เมื่อได้ยินเสียงเตือนของหลินฮวง เฉินเตากับอีกสองก็ตกใจ
ตอนนี้ นักล่าหุบเหวทั้งสี่ด้านหลังวิ่งมา
ทั้งสี่สัมผัสได้ถึงความผันผวนจากการต่อสู้ที่นี่ พวกเขาไม่เข้าร่วมเพราะพวกเขาไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะต้องการความช่วยเหลือ และอีกอย่าง พวกเขาอยากปิดกั้นทางหนีของพวกหลินฮวง
เมื่อความผันผวนของการต่อสู้จบ พวกเขาจึงขี้เกียจเกินกว่าจะใช้จิตเทวะเพื่อตรวจสอบก่อนพุ่งตรงมาสนามรบนี้
นี่เพราะ ในสายตาของทั้งสี่ การล่านี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย สำหรับพวกเขา มันเป็นการเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว
ความแตกต่างระหว่างเทพเสมือนขั้น3กับขั้น5ไม่ใช่อะไรที่จะหักล้างได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มมนุษย์นี้ยังมีเทพเสมือนขั้น 1 พ่วงมาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ยังกินเวลาไม่ถึงครึ่งนาที เป็นสิ่งที่พวกเขาทั้งสี่คาดไว้
เมื่อทั้งสี่วิ่งไปยังจุดปะทะ พวกเขาก็คิดว่าจะแบ่งผลพลอยได้กันอย่างไร แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ และเห็นว่าพวกหลินฮวงยังมีชีวิต พวกเขาก็ตกตะลึง
คำถามเดียวผุดขึ้นในหัวพวกเขาแทบจะพร้อมกันว่า’เกิดบ้าอะไรขึ้น?!’
ตอนนี้ เฉินเตาส่งเสียงหาเสี่ยวโม่โดยไม่ลังเล”ตอนนี้แหละ!”
เฉินเตาอาศัยจังหวะตอนที่ทั้งสี่กำลังมึนงง ร่างของเขาแปลงเป็นลำแสงสีทองอีกครั้ง ใช้พลังเทวะที่หลงเหลือเพื่อเร่งการตรัสรู้ธาตุแสงของเขา เขามุ่งเป้าไปยังเทพเสมือนขั้น 6 ที่มีพลังสูงสุด
เกือบจะพร้อมกัน เสี่ยวโม่เองก็ลงมือ ปลดปล่อยพลังเต็มพิกัด ร่างของเขาหายไปในอากาศธาตุอีกครั้ง
นักล่าหุบเหวทั้งสี่ผงะ แต่ก่อนจะได้สติ พวกเขาก็เห็นลำแสงสีทองเจาะผ่านตัวมอนสเตอร์เกราะดำในหมู่พวกเขาแล้ว
ไม่ไกลนัก มอนสเตอร์หลายตาระดับเทพเสมือนขั้น 5 ยังโดนรัดด้วยเงาดำ
“ช่วยข้าด้วย”มอนสเตอร์หลายตาที่โดนรัดด้วยเงาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา
นักล่าหุบเหวทั้งสองที่ไม่โดนโจมตีตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนหนึ่งลังเลว่าจะช่วยดีหรือไม่ ส่วนอีกคนนั้นหนีไปโดยไม่คิดซ้ำสอง
แม้เทพเสมือนขั้น 5 ตนนี้จะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมมนุษย์ทั้งสองจึงแสดงพลังเช่นนั้นออกมาได้ แต่พวกพ้องทั้งสองของมันเก่งกว่ามันมาก นอกจากนี้ สหายทั้งสามก่อนหน้ายังตายหมด มันจึงตัดสินใจเลือกหนีแทน
เมื่อเห็นว่าเพื่อนมันหนีไปแล้ว เทพเสมือนขั้น 4 ที่เดิมลังเลก็สูญเสียความกล้าหาญ หันหนีไปอีกทาง
บนสนามรบ แม้เฉินเตาจะตัดหัวมอนสเตอร์เกราะดำได้สำเร็จ พลังเทวะของเขาก็หมดลงอย่างสมบูรณ์ เขาไม่เหลือแรงพอจะขยับร่างกายด้วยซ้ำ
อีกด้าน มอนสเตอร์หลายตากำลังถูกเงาดำกลืน แม้เสี่ยวโม่จะยังมีพลังงานเหลือบ้าง เขาก็ไม่สามารถไล่ตามมอนสเตอร์ทั้งสองที่หลบหนีได้
เมื่อหลินฮวงเห็นแบบนี้ ในที่สุดเขาก็ลงมือ ลำแสงสีแดงสองสายยิงออกจากแขนเสื้อเขา สิ่งเหล่านี้ตัดผ่านอากาศ ทะลุตัวของนักล่าหุบเหวทั้งสองที่กำลังหนีแบบไม่ลืมหูลืมตา
เมื่อด้ายพลังจิตของหลินฮวงพันรอบศพทั้งสองและนำพวกมันกลับมา ในที่สุดเสี่ยวโม่ก็ฆ่ามอนสเตอร์หลายตาสำเร็จ
เสี่ยวโม่สูดลมหายใจ แม้พลังเทวะของเขาจะไม่หมด มันก็ไม่พอจะให้เขาใช้พลังกฏเทพรอบสาม
สภาพของเขาดีกว่าเฉินเตาแค่เล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าหลินฮวงฆ่ามอนสเตอร์สองตัวสุดท้ายแล้ว เฉินเตาก็นอนแผ่กับพื้น หอบหายใจอย่างหนัก
หลินฮวงใช้จิตเทวะเพื่อตรวจสภาพร่างกายของทั้งคู่ แม้เฉินเตาจะหมดเรี่ยวแรง แต่ก็ไร้ผลกระทบใดๆ เสี่ยวโม่เองก็เช่นกัน
“ถือซะว่านี่เป็นการต่อสู้ของวันนี้ เราจะหาที่พักกันก่อน”ทันทีที่หลินฮวงพูด หวงอู่จื่อก็จับเฉินเตาแบกขึ้นหลัง ก่อนเหลือบมองเสี่ยวโม่
“ข้าไม่เป็นไร พลังเทวะของข้าแค่เกือบหมดเท่านั้น”เสี่ยวโม่โบกมือ
หลังเก็บกวาดสนามรบ หลินฮวงก็พาทั้งสามไปหาถ้ำเพื่อพักอาศัยชั่วคราว
หวงอู่จื่อวางเฉินเตาลงบนพื้น สีหน้าเขาดูกังวลเล็กน้อย”เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ขณะแบกเฉินเตา เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีแรงแม้แต่จะยกนิ้วด้วยซ้ำ
“เขาไม่เป็นอะไร แค่ออกแรงมากไป หลังพักผ่อน เขาจะหายดี”หลินฮวงอธิบาย
เสี่ยวโม่นั่งลงข้างเฉินเตาขณะพิงผนังถ้ำด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย
จริงๆแล้ว เขาเองก็ปวดระบมไปทั้งตัว แต่สภาพร่างกายของเขายังไม่ถึงจุดที่เกินขีดจำกัด
“ข้าจะสรุปผลการต่อสู้ของพวกเจ้าให้ฟัง”
“ก่อนอื่น พวกเจ้าไม่ระมัดระวังพอ แม้ขอบเขตจิตเทวะจะไม่กว้างเท่าอีกฝ่าย พวกเจ้าก็ยังมีวิธีอื่นให้ตรวจจับ ถ้าพวกเจ้าพบความผิดปกติอะไร พวกเจ้าควรรีบใช้วิธีการเหล่านั้นเพื่อดูว่ามีศัตรูซุ่มโจมตีไหม พวกเจ้าจะได้เตรียมตัวล่วงหน้าได้”
“สอง พวกเจ้าตัดสินใจได้เด็ดขาดมาก ความร่วมมือของเฉินเตากับเสี่ยวโม่ดีมาก พวกเจ้ามีความเข้าใจกันโดยปริยายระหว่างต่อสู้ ไม่ใช่แค่นั้น พวกเจ้ายังไว้ใจกันด้วย นี่เป็นเรื่องที่ดี”
“สาม เฉินเตานั้นทำผิดพลาดร้ายแรง ไม่มีอะไรผิดกับการต่อสู้จนหมดแรง แต่ทว่า เราต้องเหลือโอกาสรอดให้ตัวเองด้วย ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลว่าการโจมตีเดียวคงไม่พอกำจัดศัตรู ดังนั้นเจ้าจึงไม่กล้าเก็บออมแรงไว้เลย แต่ทว่า ผลลัพธ์นี้ก็ทำให้เจ้าเสียเรี่ยวแรงทั้งหมด เนื่องจากพลังเทวะเจ้าหมด ต่อให้เจ้ามีไพ่ตายช่วยชีวิต เจ้าก็ไม่สามารถใช้มันได้ ในแง่ของการแบ่งสัดส่วนพลังเทวะ เจ้ายังต้องฝึกให้มากกว่านี้”
“ถ้าข้าไม่ลงมือ เมื่อมอนสเตอร์ทั้งสองรู้ตัวว่าไม่มีใครไล่ตาม พวกมันจะต้องกลับมาตรวจสอบแน่ นั่นเพราะในสนามรบโบราณนี้ ถ้ามีพลังเหลือ พวกเขาจะไล่ล่าศัตรูที่หลงเหลือเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา มันเป็นปกติที่จะล้มเหลวในการไล่ล่า แต่พวกเจ้าไม่คิดไล่ล่าพวกมันเลย สิ่งนี้ย่อมทำให้พวกมันเกิดสงสัย เมื่อพวกมันสงบสติได้ มีโอกาสสูงที่พวกมันจะกลับมาตรวจสอบ พวกมันอาจไล่ล่าพวกเจ้ากลับ..”
หลินฮวงทำการสรุปผลการต่อสู้ทั้งหมด ชี้ให้เห็นปัญหาบางอย่าง จากนั้นก็นำแหวนเก็บของสามวงออกมาจากมิติเก็บของเขา
“มีผลึกเทวะจำนวนหนึ่งภายในแหวน แต่ก็ไม่มาก พวกมันควรพอให้พวกเจ้าเติมพลังเทวะระหว่างการฝึกฝนนี้”
หลินฮวงพูดต่อ”โดยส่วนตัว คำแนะนำของข้าคือพวกเจ้าไม่ควรเข้าไปลึกกว่านี้ มันดีกว่าที่จะถอยห่างออกไปสักระยะ ถ้าพวกเจ้าสามารถยกระดับพลังได้ ให้รีบเพิ่มพลัง ถ้าสามารถเพิ่มความสามารถในแง่อื่นได้ ถ้าพวกเจ้าเอาแต่สำรวจลึก ไม่เพียงจะเจอเทพเสมือนขั้นกลาง พวกเจ้าอาจเจอกลุ่มเทพเสมือนขั้นสูงได้”
หลังพักผ่อนทั้งวัน เสี่ยวโม่ก็กลับสู่สภาพสูงสุด แม้ตัวของเฉินเตาจะไม่ฟื้นฟูดี เขาก็ยังฟื้นได้ถึง 80%
หลินฮวงให้คำแนะนำกับพวกเขาอีกสองสามคำก่อนจากไป ออกเดินทางด้วยตัวเองเข้าส่วนลึก
หลังเฉินเตากับอีกสองเห็นหลินฮวงจากไป พวกเขาก็ปฏิบัติตามคำแนะนำ มุ่งหน้ากลับไปทิศทางที่พวกเขามา