ตามเส้นทางจากความทรงจำที่เขาได้รับ หลินฮวงพบเป้าหมายต่อไปเขา เนตรปีศาจ
เขามีความเข้าใจถึงเนตรปีศาจจากข้อมูลที่มอบโดยใต้สวรรค์
แม้มันจะเป็นเทพสวรรค์ขั้นหนึ่ง เนตรปีศาจกำเนิดประเภทวิญญาณร้ายกลายพันธุ์ชั้นสี่ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังใช้ลำดับเทพได้ถึงสองสาย
พลังที่ยิ่งใหญ่ของเนตรปีศาจคือห่วงโซ่ลำดับเทพทั้งสองสายที่มันใช้ได้ หนึ่งเป็นประเภท ขณะที่อีกอันเป็ฯประเภทเสริมพลัง ทั้งสองเสริมกันและกัน ไม่เพียงแต่สามาถเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ แต่ยังกลบข้อบกพร่องของกันและกัน เมื่อพลังลำดับทั้งสองประสานกัน พลังของมันจะเกินยิ่งกว่าห่วงโซ่ลำดับเทพของเทพสวรรค์ขั้นสอง
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเนตรปีศาจถึงควบคุมเทพสวรรค์ขั้นสองส่วนใหญ่ได้ตอนมันเข้าแดนลับนี้ใหม่ๆ
แต่ทว่า ต่อให้หลินฮวงจะพบถึงพลังของเนตรปีศาจ เขาก็ยังเลือกไม่ผ่านมัน เขามุ่งตามเส้นทางเดิม และแม้กระทั่งรวมเนตรปีศาจไว้บนรายชื่อการล่า
ในความเป็นจริง การกระทำนี้ของเขาทำให้เทพสวรรค์หลายคนนอกแดนลับตื่นตระหนก
บางคนเชื่อว่าหลินฮวงเลือกเนตรปีศาจเป็นเป้ามายเพราะอยากพิสูจน์ว่าเขาทรงพลังกว่าเทพแท้จริงคนใด
แต่ทว่า ใต้สวรรค์ไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าหลินฮวงจะลึกล้ำขนาดนี้ แต่เขามีความคิดคร่าวๆถึงนิสัยของคนอื่น เขารู้ว่าหลินฮวงไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเกินความสามารถตัวเอง ถ้าเขาตัดสินใจทำอะไร มันต้องหมายความว่าเขาอยากทำ ซึ่งไม่ใช่เพื่ออวดคนอื่น
นี่ทำให้ใต้สวรรค์สับสนมากกว่าคนอื่น ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมหลินฮวงถึงเลือกเป้าหมายล่าเช่นนั้น?!
สิ่งที่ทำให้เขาสับสนคือความจริงที่หลินฮวงกล้าท้าทายเนตรปีศาจ?!
ในวิดิโอ หลินฮวงกำลังบินเข้าอาณาเขตของเนตรปีศาจอย่างรวดเร็ว
ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีพลังจิตวิญญาณของเทพสวรรค์ขั้นสอง เนตรปีศาจตรวจพบการรุกรานของหลินฮวงอย่างรวดเร็ว
ถ้านี่เป็นโลกภายนอก มันคงโจมตีหลินฮวงไปนานแล้ว
แต่ทว่า มีกฏในแดนลับนี้ เทพสวรรค์ไม่ได้รับอนุญาตให้โ๗มตีผู้เข้าร่วมก่อนเว้นแต่จะยืนยันได้ว่าพวกมันคือเป้าหมายล่าของผู้เข้าร่วม
เนตรปีศาจยังเต็มไปด้วยความกลัวจากการสะกดข่มของนครหลวงเทพและไม่กล้าข้ามเส้น ถ้าอีกฝ่ายแค่ผ่านมา และมันโจมตีก่อน นั่นจะทำให้นครหลวงเทพส่งคนมาจัดการมัน
แต่ทว่า เจตนาของหลินฮวงชัดเจน หลังเขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของเนตรปีศาจ เขาก็พุ่งตรงไปหามัน
เนตรปีศาจอดตื่นเต้นไม่ได้
มันสามารถกำหนดได้ว่าอีกฝ่ายคือเป้าหมายมัน
ต้องรู้ว่ามันผ่านมาหลายปีแล้วที่มันไม่ได้สู้กับใคร แต่ทว่า มันก็ยังจำรสชาติของผู้เข้าร่วมที่มันเคยกินได้ชัด
เมื่อคิดถึงรสชาติของเหล่าโปรตอส มันก็ตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมหนวดรอบตัวได้
ไม่นาน เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหน้ามัน เมื่อสายตามันจับจ้องผู้มาใหม่ มันก็ตกใจที่เห็นว่านี่คือผู้เข้าร่วมก่อนหน้านี้
ด้วยความที่มันไม่สามารถโจมตีก่อนได้ มันจึงจำต้องระงับความตื่นเต้นไว้ เพ่งมองอีกฝ่าย
พลังของกลิ่นอายอีกฝ่ายก็แค่เทพแท้จริงขั้น 9 ทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ ตามกลิ่นอายเขาอย่างเดียว เขาถือว่าอ่อนแอสุดในบรรดานักล่าทั้งหมดที่เคยท้าทายมัน
เนตรปีศาจเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นพวกอวดดีอย่างมาก หรือต้องมีไพ่ตายซ่อนอยู่ แต่ทว่า มันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรก
ในเวลาเดียวกับที่เนตรปีศาจกำลังสังเกตหลินฮวง หลินฮวงก็สังเกตมันเช่นกัน
เนตรปีศาจเป็นลูกตาขนาดยักษ์ที่มีรูม่านตาสีแดง มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามเมตร ลอยอยู่ในอากาศ ที่แนบติดกับส่วนหลังของลูกตาคือก้อนเนื้อสีแดงขนาดใหญ่ที่มีหนวดนับร้อยยื่นออกมา…
มันดูน่าขยะแขยง
ยิ่งไปกว่านั้น หลินฮวงสามารถสัมผัสได้ชัดว่าเนตรปีศาจที่อยู่ตรงหน้ามีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าเทพสวรรค์ที่เขาล่า ในความเป็นจริง กลิ่นอายมันเกือบจะแกร่งพอๆกับขั้นสอง
‘ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง แต่ตามกลิ่นอายมัน ความสามารถมันไม่น่าจะอ่อนแอกว่าเทพสวรรค์ขั้นสอง..’หลินฮวงทำการประเมิน
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานของหลินฮวงที่จับเข้ากับมัน เนตรปีศาจก็ยินดีและเปิดฉากโจมตีโดยไม่ลังเล
รูม่านตามันเปล่งแสงสีแดงออกมา เหมือนกับพระจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้า แสงสีแดงส่องสว่างเงียบๆ สาดส่องออกไปหลายสิบกิโลเมตร
หลินฮวงเองก็โดนห่อหุ้มไว้ภายในแสง…
การถูกพลังงานของอีกฝ่ายจับไว้หมายความว่าอีกฝ่ายกำหนดเป้ามาที่มัน ดังนั้นเนตรปีศาจจึงมีสิทธิ์ลงมือ
การลงมือก่อนภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ได้รับอนุญาตตามกฏของแดนลับ
กฏห้ามลงมือก่อนจะมีผลก็ต่อเมื่อไม่สามารถยืนยันเจตนาของผู้เข้าร่วมได้ เนื่องจากอีกฝ่ายอาจแค่ผ่านมา แต่ทว่า เมื่อเป้าหมายล่าของผู้เข้าร่วมชัดเจน นักโทษที่ตกเป็นเป้าหมายจะได้รับอนุญาตให้ลงมือก่อนได้
การกำหนดกฏนี้เป็นหลักก็เพื่อป้องกันไม่ให้พวกซุ่มซ่ามเผลอไปเข้าอาณาเขตของนักโทษเทพสวรรค์
ผู้ที่อยู่นอกแดนลับเป็นพยานถึงฉากที่เนตรปีศาจเปิดฉากโจมตี ขณะที่หลินฮวงแค่ยืนนิ่งโดยไม่ทำอะไรเลย
เทพสวรรค์จำนวนมากที่เฝ้าดูการต่อสู้รู้สึกหัวใจเต้นกระหน่ำ
แม้หลายคนจะเลือกข้างเนตรปีศาจ ส่วนใหญ่ก็ยังหวังเห็นหลินฮวงสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง
ต่อให้เขาจะไม่ใช่คนของพวกเขา มันก็ยังเป็นเรื่องดีสำหรับแดนเทพที่มีอัจฉริยะฟ้าประทานเช่นนี้
ส่วนใหญ่ไม่อยากเห็นหลินฮวงตายที่นี่
อย่างไรก็ตาม ผู้นำเทพสวรรค์ทุกคนรู้ว่าถ้าเขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีแรกของเนตรปีศาจได้ ก็คงไม่มีโอกาสให้เขาพลิกกระดานอีก
การจะสลัดตัวเองให้หลุดพ้นจากภาพลวงตาของเนตรปีศาจนั้นคือหลินฮวงต้องมีพลังจิตแกร่งกล้ากว่ามัน
“ซิวมู่ไม่ขยับตัวเลย เห็นได้ชัดว่าเขายอมจำนนต่อภาพลวงตาไปแล้ว การต่อสู้นี้ไม่น่าดูอีก”ผู้นำเทพสวรรค์ของวิหารเทพนักรบพึมพำ
“ผู้อาวุโสใต้สวรรค์ เราควรแทรกแซงเลยหรือไม่?!”ผู้นำของนครหลวงเทพถาม
ใต้สวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าหลินฮวงจะไม่สามารถต้านทานการหยั่งเชิงนี้ได้
ขณะที่เขากำลังพิจารณาว่าควรรอดูหรือไม่ ในภาพ หลินฮวงก็พลันเงยหน้าขึ้น จ้องมองเนตรปีศาจ
“นี่คือเทคนิคที่ทรงพลังสุดของเจ้าแล้ว?มันดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าไว้สูงเกินไป”
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น ลำแสงสีแดงนับหมื่นสายก็พุ่งออกจากแขนเสื้อเขา กลืนกินเนตรปีศาจ
ในเวลาไม่ถึงเสี้ยวอึดใจ ศพของเนตรปีศาจที่มีลักษณะคล้ายเนื้อบดก็ร่วงหล่นจากกลางอากาศ
ห่วงโซ่ลำดับเทพสองสาย รวมถึงพลังกฏเทพจำนวนมากเริ่มไหลเข้าตัวหลินฮวงอย่างบ้าคลั่ง และเขตแดนเทพภายในตัวเขาก็เริ่มขยายอีกครั้ง
จำนวนพลังกฏเทพพุ่งทะยานจากกว่าแปดหมื่นประเภทเป็นเก้าหมื่นประเภทแทบจะทันที
ตอนนี้ หลินฮวงสัมผัสได้ว่ากฏเทพกว่าเก้าหมื่นเริ่มตอบสนองเป็นคลื่นพลังงานพิเศษซึ่งไหลไปยังดวงวิญญาณเขา
ไฟเทวะของเขาแผดเผาอีกครั้ง พลังเทวะของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งร่างกายและวิญญาณของเขาก็ดูเหมือนจะอาบไปด้วยพลังงานพิเศษ ก้าวไปสู่ระดับใหม่
เมื่อการเปลี่ยนแปลงเสร็จสมบูรณ์ หลินฮวงก็รู้สึกได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
“ในที่สุดข้าก็เป็นขั้นสองแล้ว!’
ตอนนี้ ในที่สุดหลินฮวงก็พบหนทางที่จะเลื่อนขั้นพลังของเขา