เมืองหลวงของเขต 7 หรือเลขรหัส 7A1 คือสถานที่ที่รุ่งเรืองสุดในเขต 7
เมื่อกลับมาเมืองหลวงขาวขจี หลินฮวงกับหลินซินก็พบโรงแรมใกล้กับสถาบันนักล่ายุทธ์ให้อยู่
หลังเช็คอินน ไม่มีใครกลับไปห้อง ทั้งคู่กลับตรงไปสถาบันนักล่ายุทธ์
สถาบันนักล่ายุทธ์เปิดแบบสาธารณะ ในความมเป็นจริง สถาบันส่วนใหญ่ในเมืองหลวงขาวขจีก็ด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด เนื่องจากเมืองหลวงขาวขจีคือเมืองหลวงของเขต 7 มันจึงได้รับการคุ้มครองโดยกึ่งเทพ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับสถาบันอย่างสถาบันนักล่ายุทธ์ที่มีผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการเป็นผู้หลุดพ้น ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาที่นั่น
เมื่อสมาชิกนักบุญขององค์กรมืดชั้นนำโจมตีนักเรียนของสถาบันนักล่ายุทธ์ แม้กระทั่งพวกเขาก็ไม่กล้าบุกเข้าเมืองหลวงขาวขจีตรงๆ
แต่ทว่า เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ทางเข้าสถาบัน หลินฮวงก็ต้องแปลกใจ
“คุณหลิน?!”
หลินฮวงจำได้เช่นกันว่าเขาคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานมาสี่ปีก่อน
แม้จะมีผมขาวบนหัวมากว่าเดิม หน้าตาเขาก็ไม่เปลี่ยนไปมาก
หลินฮวงสามารถจำได้เพราะตอนเขาคุยกับยามคนนี้ ลุงคนนี้เคยพูดว่าลูกเขาคือหนึ่งในนักเรียนของชั้นเรียนหลินฮวง
สิ่งเดียวที่หลินฮวงจำไม่ได้คือตัวตนของลูกชายลุงยาม
หลังคุยกันเล็กน้อย หลินฮวงกับหลินซินก็เดินเข้าสถาบันไป
หลังทั้งสองเดินไปห่างพอสมควร หลินซินก็อดบ่นไม่ได้”พี่อยู่ในสถาบันแค่ครึ่งปี ส่วนข้าอยู่ถึงสองปี แต่ลุงยามกลับจำพี่ได้คนเดียว?”
“พี่คงหน้าตาดีเกิน”หลินฮวงพูดเล่น
หลินซินอดกลอกตาไม่ได้
หลินฮวงจึงอธิบาย”ลุงยามคนนั้นเป็นพ่อของหนึ่งในลูกศิษย์พี่”
“โอ้ เข้าใจแล้ว”คำอธิบายนี้ทำให้หลินซินโล่งใจ
ยังไงซะ จำนวนนักเรียนที่ลงทะเบียนสถาบันนักล่ายุทธ์ก็มีมากประมาณแสนห้าหมื่นคน มีนักเรียนจบการศึกษาหมื่นคนทุกปี ขณะที่จะมีนักเรียนใหม่เข้ามาอีกหมื่นคน มันเป็นปกติที่ยามจะจำได้ไม่หมด ในทางกลับกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะจำครูของลูกชายได้
ทั้งสามเดินไปบนทางหลัก ผ่านหอพักและโรงอาหารสองแห่ง จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายที่โรงอาหาร เห็นการสอนแสนคุ้นเคยตรงข้ามสนามกีฬา
หลังกลับมาสถานที่นี้ในสามปีต่อา หลินฮวงก็รู้สึกคิดถึงแปลกๆ
ไม่เพียงสถานที่นี้จะเป็นที่ที่เขากลายเป็นอาจารย์ แต่มันยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเก็บเกี่ยวความรู้
ในความเป็นจริง มันต้องขอบคุณหอสมุดที่นี่เขาถึงมีความรู้รอบด้านของโลกกรวด รวมถึงการพบว่าเขาอยู่ในโลกแบบไหน
หลินซินเก็บงำความรู้สึกลึกซึ้งเอาไว้ นางศึกษาที่นี่มาปีครึ่ง ใช้นามสมมติว่าหลิงเยวี่ย หลังจากนั้น นางก็อยู่ในฐานะอาจารย์ครึ่งปี โดยรวม นางอยู่ที่นี่สองปี
จำนวนเวลาที่นางใช้ในเมืองหลวงขาวขจีไม่เพียงจะสูงกว่าเมืองหิมะ แต่แม้กระทั่งเมืองจักรพรรดิด้วย นอกจากเมืองหวู่หลิน สามารถพูดได้ว่านางผูกพันกับที่นี่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีเพื่อนสนิทหลายคนที่สถาบันนักล่ายุทธ์ รวมถึงกลุ่มนักเรียนที่นางมีความสัมพันธ์ดีด้วย
สถาบันนักล่ายุทธ์คือหนึ่งในสถานที่ที่นางชื่นชอบสุด
“ข้าไม่ได้กลับมาถึงสองปี นักเรียนในปีของข้าควรจบการศึกษาแล้ว”หลินซินอดถอนหายใจไม่ได้”แม้กระทั่งลูกศิษย์ข้าก็ควรเรียนจบกันแล้ว”
ตามระยะเวลาการศึกษาสามปีของระบบการศึกษา นักเรียนส่วนใหญ่ที่สถาบันนักล่ายุทธ์จะจบการศึกษาที่สิ้นปีสาม อย่างไรก็ตาม มักมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่ต้องเรียนซ้ำอีกปี มันผ่านมากว่าสี่ปีแล้วตั้งแต่หลินซินลงทะเบียน แม้ว่านางจะต้องเรียนซ้ำปีหนึ่ง พวกเพื่อนนางก็คงจบกันไปแล้ว ย้อนกลับไปวันนั้น หลินซินอยู่ในห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในเต๋าดาบ โอกาสที่จะต้องเรียนซ้ำปีจากห้องนั้นไม่สูงมาก
ขณะสองพี่น้องยืนอยู่ตรงหน้าสถานที่เรียนในอดีต เด็กสาวที่เดินก็พบทั้งคู่ นางตัวแข็งไปสักพักก่อนรีบเดินมา
“รุ่นพี่หลิง!”ก่อนนางจะได้เข้าใกล้ เด็กสาวก็ร้องตะโกนเสียงดัง โบกมือให้หลินซิน
หลินฮวงหันไปมองทางนั้น เด็กสาวตัวไม่สูง สูงแค่ประมาณ 160 เซนติเมตร ไว้ผมทรงแกะ จากอายุ นางดูเหมือนจะยังเป็นนักเรียน
“เจ้า..หยางชาน?!”หลินซินจำอีกฝ่ายได้
“รุ่นพี่หลิน เป็นรุ่นพี่จริงๆ?!”เมื่อนางได้ยินคำตอบกลับ เด็กสาวผมแกะก็รีบวิ่งมา เมื่อนางอยู่ตรงหน้าทั้งคู่ นางก็คว้าสองมือของหลินซิน ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“หยางชาน ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องจบการศึกษาตอนเดือน 7 หรือ?ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่?”หลินซินอดถามไม่ได้
“ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์ของปี1 ห้อง11 แผนกอาวุธปืน”เด็กสาวผมแกะฉีกยิ้ม
“ยินดีด้วยนะ!’หลินซินมีความสุข
เด็กสาวผมแกะไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของหลินซิน แต่เป็นนักเรียนของนาง นอกจากนี้ยังเป็นนักเรียนคนแรกที่สร้างปัญหาให้กับหลินซินในช่วงการสอนครั้งแรก แต่ทว่า หลินซินก็ตอบโต้ด้วยการพานักเรียนไปสนามยิงปืน หลังการสาธิต นางก็สามารถโน้มน้าวนักเรียนทั้งหมดได้ และหยางชานก็กลายเป็นแฟนคลับของนางตั้งแต่นั้น
ในเวลาหกเดือนที่หลินซินสอน ไม่มีใครเต็มใจเรียกนางว่า’อาจารย์’เพราะนางเด็กเกิน ภายใต้การยุยงของหยางชาน ทุกคนจึงเรียกนางว่ารุ่นพี่หลิงแทน
ตอนแรก หลินซินประท้วงหลายครั้งก่อนยอมแพ้
“และคนคนนี้ข้างรุ่นพี่ก็คือ…แฟนงั้นเหรอคะ?”หยางชานถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสาและรอยยิ้มล้อเลียน
“พี่ชายข้าเอง”หลินซินตอบ
“อ้า เข้าใจแล้ว”หยางชานตอบ ดูผิดหวัง”งั้นที่พี่กลับมาครั้งนี้เพราะ..”
“ข้าหยุดพักและตัดสินใจใช้เวลาว่างมาเยี่ยมเยือน”หลินซินยิ้ม
ทั้งสองคุยกันจนกระทั่งระฆังโรงเรียนดัง จากนั้นหยางชานถึงรีบอำลาและไปสอนต่อ
“คนคนนั้นเป็นนักเรียนของน้อง?”หลินฮวงยิ้ม
“ใช่แล้ว นางเป็นคนแรกที่กังขาข้า”หลินซินหัวเราะ”นางบอกว่าข้าเพิ่งเรียนจบและไม่มีประสบการณ์การสอน และข้าก็ยังไม่จบจากแผนกอาวุธปืน ดังนั้นนางจึงตั้งคำถาม”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อ?”หลินฮวงอยากรู้
“จากนั้น ข้าก็พาพวกนักเรียนไปสนามยิงปืน..”หลินซินเลิกคิ้ว พูดไม่จบเพราะไม่ต้องอธิบายต่อ
“ไม่เลว สมกับเป็นน้องของพี่”หลินฮวงยกนิ้วโป้ง
“ฮี่ ข้าได้รับการยอมรับจากทุกคนตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน”หลินซินแซวเขา”ไม่เหมือนบางคนที่นักเรียนต้องวิ่งไปฝ่ายบริหารเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียน และยังชนะรางวัลอาจารย์ที่ได้รับความนิยมน้อยสุด!”
“แต่หลังจากนั้นพี่ก็ได้รับความนิยมมาก พี่จะบอกให้ นักเรียนต่างอ้อนวอนไม่ให้พี่ลาออก”ปากหลินฮวงกระตุก
อดีตยังเป็นเรื่องสดใหม่ในหัวพวกเขา ภาพต่างๆยังคงปรากฏ
หลังเดินเล่นรอบสถาบัน พวกเขาก็กลับไปที่พักของอาจารย์ในตอนท้าย
หลินฮวงกับหลินซินเคยพักที่นี่ อาคารสามชั้น
สองพี่น้องเฝ้ามองจากระยะไกลแต่ไม่เข้าใกล้
เมื่อพวกเขาออกจากสถาบันนักล่ายุทธ์ มันก็บ่ายแล้ว….