ขนาดของต้นไม้ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ความเร็วก็ช้าลงกว่าเดิมมาก
“น้องอยากไปไหนต่อ?”เมื่อเขาลงไปชั้นสอง หลินฮวงก็ถามหลินซินหลังเห็นว่านางอาบน้ำเสร็จแล้ว
“ข้าจะไปเมืองหลวงขาวขจี”หลินซินคิดสักพักก่อนให้คำตอบที่ไม่ทำให้หลินฮวงแปลกใจ”ข้าอยากกลับไปสถาบันนักล่ายุทธ์”
ในความเป็นจริง ตอนหลินิซินอยากกลับมาเมืองหวู่หลิน หลินฮวงก็ได้เดาไว้แล้วว่าจุดหมายต่อไปของนางต้องเป็นเมืองหลวงขาวขจีแน่
เมืองหวู่หลินมีความทรงจำวัยเด็กของพวกเขาทั้งคู่ ขณะที่เมืองหลวงขาวขจีคือที่ที่พวกเขาโต
หลินฮวงกลายเป็นอาจารย์ให้คนอื่นเป็นครั้งแรกในสถาบันนักล่ายุทธ์ ขณะที่หลินซินได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการบนเส้นทางบ่มเพาะในฐานะนักเรียน นางยังใช้ชีวิตที่เมืองนั้นถึงสองปี
“ตกลง”หลินฮวงเห็นด้วยทันที”เราสามารถอยู่ในเมืองหลวงขาวขจีได้สักพัก นอกจากสถาบันนักล่ายุทธ์ มีหลายที่ให้ไปเยือนในเมืองหลวงขาวขจี และก็มีอาหารดีๆและสถานบันเทิงมากมาย ถ้าเพื่อนของน้องยังอยู่ในเมืองหลวงขาวขจี น้องก็ชวนพวกเขามากินข้าวหรืออะไรก็ได้”
“งั้นเราจะอยู่กันสักสองสามวันเลย”เมื่อนางดยินว่าหลินฮวงพูดถึงเพื่อนนาง อารมณ์ของหลินซินก็สลดลง
นางเลือกไปหาเพื่อนนางเพราะนางรู้ว่าหลินฮวงกำลังจะพานางออกโลกกรวดไปด้วย นางไม่รู้ว่าจะได้กลับมาตอนไหน ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือเปล่า
‘บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน’หลินซินพูดในใจ