หลังได้รับความทรงจำของไป๋หลิน หลินฮวงก็มุ่งตรงไปยังบริเวณที่นักโทษเทพสวรรค์อยู่
เขาไม่อยากเสียเวลา นักโทษทั้งหมดที่เขาพบเจอระหว่างทางโดนฆ่าด้วยการโจมตีเดียว ไม่คิดรอให้พวกเขาพูดด้วยซ้ำ
ในเวลาสั้นๆไม่ถึงชั่วโมง เขาได้ฆ่านักโทษระดับเทพแท้จริงขั้น 9 ไปกว่าสิบคน ตอนนี้ครองตำแหน่งสูงสุดบนกระดานทองของนักล่าด้วยสิบแต้ม
อันดับสองและสามมีแค่สามแต้มเท่านั้น ส่วนอันดับ 4-9 มีแค่สองแต้ม
ในความเป็นจริง นักล่าส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มต้นการล่า ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ที่จิตเทวะพวกเขาโดนจำกัดอย่างหนัก บุคคลส่วนใหญ่เพิ่งพบนักโทษคนแรกและยังไม่พบเป้าหมายล่าที่สอง
เหตุผลที่หลินฮวงพบนักโทษจำนวนมากเพราะหนึ่ง เขาได้รับความทรงจำของไป๋หลิน และดังนั้นจึงรู้ตำแหน่งโดยประมาณของนักโทษใกล้เคียง อีกเหตุผลคือเพราะพลังของจิตเทวะเขาเทียบได้กับเทพสวรรค์ และระยะตรวจจับยังมากกว่าเทพแท้จริงคนอื่น
นอกเหนือจากสองปัจจัยนี้แล้ว เขายังแตกต่างจากนักล่าคนอื่นในแง่ความระมัดระวัง เขาไม่สนใจว่าเขาจะโดนนักโทษในแดนลับพบไหม ภายในหนึ่งชั่วโมง ระยะทางที่เขาเดินก็มากกว่านักล่าคนอื่นนับร้อยเท่าแล้ว
ชื่อซิวมู่กลายเป็นที่คุ้นเคยสำหรับนักล่าทุกคนในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
“ข้าไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้โผล่มาจากไหน แต่เขาแข็งแกร่งมาก!”
“เรามาดูความสามารถของเขากันดีกว่า ถ้าประสิทธิภาพการล่าแบบนี้ไม่ใช่เพราะเขาโกง งั้นเขาก็อาจมีเทคนิคประเภทตรวจจับพิเศษ ถ้าข้ารู้แต่แรก ข้าคงเรียนมันมาเช่นกันหรือซื้อสมบัติกฏเทพประเภทตรวจจับด้วย”
“ตามความเร็วการล่าของเขา นักโทษทั้งหมดที่โดนเขาพบอาจโดนฆ่าทันที เขาล่านักโทษสิบคนที่ระดับเดียวกันในเวลาไม่ถึงชั่วโมง นั่นเฉลี่ยประมาณ 5 นาทีกว่าต่อคน นั่นยังไม่นับรวมเวลาเดินทาง..”
สิ่งที่นักล่าคนนี้ไม่รู้คือเวลาเฉลี่ยห้านาทีกว่าที่หลินฮวงใช้ไปสำหรับการฆ่าแต่ละครั้งยังไม่รวมถึงเวลาที่เขาใช้ไปในการอ่านสมองของศพด้วย
ความโดดเด่นของหลินฮวงดึงดูดความสนใจจากนักล่าภายในแดนลับไม่พอ แต่แม้กระทั่งเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับก็ยังตกใจ
“นักโทษระดับเทพแท้จริงขั้น 9 ทั้งหมดถูกฆ่าในชั่วพริบตา เขายังไม่ใช่มีดบินเล่มที่สองด้วยซ้ำ”
“เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีมีดบินระดับเทพสวรรค์นี้แค่เล่มเดียวหรือเขามีครบชุด ถ้าเขามีครบชุด งั้นทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องสู้อีก เขาคงเป็นอันดับหนึ่งแน่ ทุกคนทำได้แค่แข่งกันเพื่ออันดับสอง”
“สุดท้าย เขาเป็นแค่เทพแท้จริง พลังของจิตเทวะมีจำกัด และก็เช่นกันกับพลังเทวะเขา สำหรับเขา การใช้มีดบินพลังจิตเล่มหนึ่งที่มีพลังเช่นนั้น ข้าเดาว่ามันคงสุดความสามารถเขาแล้ว ต่อให้เขามีครบชุด เขาก็คงไม่สามารถใช้ได้หมด พลังเทวะของเขาไม่สามารถรองรับการผลาญระดับนั้นได้หรอก”ผู้นำเทพสวรรค์ของวิหารเทพนักรบชี้ถึงปัญหา
“ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจใช้กฏระดับควบคุมได้ไม่มากนัก ปัจจุบัน มันดูเหมือนว่าจำนวนกฏที่เขาแสดงออกมาตอนนี้จะมีแค่ 28 กฏ ถ้าเขาใช้ได้แค่นี้ งั้นความสามารถโดยรวมก็ยังควรต่ำกว่าพวกชั้นนำเล็กน้อย”
ตอนนี้ ผู้นำเทพสวรรค์ของนครหลวงเทพพูดขึ้น”ปัจจุบัน เราเพิ่งเข้าสู่ช่วงเริ่มต้น เมื่อคนอื่นทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมได้ พวกเขาก็อาจเข้าดินแดนเทพสวรรค์เพื่อล่านักโทษระดับเทพสวรรค์ นั่นถึงจะเป็นเวลาที่การแข่งขันเริ่มขึ้น!”
ในฐานะเทพสวรรค์ที่มีอัจฉริยะชั้นนำมากมายภายในกลุ่ม พวกเขาจึงไม่อยากเห็นม้ามืดอย่างหลินฮวงเฉิดฉาย
แน่นอน พวกเขาพูดแบบนี้เพราะพวกเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างแท้จริงเกี่ยวกับผลงานที่ตามมาของหลินฮวง
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่ออัจฉริยะของพวกเขาเริ่มการล่าเทพสวรรค์ แต้มพวกเขาจะเพิ่มเป็นร้อย ซึ่งเร็วกว่าการเก็บทีละแต้ม
ต่อให้หลินฮวงยังรักษาความเร็วการล่านี้ มันต้องใช้เวลาเกือบเก้าชั่วโมงเพื่อสะสมแต้มให้ถึงร้อย
มันง่ายกว่ามากที่จะได้รับแต้มโดยการล่าเทพสวรรค์ คนแค่ต้องฆ่าเป้าหมายหนึ่งเพื่อรับเอาร้อยแต้ม
แม้ช่วงต้นของการล่าจะน่าตกใจ เทพสวรรค์ส่วนใหญ่ก็ไม่มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับผลงานภายหลังของหลินฮวงเช่นเดียวกับผู้นำกลุ่มระดับเทพสวรรค์ขององค์กรระดับเจ็ด
ใตสวรรค์ไม่ปฏิเสธการวิเคราะห์ของพวกเขา
ประการหนึ่ง มีความจริงบ้างในคำพูดพวกเขา อีกประการ เขาไม่รู้ความสามารถจริงในปัจจุบันของหลินฮวง
เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงที่เขารู้จักคือผู้บ่มเพาะดาบ หลินฮวงไม่ใช้ดาบของเขาเพื่อเลี่ยงความสงสัย
ใต้สวรรค์ไม่สนใจเข้าร่วมหัวข้อนี้ แต่เมื่อการพูดคุยเข้มขัน เขาก็ยิ้ม นำแหวนเก็บของออกมา จากนั้นก็ดึงสมบัติเทพสวรรค์ทั้งหมดที่เขาได้รับจากการพนันก่อนหน้า วางไว้ด้านหน้าเขา ตรวจสอบพวกมันทีละชิ้นโดยไม่สนใจคนอื่น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้ชมก็ลดเสียงลง
แม้กระทั่งผู้นำขององค์กรระดับเจ็ดก็ยังยิ้มอึดอัดและหยุดพูด
แต่ทว่า ตอนนี้ ผู้นำเทพสวรรค์คนหนึ่งกลับพึมพำ
“ไม่ใช่ว่าเขากำกลังวางแผนจะล่าเทพสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?!”
แม้เขาจะพูดเสียงเบา แต่ทุกคนก็ได้ยินมันชัดเจน พวกเขารีบหันไปมองภาพ
ในไม่ช้า ทุกคนก็พบหัวข้อหลักของการสนทนา-หลินฮวง
ปัจจุบัน หลินฮวงกำลังอยู่ใกล้พรมแดนระหว่างเขตเทพแท้จริงและเขตเทพสวรรค์
เส้นทางที่เขาใช้ไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็นเส้นทางคดเคี้ยวแทน เขายังล่าเป้าหมายบางส่วน ทำให้ทุกคนไม่ตระหนักถึงจุดหมายปลายทางเขาแต่แรก
แต่ตอนนี้ ยิ่งเขาเข้าใกล้บริเวณพรมแดง ในที่สุดทุกคนก็ตระหนักถึงเป้าหมายจริง
เมื่อเส้นทางของหลินฮวงเปิดเผย สีหน้าของผู้นำเทพสวรรค์สองคนจากวิหารเทพนักรบและนครหลวงเทพก็เปลี่ยนเป็นอับอาย
หลังพวกเขาเพิ่งคาดเดาว่าความสามารถของหลินฮวงอาจไม่ดีพอจะโค่นเทพสวรรค์และแต้มการล่าของเขาอาจโดนคนอื่นแซงในไม่ช้า การกระทำของหลินฮวงก็เหมือนการตบหน้าของพวกเขาโดยตรง
เขาไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่อง แค่ตรงไปเขตเทพสวรรค์แต่วันแรกที่เข้าแดนลับ
ใต้สวรรค์เองก็แหงนมองเช่นกัน ใบหน้าเบื่อหน่ายของเขามีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมา ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าใต้สวรรค์คงรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าหลินฮวงจะทำแบบนี้
แต่ในความเป็นจริง การแสดงออกบนหน้าเขาเป็นสิ่งที่เหลืออยู่จากการตรวจสอบสมบัติเทพสวรรค์ เขาเองก็สับสนเช่นกันตอนเห็นหลินฮวงมุ่งตจรงไปเขตเทพสวรรค์
หลังจากนั้น เขาก็สังเกตเห็นใครหลายคนกำลังมองเขา ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและอิจฉา ใต้สวรรค์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมการแสดงออกบนหน้าเขา ขณะบังคับให้ตัวเองยับยั้งความประหลาดใจ
เขายังมีรอยยิ้มจางๆบนหน้าขณะละสายตาจากภาพและค่อยๆเก็บสมบัติเทพสวรรค์เข้าแหวน แต่ความคิดก็ยังเต็มไปด้วยความงุนงง
‘ชายคนนี้ยังน่าประทับใจมากขนาดนี้แม้จะไม่ใช้ดาบ?!’