หลังเข้ามาจากทางเข้า หลินฮวงก็ตระหนักว่ามีแค่เฉินเตา เสี่ยวโม่กับหวงอู่จื่อที่ยังอยู่ข้างเขา หลินซินกับอีกสองถูกส่งไปที่อื่น
หลินฮวงเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ นี่คือหุบเขากว้างใหญ่ ในระยะไกล เราสามารถเห็นเทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันตรงขอบฟ้า
แต่ทว่า สิ่งที่ผิดปกติสุดคือท้องฟ้า
ท้องฟ้าสีฟ้า-ดำไม่มีดาวสักดวง และปกคลุมด้วยเมฆมืด ไม่มีแสงแดดส่องถึงผืนดินอันกว้างใหญ่นี้ มีแค่สายฟ้าสีเลือดที่แล่บเป็นครั้งคราว
“นี่คือหุบเหวของจริง?”เสี่ยวโม่อดถามไม่ได้
“สนามรบนี้เกิดจากการผสานของทั้งโลกวัตถุและหุบเหว”หลินฮวงอธิบาย
“จิตเทวะของข้าถูกระงับ ข้าสามารถสัมผัสได้แค่สามพันเมตรรอบตัว”เฉินเตาหันมาสนใจปัญหาด้านหน้า
“ข้าสัมผัสได้แค่พันเมตรเท่านั้น”อู่จื่อขมวดคิ้ว
“ยังมีเศษเสี้ยวเจตจำนงของจ้าวเทวะในสนามรบนี้ ใครก็ตามที่ต่ำกว่าเทพสวรรค์จะโดนระงับจิตเทวะให้เหลือประมาณหนึ่งในพันของสภาพปกติ”
หลินฮวงยังกระจายจิตเทวะเขาออกไป มันถูกระงับด้วยพลังลึกลับเช่นกัน แต่เขายังครอบคลุมได้ถึง 1200 กิโลเมตร
“ถึงระยะของจิตเทวะจะไม่กว้าง มันก็ดีกว่าที่จะคงสภาพมันไว้ตลอด ในสนามรบนี้ นอกจากนักล่า ยังมีมอนสเตอร์ประเภทวิญญาณที่วิวัฒนาการจากซากศพและดวงวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ ยังมีสายพันธุ์อันเดธ ปีศาจ และอื่นๆอีกด้วย พวกมันบางตัวเชี่ยวชาญการอำพรางตัว และยากจะตรวจพบได้ด้วยตาเปล่า”
หลินฮวงพูดถึงเรื่องนี้เพราะเขาสังเกตเห็นว่าไม่ไกล มีมอนสเตอร์หลายตัวซ่อนอยู่ แต่ทว่า เขาไม่ตั้งใจลงมือ
มีมอนสเตอร์แค่สิบกว่าตัวเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเทพเสมือนขั้นต้น พวกมันเหมาะให้พวกเฉินเตาฝึกฝน
เนื่องจากข้อจำกัดของระยะตรวจจับ แม้จะด้วยการเตือนของหลินฮวง พวกเฉินเตาก็ยังไม่สังเกตเห็นกลุ่มมอนสเตอร์ที่ซ่อนตัวอยู่
อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนกลุ่มมอนสเตอร์จะมีความสามารถรับรู้อื่นและสามารถสัมผัสได้ถึงพวกหลินฮวงจากระยะไกล ไม่ใช่แค่นั้น พวกมันยังลอบมองพวกเขาเงียบๆ
“เราจะไปไหนกัน?”หวงอู่จื่อถามขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังถามหลินฮวง
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เฉินเตากับเสี่ยวโม่ก็มองหลินฮวง
หลินฮวงเลิกคิ้ว”อย่ามองข้า ดูแผนที่เอา”
ขณะพูด หลินฮวงก็ฉายแผนที่ เนื่องจากไม่มีตำแหน่งตายตัวภายในสนามรบโบราณ พวกเขาจึงต้องกำหนดตำแหน่งกันเอง นี่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับหลินฮวง ผู้มีระยะตรวจจับจิตเทวะกว้างขวาง แต่มันยากมากสำหรับพวกเฉินเตา
เมื่อเห็นว่าทั้งสามจ้องแผนที่กันด้วยสีหน้าว่างเปล่า หลินฮวงก็ชี้จุดบนแผนที่”ตอนนี้เราอยู่กันตรงนี้ เรากำลังหันหน้าไปทางนี้”
เมื่อได้ยินหลินฮวงอธิบายตำแหน่งของพวกเขา เฉินเตาก็จ้องเขาและถาม”เจ้ารู้ตำแหน่งเราได้ยังไง?”
“ข้าเคยมาที่นี่แล้ว”หลินฮวงปกปิดความจริงที่ว่าระยะตรวจสอบของจิตเทวะเขากว้างผิดปกติ
ถ้าอยากใช้จิตเทวะเพื่อยืนยันตำแหน่งปัจจุบันของเรา ระยะครอบคลุมของจิตเทวะต้องกว้างถึงขนาดที่พวกเขาสามารถเทียบมันกับแผนที่ได้ถึงรู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน
หลังได้รับคำตอบนี้ เฉินเตาก็พยักหน้าและไม่ถามอีก เขาดึงแผนที่ของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
“จากสิ่งที่ข้าเห็น ถ้าเราเดินไปทางนี้ต่อ เราจะเข้าลึกไปบริเวณชั้นนอก”
เมื่อเห็นว่าเฉินเตาเริ่มเป็นผู้นำแล้ว หลินฮวงจึงไม่พูดอะไรอีกและรอให้เฉินเตาพูดจบก่อนเตือนอีก”การกระจายตัวของมอนสเตอร์บนแผนที่ไม่แม่นยำ มอนสเตอร์บางตัวจะอพยพตามธรรมชาติ และบางตัวจะเคลื่อนไหวเนื่องจากอิทธิพลที่มนุษย์สร้างขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น นักล่าหุบเหวยังไม่ล่าตามกฏการกระจายมอนสเตอร์และอาจปรากฏขึ้นที่ไหนก็ได้ มันยังเป็นไปได้ที่มอนสเตอร์ขั้นกลางกับขั้นสูงจะปรากฏในบริเวณของมอนสเตอร์ขั้นต้น สรุปกคือ อย่าเชื่อแผนที่มากนัก ข้อมูลที่มีสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้เท่านั้น”
เฉินเตากับคนอื่นพยักหน้าอย่างเคร่งจรึม เก็บแผนที่ เริ่มบินไปทิศทางที่เฉินเตาเลือกด้วยความเร็วต่ำ
กลุ่มของพวกเขาบินสูงเหนือพื้นไม่ถึงสิบเมตร และก็บินช้ามาก
เหตุผลนั้นเรียบง่าย การบินสูงจะทำให้พวกเขาถูกพบตัวและทำให้ตกเป็นเป้า การบินเร็วยังทำให้อากาศปั่นป่วนและดึงดูดความสนใจโดยไม่จำเป็น
หลินฮวงบินตามหลังทั้งสามอย่างสบายใจ มองเฉินเตากับคนอื่นเข้าใกล้ทิศทางที่มอนสเตอร์ซ่อนตัวอยู่ แต่ทว่า เขาไม่พูดเตือน
นี่เพราะเขารู้ว่าเขาสามารถเตือนพวกเขาได้ครั้งเดียว แต่ไม่สามารถเตือนได้เป็นครั้งที่สองและสาม หลังพบกับมอนสเตอร์ด้วยตัวเอง สิ่งนี้ถึงมอบประสบการณ์ให้พวกเขาจริงๆ
ตอนกลุ่มเข้าใกล้ระยะหนึ่ง เฉินเตาก็พลันขมวดคิ้ว
เขาตรวจไม่พบความผิดปกติใดภายในระยะตรวจจับของจิตเทวะเขา และไม่มีความผิดปกติอะไรในสายตา แต่สัญชาตญาณกลับส่งคำเตือนให้เขา
“รอก่อน!’เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โบกมือห้ามทุกคนไม่ให้ล้ำไปข้างหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?”เสี่ยวโม่งุนงง
“เจ้าพบอะไรผิดปกติงั้นหรือ?”หวงอู่จื่อเพิ่มความระมัดระวังทันที
“ข้าไม่พบอะไรผิดปกติ แต่สัญชาตญาณบอกข้าว่ามีอันตายด้านหน้า”
เฉินเตาพูดจบ และก็ได้ยินเสียงทันที ห่างไปพันกว่าเมตร พื้นเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าหาพวกหลินฮวงเหมือนคลื่น
คลื่นดินทรายม้วนตัวสูงขึ้น เพิ่มความเร็ว ไม่นาน มันก็ปรากฏตรงหน้าพวกหลินฮวง
หลินฮวงหายตัวไปนานแล้ว ลอบปรากฏเหนือพื้นร้อยเมตร สังเกตปฏิกิริยาของทั้งสาม
เมื่อเห็นคลื่นค่อยๆใกล้เข้ามา ทั้งสามก็ตกตะลึงก่อนตอบสนอง พวกเขาเริ่มหันหลังบินหนีสูงขึ้น
เฉินเตาสงบสุขและปรับเพดานบินให้สูงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น เขาหรี่ตาและสังเกตสักพัก จากนั้นก็ตั้งท่าสู้
นี่เพราะเขารู้แล้วว่าอะไรกำลังใกล้เข้ามา
หวงอู่จื่อกับเสี่ยวโม่ถอยห่างไประยะหนึ่งด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อเห็นเฉินเตาไม่ตามมา พวกเขาจึงหยุดหนี
เมื่อเห็นว่าทั้งสามตั้งท่าสู้แล้ว หลินฮวงก็พยักหน้าพอใจ
ไม่นานนัก โมเมนตัมของทรายก็หยุด ฝุ่นฟุ้งกระจาย บดบังมุมมองของหลินฮวง แต่ด้วยจิตเทวะ เขาสามารถสังเกตทุกอย่างเกิดขึ้นด้านหลังม่านทรายได้ชัด
โครงกระดูกกินถูกตัดหัวด้วยเฉินเตากับเสี่ยวโม่ง่ายๆ และจำนวนพวกมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ความสามารถของหวงอู่จื่อจะโดนจำกัดด้วยระดับพลัง เขาก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระภายในฝุ่น ช่วยทั้งสองฆ่าโครงกระดูก
แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสามร่วมมือกัน พวกเขาก็มีเคมีดีต่อกันอย่างน่าประหลาดใจ
หลังผ่านไปสามถึงสี่นาที โครงกระดูกดิน 14 ตัวก็โดนตัดหัวทั้งหมด
ทรายที่หมุนวนหยุด ทิ้งหลุมดินไว้
หลินฮวงค่อยๆ ลอยลงมา เขาเหลือบมองเฉินเตาก่อนหันไปหาเสี่ยวโม่กับหวงอู่จื่อ”อย่าตื่นตระหนกตอนเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ให้สังเกตก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจ”
หลังคุยกันสั้นๆ หลินฮวงก็อนุญาตให้เฉินเตานำกลุ่มต่อได้