หลินฮวงนั่งสมาธิในห้องแห่งกาลเวลา รอบนี้เขาบ่มเพาะไร้รอยต่อ
เหนือสิ่งอื่นใด เนื่องจากเขาอยากปรากฏตัวในฐาะนผู้ใช้พลังจิต เขาจึงตั้งใจใช้ช่วงเวลาแค่เดือนเศษนี้เพื่อเสริมพลังจิตเทวะของเขาให้พอเผชิญหน้ากับคนอื่นได้
หลังบ่มเพาะไร้รอยต่อจนเลื่อนเป็นระดับแปด ความเร็วที่ด้ายพลังจิตเพิ่มจำนวนก็ลดเป็น 2000 ต่อชั่วโมง แต่ทว่า เทียบกันก่อนเขาเป็นเทพทแ้จริง ความเร็วนี้ถือว่าสูงมาก
สามวันที่ผ่านมาของการบ่มเพาะได้ช่วยให้ด้ายพลังจิตของเขาเพิ่มจำนวนเป็น 370000เส้น
ตอนนี้ที่เขาเข้าห้องแห่งกาลเวลา เขาจึงไม่มีเวลาให้เสีย เขายังไม่สนใจเสียสละเวลาไปกิน ดื่ม หรือนอน อุทิศตัวให้กับการบ่มเพาะไร้รอยต่อ
ด้ายพลังจิตเพิ่มขึ้นในอัตรา 48000 เส้นทุกวัน
ในเวลาแค่ 13 วัน จำนวนก็เพิ่มเป็นหนึ่งล้าน ช่วยให้เขาขึ้นสู่ระดับใหม่ ระดับเก้า!
ตอนนี้ ความเร็วที่ด้ายพลังจิตของหลินฮวงเพิ่มขึ้นลดลงเป็น 1000 ต่อชั่วโมง
แม้จะเป็นแบบนี้ หลินฮวงก็ไม่หยุดบ่มเพาะ
ความเร็วต่อวันที่ด้ายพลังจิตของเขาเพิ่มจำนวนคงที่ 24000 เส้น
ในห้องแห่งกาลเวลา เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
หลินฮวงใช้เวลาไม่ถึง 84 วันเพื่อให้ด้ายพลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสามล้าน และในที่สุดก็สร้างความก้าวหน้าอีกครั้งในการบ่มเพาะไร้รอยต่อ มาถึงระดับสิบในตำนาน
ตอนนี้ ไร้รอยต่อ ซึ่งหลินฮวงได้รับจากฉีหมิงเซี่ยงได้มาถึงจุดสิ้นสุดของกระบวนการบ่มเพาะแล้ว
ตามความเป็นจริง เมื่อฉีหมิงเซี่ยงได้รับไร้รอยต่อ เขาได้บ่มเพาะจนถึงระดับเก้าเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าระดับสิบนั้นเป็นอย่างไร
แต่ทว่า ตอนนี้ ความประทับใจของหลินฮวงต่อระดับนี้ลึกซึ้งมาก
เขารู้สึกได้ชัดว่าหลังถึงระดับสิบแล้ว จิตเทวะเขาดูเหมือนจะครอบครองความสามารถแยกตัวเอง เขาไม่ต้องใช้จิตสำนึกเป็นตัวนำเลย
อัตราการเพิ่มด้ายพลังจิตของเขาไม่ลดลงอีก รักษาอัตราที่ 1000 ต่อชั่วโมง
ตามความเร็วแบบนี้ หลินฮวงประเมินจำนวนด้ายพลังจิตของเขาคงเกินสิบล้านภายในหนึ่งปี
การบ่มเพาะไร้รอยต่อได้เข้าสู่โหมดอัตโนมัติ และหลินฮวงก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าเป็นแบบนั้น ตราบเท่าที่ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น เขาสามารถอนุญาตให้ไร้รอยต่อบ่มเพาะโหมดอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ และเขาสามารถทุ่มเทเวลากับพลังงานกับเรื่องอื่นได้ เขาแค่ต้องตรวจสอบเป็นครั้งคราว
หลังออกจากสถานะบ่มเพาะไร้รอยต่อ หลินฮวงก็บดขยี้การ์ดห้องแห่งกาลเวลาอีกใบ ยืดเวลาไปร้อยวัน
หลังตรวจสอบโหมดอัตโนมัติของไร้รอยต่อเป็นเวลาหลายนาทีและมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นเขาถึงเปลี่ยนความสนใจไปยังเต๋าดาบ
แม้การปลอมตัวของเขาในแดนเทพครั้งนี้จะไม่อนุญาตให้เขาใช้ดาบได้อย่างเปิดเผย เต๋าดาบก็คือเส้นทางบ่มเพาะหลักของเขา เนื่องจากเขามีเวลาพิเศษ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือพัฒนาเต๋าดาบเขา
หลินฮวงดำดิ่งจิตสำนึกเข้าความทรงจำของจอมเทพ หลินฮวงเริ่มเรียนทักษะดาบอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้ว่ามันเพราะการยกระดับสู่เทพแท้จริง หรือเพราะการบ่มเพาะไร้รอยต่อที่ทำให้จิตเทวะของเขาแข็งแกร่งขึ้น หรืออาจเพราะเต๋าดาบของเขาวิวัฒนาการเป็นจิตแท้…แต่ตอนนี้หลินฮวงตระหนักว่าความเร็วการเรียนรู้ทักษะดาบของเขาเร็วกว่าเมื่อก่อน
เดิมที เขาเรียนรู้ทักษะดาบระดับบรรพกาลได้แค่ 350 ประเภทต่อวัน แต่ทว่า โดยพื้นฐานแล้วเขาต้องมองแค่แวบเดียวเพื่อเรียนทักษะใหม่ นี่เพราะแค่มองครั้งเดียว จิตใจของเขาก็สามารถสรุปการทำงานของทักษะดาบทั้งหมดได้ แม้กระทั่งว่าเขาสามารถแก้ไขและดัดแปลงทักษะดั้งเดิมได้ด้วยตัวมันเอง
ภายในระยะเวลาหนึ่งวัน เขาเรียนทักษะดาบระดับบรรพกาลแปดพันกว่าชนิด
เขาใช้เวลาไม่ถึงเก้าวันในการเพิ่มจำนวนทักษะดาบเดิมที่เขาใช้ได้จากสามแสนเป็นกว่าล้าน
แม้จำนวนทักษะดาบที่ใช้ได้จะเกินล้าน หลินฮวงก็ยังไม่สามารถไปถึงระดับกฏสวรรค์ได้
เขาไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ แค่มองจำนวนทักษะดาบที่เขาใช้ได้ก่อนเปลี่ยนความสนใจไปยังทักษะดาบระดับสูงกว่านั้น-ทักษะดาบระดับเทพสูงสุด!
ความเร็วการเรียนรู้สำหรับทักษะดาบระดับเทพสูงสุดลดลงทันตาเห็น และเขาก็เรียนทักษะได้ประมาณหนึ่งพันห้าร้อยต่อวัน
หลินฮวงบ่นเกี่ยวกับความเร็วการเรียนรู้ เหนือสิ่งอื่นใด พวกมันคือทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่บรรจุกฏ
มันยากสำหรับเทพแท้จริงทั่วไปที่จะใช้ทักษะดาบได้นับร้อย ต่อให้พวกเขาจะเก่งด้านดาบก็ตาม
แต่ทว่า เขาสามารถเรียนทักษะดาบได้นับพันต่อวันอยู่ดี
เขาหลับตา ทำสมาธิ ค้นทักษะดาบเหล่านี้ในหัวขณะทำการจำลองพวกมันในหัว
จำนวนทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่เขาใช้ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ภายในห้องแห่งกาลเวลา เวลาผ่านไปสองเดือน
จำนวนทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่หลินฮวงใช้ได้ก็ทะลุแสน
ตอนนี้ มันราวกับเขาทำลายผ่านอุปสรรคในใจ ในชั่วพริบตา เขาก็มีมุมมองชัดเจนขึ้น
ภายในตัวเขา แก่นแท้เต๋าดาบระดับจิตเทะแตกละเอียด เปลี่ยนแปลงและควบเป็นพลังเจตจำนงที่คล้ายกับเจตจำนงโลกกรวด
ตอนนี้ วิญญาณดาบภายในตัวหลินฮวงลืมตาขึ้นและคำราม
หลังทะลุไปถึงระดับจิตแท้ วิญญาณดาบที่เดิมมีความสูงเกือบเท่ากันกับหลินฮวงกลับขยายใหญ่เป็นยักษ์สูงภายในไม่กี่วินาที ดาบสีแดงเลือดในมือยักษ์ยังขยายใหญ่ขึ้นด้วย
บนดาบยักศ์ ลวดลายผนึกสีทองส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง และลวดลายสีทองคล้ายสิ่งมีชีวิตก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า วินาทีต่อมา แสงสีทองบนดาบก็หายไป ผนึกเหล่านั้นค่อยๆปรากฏขึ้นใหม่บนสองฝั่งของด้ามดาบ แม้พวกมันจะคล้ายกับอันเดิม แต่ก็มีความซับซ้อนขึ้น
หลินฮวงพยายามมองลวดลายผนึกนั่นอีกครั้ง แต่เขาก็ยังตาลายและละสายตาออกทันที
“เต๋าดาบระดับกฏสวรรค์?!”
หลังสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตัว หลินฮวงก็สามารถรู้สึกได้ว่าเต๋าดาบของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
เขารู้สึกว่าเขาจะไร้เทียมทานตราบเท่าที่เขามีดาบในมือ
แต่ทว่า เขายังรู้ว่านี่เป็นแค่ภาพลวงตา
เต๋าดาบกฏสวรรค์มีสามระดับ ดาบสวรรค์ หัวใจสวรรค์ และเต๋าสวรรค์
เต๋าสวรรค์นั่นถือว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง มันเป็นระดับที่ดาบเดียวสามารถพิชิตได้ทั่วโลก
แน่นอน ไม่มีใครไร้เทียมทานอย่างแท้จริง แต่นี่ถือเป็นสภาวะจิตใจ
เมื่อพวกเขามาถึงระดับกฏสวรรค์ ผู้บ่มเพาะดาบจะควบแน่นพลังดาบโดยอัตโนมัติ
ในโลกนี้ พลังดาบไม่ใช่สิ่งล่วงตาอย่างที่อธิบายไว้ในนิยาย แต่เป็นพลังประเภทหนึ่งที่ได้มาจากอำนาจกดขี่ทางวิญญาณ พูดให้ง่ายขึ้น มันคือเทคนิคโจมตีที่ได้รับจากเต๋าดาบ
ผู้บ่มเพาะดาบระดับกฏสวรรค์จะปล่อยพลังดาบพวกเขาได้โดยไม่ต้องยกนิ้วด้วยซ้ำ และนี่ก็มากพอจะทำให้ยอดฝีมือระดับเทพแท้จริงหลายคนบาดเจ็บสาหัส
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เต๋าดาบระดับกฏสวรรค์คือห่วงโซ่ลำดับเทพประเภทหนึ่ง แต่พิเศษกว่า
การแบ่งระดับมันยังแตกต่างจากห่วงโซ่ลำดับเทพ นอกจากนี้การมีพลังคล้ายกับห่วงโซ่ลำดับเทพ มันจึงครอบครองลักษณะหลายอย่างของตัวดาบอีกด้วย…
หลังสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตัว หลินฮวงก็เหลือบมองเวลาที่เหลือในห้องแห่งกาลเวลา มันยังเหลือเวลาอีก 27 วัน
เขาไม่ตั้งใจเสียเวลานี้และยังนั่งสมาธิ เรียนรู้ทักษะดาบเพิ่มและพัฒนากฏสวรรค์
ตอนนี้ที่เขาเลื่อนระดับแก่นแท้เต๋าดาบเป็นกฏสวรรค์ เขาจึงรับรู้ด้วยว่าความเร็วการบ่มเพาะทักษะดาบเขาเพิ่มขึ้น ตามเวลาที่เขาใช้กับการเรียนรู้ เขาประเมินคร่าวๆว่าทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่เขาเรียนได้ต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 3000
เขายังสามารถเข้าใจทักษะดาบเทวะบางอย่างที่เดิมไม่สามารถเข้าใจได้เลย