เมื่อออกจากชั้นกลางของสนามรบมังกรหุบเหว หลินฮวงก็ค้นหาหลินซินกับคนอื่นโดยใช้จิตเทวะ เขาทักทายพวกเขาและแนะนำอีกครั้งก่อนออกสนามรบโบราณไปทันที
สิ่งที่หลินซินและคนอื่นงุนงงคือหลินฮวงได้ทิ้งพวกเขาไปแค่ครึ่งวัน และเขาก็ล่าเสร็จแล้ว
หลินฮวงสบายใจที่จะปล่อยพวกหลินซินไว้เพราะ หนึ่ง กลุ่มของหลินซินมีแม่มดคอยปกป้อง นี่มากพอจะจัดการกับสถานการณ์อันตรายมากมาย สอง หลินซินตอนนี้ยังมีนิ้วทองคำ หัวใจจักรพรรดิในตัวนาง ความปลอดภัยของนางจึงเป็นสิ่งที่หลินฮวงไม่ต้องกังวลมากนัก
สำหรับกลุ่มของเฉินเตา แม้ระดับพลังพวกเขาจะไม่สูงมาก ทั้งคู่ก็ใช้พลังกฏเทพกันได้แล้ว ตราบเท่าที่ไม่ประมาทเดินลึกเข้าไป ก็ควรไม่มีปัญหา
หลินฮวงย้ายออกไปลำพังจากประตูมิติของสนามรบโบราณ และนายทะเบียนที่เห็นเขาก็ผงะ หลินฮวงไม่สนใจสายตาอีกฝ่ายและเคลื่อนย้ายออกไปในพริบตา
เมื่อเห็นหลินฮวงจากไป ปากของนายทะเบียนก็กระตุก”ตามคาด เข้าไปเจ็ด รอดแค่หนึ่ง”
เนื่องจากในอดีตมีหลายกรณี นายทะเบียนจึงสันนิษฐานไปเองว่ากลุ่มของหลินฮวงตายตอนเขาเห็นหลินฮวงออกมาคนเดียว
โดยธรรมชาติ หลินฮวงไม่รู้ว่าเขาทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อนายทะเบียน แน่นอน ต่อให้รู้ เขาก็ไม่สนใจ
หลังทิ้งระยะห่างออกจากทางเข้าสนามรบโบราณมังกรหุบเหวไปพอสมควร หลินฮวงก็พบดาวเคราะห์ไร้คนอาศัย จากนั้นก็เปิดทางเข้าสู่วังจอมเทพ ก้าวเข้าไป
ด้านหน้าวังจอมเทพ ดาบ 1 นั่งขัดสมาธิอยู่ เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวและหลับตา
เมื่อสัมผัสถึงการกลับมาของหลินฮวงได้ เขาก็ลืมตาขึ้น
“ท่านจอมดาบ”เมื่อเขาเห็นหลินฮวงก้าวออกจากประตูมิติ ดาบ 1 ก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
“ดาบ1”หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย
เขารู้ว่าที่ดาบ 1 มานั่งตรงนี้ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะอีกฝ่ายกำลังเฝ้าวังจอมเทพ
เขาตบไหล่ดาบ 1 เอื้อมมือไปผลักเปิดประตูวัง”ข้ากำลังจะปิดประตูบ่มเพาะสักพัก ถ้ามีใครมีเรื่องอะไร ค่อยบอกข้าตอนข้าบ่มเพาะเสร็จ”
“ขอรับ ท่านจอมดาบ!’
ดาบ 1 ก้มหัวเล็กน้อย ยกหัวขึ้นช้าๆหลังหลินฮวงก้าวเข้าโถงใหญ่ไป และประตูก็ปิดด้านหลังเขา เขาหันมา ดาบ 1 กลับไปท่าเดินด้านหน้าทางเข้าอีกครั้ง ตาของเขาปิดลง คล้ายกับพวกนักพรตเต๋า
เมื่อเขาเข้าวังจอมเทพ หลินฮวงก็นั่งขัดสมาธิ แค่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบไฟเทวะภายในตัวก่อนนำการ์ดห้องแห่งกาลเวลาออกมา
ด้วยแรงกดแค่เล็กน้อยจากนิ้ว การ์ดเปลี่ยนเป็นจุดแสงสีทองที่กลั่นตัวเป็นรูปห้องไม่ไกลจากเขานัก
หลินฮวงผลักประตูทันทีและเดินเข้าไป
ภายในการ์ดห้องแห่งกาลเวลา 4 ดาว ความเร็วของเวลาจะช้ากว่าโลกภายนอกร้อยเท่า
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีทางลัดสำหรับการกลั่นไฟเทวะ มันต้องใช้เวลาเท่านั้น
ภายในห้องแห่งกาลเวลา ประตูไม้ค่อยๆปิดลงและสร้างเป็นผนังขาว
เนื่องจากหลินฮวงได้นั่งขัดสมาธิแล้ว โดยปราศจากการล่าช้า เขารีบกระตุ้นไฟเทวะภายในตัวเพื่อกลั่นอย่างรุนแรงและผสาน…
ภายในนั้น เวลาผ่านไปทีละวัน
อัตราความคืบหน้าการกลั่นไฟเทวะของหลินฮวงเพิ่มขึ้นทุกวันเช่นกัน
ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปสามเดือน ระดับพลังของหลินฮวงทะลวงผ่านจากเทพเสมือนขั้น 6 เป็นเทพเสมือนขั้น 9
แต่ทว่า หลินฮวงยังพบว่าการกลั่นไฟเทวะชั้น 5 นั้นช้ากว่าไฟเทวะชั้น 4
เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออีกสิบวัน หลินฮวงจึงขยี้การ์ดอีกใบเพื่อยืดเวลาเป็น 110 วัน
จากนั้นเขาก็หลับตา ทำการกลั่นไฟเทวะชั้น 5 สิบดวงสุดท้าย
เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังเขากลั่นไฟเทวะชั้น 5 ทั้งสิบเหล่านี้จนเสร็จ แต่เขารู้ว่าเขาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
เวลาผ่านไปทีละวัน ไฟเทวะหลากสียิ่งสูงขึ้น ไฟเทวะของตัวหลินฮวงเองก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนกระทั่งมันกลายเป็นสีเลือด
ขั้นตอนการกลั่นนี้กินเวลาหนึ่งร้อยวันเต็ม แม้กระทั่งนานกว่าไฟเทวะ 30 ดวงจากขั้น 7-9ที่หลินฮวงกลั่นก่อนหน้า
เมื่อเห็นว่าไฟเทวะสุดท้ายผสานเข้ากับไฟเทวะสีเลือดของเขาแล้ว หลินฮวงก็พ่นลมหายใจยาวออกมา’ในที่สุด…”
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าไฟเทวะภายในตัวเขาผสานกันอย่างสมบูรณ์แล้ว จนถึงจุดที่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไฟเทวะทั้งสิบเหล่านี้ดูเหมือนจะมาถึงขีดจำกัดของพวกมันและไม่สามารถทรงพลังไปได้กว่านี้แล้ว
ตามการผสานไฟเทวะจนถึงสภาพสมบูรณ์ พลังเทวะภายในตัวหลินฮวงเริ่มหมุนกลับไปไฟเทวะเขาเพื่อการกลั่นเพิ่มเติม จากนั้นพลังเทวะที่ได้รับการกลั่นนี้ก็เริ่มหมุนเวียนกลับเข้าตัวเขา เปลี่ยนแปลงทุกเซลล์ แม้กระทั่งในระดับอะตอม ไม่เพียงแค่นั้น อนุภาคทุกอนุภาคที่ประกอบเป็นวิญญาณของเขายังผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วราวกับมันโดนตัวเร่งปฏิกิริยา
เกือบทุกวัน หลินฮวงรู้สึกได้ชัดว่าตัวเขากำลังแกร่งขึ้น
กระบวนการทั้งหมดกินเวลาสิบวัน พลังเทวะของหลินฮวงโดนไฟเทวะทั้งสิบกลั่นนับร้อยครั้งก่อนถึงจุดสูงสุด หลังการกลั่นและการเปลี่ยนแปลง หลินฮวงก็รู้สึกว่าตัวเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมถึงสิบเท่า เขายังรู้สึกว่าความแข็งแกร่งร่างกายปัจจุบันเขานั้นอาจเทียบได้กับร่างกายของเทพสวรรค์
เขาแช่จิตสำนึกเข้าตัว สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเอง
เขารู้ว่าเขายังไม่เลื่อนเป็นเทพแท้จริง แต่เขาก็รู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเทพแท้จริงไปมากแล้ว
“นี่คือเทพเสมือนขั้น 10 หรือเปล่า..”
หลังเหลือบมองการ์ดตัวละครเขา หลินฮวงก็รู้ว่าเขาเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น 10
ในอดีต ผู้บ่มเพาะกับเทพเสมือนสามารถไปถึงได้แค่ขั้น 9 เหนือกว่านั้น พวกเขาจะเป็นเทพแท้จริงแล้ว
แต่ทว่า หลินฮวงได้มาถึงจุดสูงุสดของระดับเทพเสมือน เทพเสมือนขั้น 10
“ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วข้าจะเลื่อนเป็นเทพแท้จริงได้ยังไง?”
หลินฮวงถามกับตัวเองด้วยคำถามนี้ แต่ทันใดนั้น ความคิดแปลกๆก็ผุดขึ้นในหัวเขา เขาสามารถสร้างบัญญัติเทพได้!
“สร้างบัญญัติเทพ?”
แน่นอน หลินฮวงเคยได้ยินถึงมันมาก่อน มันคือสิ่งที่มีแค่เทพสวรรค์ถึงครอบครอง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ การยกระดับจากเทพแท้จริงเป็นเทพสวรรค์ต้องใช้กฏเทพอย่างน้อยหนึ่งประเภทให้ถึงระดับสมบูรณ์ ตามด้วยการพัฒนาเพิ่มเติมและผสานกฏเทพที่มองไม่เห็นให้เป็นห่วงโซ่ลำดับเทพ
การสร้างห่วงโซ่ลำดับเทพเท่ากับการก้าวข้ามขีดจำกัดสู่เทพสวรรค์ เทพสวรรค์จะรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับโลกภายในตัวเองและใช้พวกมันเพื่อรับกฏ หลังจากนั้น พวกเขาจะใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพเป็นลำต้นและกฏที่ได้รับมาเป็นกิ่งก้านเพื่อสร้างเครือข่ายกฏภายในตัวเอง เจตจำนงของเครือข่ายกฏนี้ที่แทรกซึมไปทั่วโลกคือบัญญัติเทพ จริง ๆ แล้ว ในระดับหนึ่ง มันคือเจตจำนงโลกประเภทหนึ่ง มันไม่ถือเป็นของธรรมชาติ แต่เป็นเจตจำนงโลกที่คนสร้างขึ้น
ที่ระดับเทพสวรรค์ คนสามารถสร้างห่วงโซ่ลำดับเทพได้มากสุด 9 สาย แต่มีบัญญัติเทพแค่หนึ่ง
ห่วงโซ่ลำดับเทพทั้งเก้านี้คือกระดูกสันหลังทั้งเก้าของบัญญัติเทพ และกฏประเภทต่างๆที่ได้รับจากลำดับเทพคือส่วนหนึ่งของบัญญัติเทพ
ตามหลักเหตุผลแล้ว การสร้างบัญญัติเทพจะเกิดขึ้นหลังเป็นเทพสวรรค์
แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นหนทางให้หลินฮวงเป็นเทพแท้จริง
“ข้าเป็นแค่เทพเสมือน ข้าจะสร้างบัญญัติเทพได้ยังไง?”หลินฮวงครุ่นคิด ไม่สังเกตเลยว่าห้องแห่งกาลเวลากำลังสลายตัว