ในวันที่สามของเดือนแรก ในที่สุดวันหิมะตกหนักของเมืองหิมะก็หมดลง เมืองน้ต้อนรับความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว
หลังกินข้าวเช้า สามพี่น้องก็ไม่อู้งานนานเกินไป แต่รีบตรงกลับไปเมืองจักรพรรดิ
เวลาผ่านไปกว่าสองเดือนแล้วระหว่างการรุกรานของนิกายพันงูจนถึงตอนนี้ ตามแผนที่หลินฮวงร่างไว้ มันเกือบถึงเวลาต้องกลับไปมหาพิภพแล้ว
หลังกลับไปศูนย์ใหญ่ขัตติยะ หลินฮวงก็เรียกประชุมทันที
นอกจากคุณฟู่และบางคนที่ยังปิดประตูบ่มเพาะหรือไปสำรวจมิติที่ไม่สามารถติดต่อได้ เทพเสมือนทั้งหมดต่างมาภายในครึ่งชั่วโมง
แม้ว่าหวงเทียนฟู่จะไม่ให้เหตุผลสำหรับการเรียกรวมตัวทุกคน แต่ทุกคนก็เดาได้ว่าจักรพรรดิคงกำลังจะกลับไปมหาพิภพ ครั้งนี้ ตอนหลินฮวงออกเดินทาง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาโลกกรวดภายในหนึ่งปี เขาอาจหายไปตลอดกาล
หลินฮวงมาถึงในเวลาเก้าโมงเช้า
ทุกคนในห้องประชุมต่างลุกขึ้นยืน
หลินฮวงกวาดตามองทั่ว ด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยให้ทุกคน เขาเริ่มพูด
“เชิญนั่ง”
หลินฮวงพูดต่อหลังเห็นว่าทุกคนนั่งลงแล้ว
“ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าคงพอเดาจุดประสงค์ของข้ากันได้แล้ว..ภัยคุกคามของโลกกรวดได้รับการแก้ไขชั่วคราว และวันหยุดของข้าก็แทบหมดลงแล้ว แต่ทว่า ก่อนข้าจะกลับไปมหาพิภพ ข้าอยากพูดถึงแผนของข้าสำหรับขัตติยะในอนาคต”
“อย่างแรก ข้าหวังว่าขัตติยะจะรักษาความเป็นกลางต่อไป ในเมื่อรากฐานขัตติยะคือองค์กรมืด มันก็คงดูเกินจริงไปหน่อยที่จะให้ทุกคนเปลี่ยนตัวเอง กลายเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ข้าไม่อยากเห็นพวกเจ้ากลับสู่ฝ่ายมืด แค่รักษาความเป็นกลางเอาไว้ก็พอ ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าพวกเจ้ารู้สึกว่าสิ่งนั้นถูกต้อง ก็ทำซะ ถ้าคิดว่ามันไม่ถูก งั้นก็อย่าทำ ไม่จำเป็นต้องคิดตามใคร…”
“ประเด็นต่อไปของข้าอาจเป็นสิ่งทุกคนควรให้ความสนใจเพิ่ม สิ่งที่ข้าอยากพูดคือข้าจะมอบอำนาจเข้าถึงราชันย์ให้ขัตติยะ ข้าจะไม่ลบการลงทะเบียนของพวกเจ้าออกจากราชันย์ ด้วยความที่ข้ามีที่ว่างมากมายสำหรับองค์กรพันธมิตรภายใต้ราชันย์ และตัวข้าก็ไม่ชอบสร้างองค์กรให้เยอะมากนัก ที่ว่างเหล่านี้จึงอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน”
“หวงเทียนฟู่จะยังรับผิดชอบเรื่องนี้เหมือนเดิม อู่หนานกับตู้ฟู่จะช่วยจัดการสิ่งต่างๆ”
เมื่อพวกเขาได้ยิน พวกหวงเทียนฟู่ก็ถอนหายใจโล่งอก สิ่งที่พวกเขากังวลสุดคือการจากไปของหลินฮวง เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณถึงการยุติความสัมพันธ์กับราชันย์ ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาจะถูกปฏิเสธการเข้าถึงต่อราชันย์
การเสียการคุ้มครองของหลินฮวงหมายความว่าขัตติยะมีเพียงสองเนทาง แยกตัวออกจากราชันย์ คืนทรัพยากรทั้งหมดที่ได้รับมาหรือกลายเป็นองค์กรพันธมิตรไร้ผู้นำที่อยู่ภายใต้ทรัพยากรต่ำสุด แถม พวกเขายังมีระยะเวลาจำกัดโดยต้องเลือกกลายเป็นขี้ข้าของสมาชิกราชันย์คนอื่น ถ้าพวกเขายืดเวลาเกินไปกว่านี้ ขัตติยะกับสมาชิกมันจะถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของราชันย์
“ประเด็นสามคือในอนาคต ข้าหวังว่าขัตติยะจะกลายเป็นฐานฝึกฝนเพื่อเลี้ยงดูคนมีพรสวรรค์ ข้าจะสร้างองค์กรข้าเองในมหาพิภพ และข้าจะขอให้ขัตติยะส่งคนมีความสามารถมาหาข้า แน่นอน มาตรฐานขององค์กรนี้ย่อมสูงกว่า ระดับพลังต่ำสุดจะเป็นเทพเสมือน ในอนาคต มาตรฐานเหล่านี้อาจสูงขึ้น”
เมื่อพวกเขาได้ยิน ดวงตาของใครหลายคนก็สว่างขึ้น
ในฐานะองค์กรพันธมิตรของราชันย์ สมาชิกขัตติยะทุกคนต่างหวังว่าจะได้กลายเป็นสมาชิกของราชันย์จริงๆเข้าในสักวัน แต่ทว่า กระบวนการคัดเลือกของราชันย์ยากมาก ไม่มีใครในขัตติยะเคยผ่านเลย
ถ้าพวกเขาเข้าร่วมองค์กรของหลินฮวง มันก็จะง่ายกว่ามาก
คนส่วนใหญ่ได้เห็นความสามารถของหลินฮวงมาแล้วตอนอยู่ในขอบเหวนรก หวงเทียนฟู่กับบางคนตระหนักดีว่าผู้บ่มเพาะดาบระดับเทพแท้จริงนับร้อยไม่ใช่กำลังเสริมจากมหาพิภพ แต่ข้าทาสดาบของหลินฮวง
นี่เป็นการบอกว่าองค์กรที่หลินฮวงกำลังจะสร้างในอนาคตมีผู้พิทักษ์ระดับเทพแท้จริงนับร้อย นอกจากนี้ ด้วยตัวหลินฮวงเอง การพัฒนาองค์กรเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่หวงเทียนฟู่กับคนอื่นใฝ่ฝันจะเข้าร่วม
แม้แต่คนที่ไม่รู้เกี่ยวกับทาสดาบก็ยังหวังเข้าร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้เห็นตอนหลินฮวงปกครองขัตติยะ และพัฒนามันจนเป็นหนึ่งในหกองค์กรยักษ์ใหญ่
“สี่-ถ้าเป็นไปได้ อย่าเผยความสัมพันธ์ของขัตติยะกับผู้ปลดปล่อย ถึงแม้รัฐบาลกลางกับองค์กรอื่นจะสังเกตเห็นแล้วก็ตาม เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย อย่าเผยมันออกมา”
“ห้าคือข้าหวังว่าจะเป็นขัตติยะพัฒนาอย่างสงบสุข ในเมื่อพวกเจ้าเข้าถึงราชันย์ได้แล้ว พวกเจ้าก็ไม่ขาดทรัพยากรอีก การต่อสู้กันในเรื่องดังกล่าวคงลดลงมาก นอกจากนี้ กฏของโลกยังฟื้นฟู่แล้ว อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า อัจฉริยะจะถือกำเนิดขึ้นมากมาย นี่จะเป็นช่วงที่ทุกคนได้เห็นความก้าวหน้าของโลกเรามากขึ้น ถ้าไม่จำเป็น อย่าทำให้ไฟลุกลาม”
“แน่นอน การอย่าทำให้ไฟลุกลามอาจฟังดูเป็นการเยาะเย้ยข้า เนื่องจากโดดเด่นมากเกินไป”
การประชุมดำเนินต่อไปนานกว่าชั่วโมง หลินฮวงได้หยิบยกมาเป็นสิบประเด็นและทุกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ
“นั่นคือความความหวังทั้งหมดของข้า หลังจากวันนี้ไป ข้าจะไม่ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิอีกต่อไป เส้นทางในอนาคตของพวกเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าอีกแล้ว…”
เมื่อหลินฮวงพูดจบ เขาก็หยิบเอามงกุฏจักรพรรดิ กระบี่จักรพรรดิ และชุดคลุมมังกรออกมา วางบนโต๊ะประชุม
“ฝ่าบาท ไม่ว่าท่านจะเต็มใจยอมรับมันหรือไม่ แต่ท่านก็ยังเป็นจักรพรรดิของเราไปตลอด!”หวงเทียนฟู่พูดคนแรก
“เทียนฟู่พูดถูกแล้ว!นอกจากนี้ ตามกฏของราชันย์ ตราบเท่าที่ขัตติยะยังอยู่ภายใต้ชื่อท่าน ท่านจะเป็นจักรพรรดิของเราตลอดไป!”หวงตู้ฟู้รีบยืนขึ้น
หลินฮวงอดแกล้งพวกเขาไม่ได้”งั้น ตู้ฟู้ ความหมายของเจ้าก็คือ เจ้ายังอยากให้ข้าตัดความสัมพันธ์กับราชันย์งั้นเหรอ?”
ทุกคนหลั่งเหงื่อเย็น แม้แต่หวงเทียนฟู้ที่สงบมาตลอดก็ยังสีหน้าบิดเบี้ยว
“นั่นไม่ใช่..”หวงตู้ฟู้รีบโบกมือ
“ฝ่าบาท ข้ารู้สึกว่าท่านไม่จำเป็นต้องถอนตัวจากตำแหน่งจักรพรรดิเลย ท่านยังบอกว่าในอนาคต ท่านหวังว่าขัตติยะจะกลายเป็นฐานของท่านเพื่อฝึกคนมีพรสวรรค์ ตอนท่านไปมหาพิภพ ต่อให้เราจะไม่สามารถรับใช้ท่านตรงๆได้ อย่างน้อยเราก็สามารถทำอะไรในนามท่านได้ เรายังหวังว่าขัตติยะจะคงฐานฝึกท่านไว้และรักษาความสัมพันธ์เรา”หวงอู่หนานพูดขึ้นเพื่อหยุดหลินฮวง
หลังถูกทุกคนห้ามปราม ในที่สุดหลินฮวงก็ยอมแพ้ แต่ไม่ได้นำของบนโต๊ะประชุมกลับคืน
“งั้นก็ได้ ข้าจะเป็นจักรพรรดิต่อ แต่ข้าจะไม่เก็บอุปกรณ์นี้ไว้อีก ด้วยความสามารถข้า ข้าไม่ต้องการพวกมันแล้ว”
หลังพยายามโน้มน้าวหลินฮวงอย่างยากลำบาก ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอก
ตอนนี้ หวงอู่จื่อที่มาถึงห้องประชุมเป็นคนแรกและไม่ได้พูดอะไรเลยกลับยืนขึ้น
“ฝ่าบาท ข้าอยากเข้าร่วมองค์กรท่านและไปมหาพิภพกับท่าน!”