หลังหลินฮวงฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองสำเร็จ อัจฉริยะขององค์กรใหญ่ก็นั่งกันก้นไม่ติด
เทพแท้จริงขั้นสูงสุดจำนวนมากที่ใช้พลังกฏเทพถึงขั้นสมบูรณ์ได้หยุดอุ่นเครื่องและทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม พวกเขาเริ่มเข้าเขตเทพสวรรค์ทีละคน
พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาไม่เริ่มฆ่าเทพสวรรค์ตอนนี้ พวกเขาจะโดนซิวมู่ทิ้งห่างมองไม่เห็นฝุ่น
สำหรับเทพแท้จริงหลายคนที่ต่ำกว่านั้น พวกเขาเริ่มเล่นเกมฆ่านักโทษเทพแท้จริง พวกเขาทำงานหนักขึ้นเพื่อให้แต้มล่าสุดท้ายพวกเขาดีขึ้น
รวมถึงซิวมู่ มีเทพแท้จริงขั้นสูงสุดไม่เกินสิบ ต่อให้จะไม่สามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้ มันก็ยังดีถ้าได้ติดสิบอันดับแรก ถ้านี่ไม่ได้ผล การติด 20 อันดับแรกก็ยังดี
สำหรับพวกที่ต่ำกว่าเทพแท้จริง เทพเสมือนหลายคนไม่ได้สนใจกระดานทองนัก
แต่ทว่า พวกเขาก็เห็นแต้มอันดับหนึ่งบนกระดานทองที่แตะสี่หลักไปแล้ว ในขณะเดียวกัน อันดับหนึ่งยังมีเลขแค่หลักเดียวอยู่เลยบนกระดานเงิน การจะขึ้นสิบอันดับแรกบนกระดานเงินไม่ได้ยากขนาดนั้น
สิ่งนี้ได้กระตุ้นใครหลายคน
เหนือสิ่งอื่นใด มันไม่เหมือนกับความแตกต่างอย่างมากของคะแนนบนกระดานทอง ความเหลื่อมล้ำของคะแนนบนกระดานเงินยังไม่กว้างมาก มันยากมากที่จะบอกว่าสุดท้ายใครจะชนะ
ด้านนอกแดนลับ เทพสวรรค์กำลังเพลิดเพลินกับการแสดง
เมื่อเห็นว่าจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของทุกคนถูกสุมโดยหลินฮวง พวกเขาก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องดี
แดนลับเป็นเวทีให้บุคคลได้แสดงความสามารถและนำชื่อเสียงมาสุ่องค์กรตน
ผู้นำทั้งหมดขององค์กรใหญ่หวังว่าผู้เข้าร่วมที่พวกเขานำมาด้วยจะเป็นดาวเด่น เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เข้าร่วมเหล่านี้คือขุมกำลังหลักขององค์กรในปัจจุบันและในอนาคต
หลินฮวงไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เขานำมาเลย
เขายังคงมุ่งหน้าหาเป้าหมายต่อตามปกติ หลังฆ่าเสร็จ เขาก็มองหาเป้าหมายต่อไป กระบวนการนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก…
สำหรับการฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองทั้งหมด เขาใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพสายฟ้าตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช้อื่นใด
แม้เขาจะใช้แค่ห่วงโซ่ลำดับเทพเส้นเดียว แต่ก็มีมีดบินพลังจิตนับหมื่นที่เต็มไปด้วยพลังกฏเทพ จำนวนสูงสุดของพวกมันยังมากถึงแปดหมื่น เป็นการชนะด้วยจำนวนอย่างแท้จริง
นี่ทำให้ผู้นำเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับต่างงุนงง
ในแง่หนึ่ง พวกเขาประหลาดใจกับการควบคุมพลังจิตของหลินฮวง ในอีกด้าน พวกเขายังตกใจกับพลังจิตของหลินฮวงและพลังเทวะที่มากมายของเขา ในขณะเดียวกัน ผู้นำเทพสวรรค์บางคนยังตกตะลึงกับความร่ำรวยของหลินฮวง
เหนือสิ่งอื่นใด สมบัติเทพสวรรค์ที่ใช้โดยเทพสวรรค์ไม่ถูกเลยและสมบัติอาวุธพลังจิตเช่นนี้ก็มีค่ามาก ไม่ใช่แค่นั้น ทุกคนสามารถบอกได้ว่าอาวุธพลังจิตชุดนี้ที่หลินฮวงใช้ไม่ใช่ระดับต่ำ
มีบางคนเดาว่าซิวมู่อาจเป็นลูกหลานของใต้สวรรค์หรือเหล่าเคียวโลหิตในเคียวแห่งความตาย
ในแดนลับ หลินฮวงยังคงดำเนินการฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเทพสวรรค์ขั้นสองทุกตนที่โดนเขาฆ่า เขาสามารถปล้นพลังกฏเทพได้ประมาณหมื่นประเภท หลังฆ่าไปกว่าสิบตัวติด พลังกฏเทพในตัวเขาก็พุ่งทะยานไปกว่าแสนสอง แต่ระดับพลังของเขายังไม่มีท่าว่าจะเลื่อนขั้น
เขาให้ความสนใจกับจำนวนกฏในตัวมาก ตลอดจนกระทั่งฆ่านักโทษคนที่ 18 เมื่อจำนวนกฏในตัวของเขาแตะ สองแสนเจ็ดหมื่นประเภท ระดับพลังของเขาถึงเลื่อน
เขาเลื่อนจากขั้นสองเป็นขั้นสาม!
“เพิ่มทีละสามเท่างั้นเหรอ?!”หลินฮวงมีความคิดคร่าวๆถึงกฏความก้าวหน้า
เมื่อเขาเลื่อนเป็นเทพแท้จริงในตอนแรก เขามีกฏสามหมื่นประเภทในตัว เลื่อนเป็นขั้นสองตอนมีกฏเก้าหมื่นประเภท และการเลื่อนเป็นขั้นสามก็ใช้กฏเทพถึงสองแสนเจ็ดหมื่นประเภท ถ้าคำนวณตามรูปแบบนี้ การเลื่อนเป็นขั้นสี่ของเขาควรต้องการกฏเทพถึง 811000 ชนิด
ด้วยการคำนวณนี้ในหัว หลินฮวงจึงดำเนินการล่าต่อ
แต่ทว่า เปา้หมายล่าเขาเริ่มเพิ่มจากเทพสวรรค์ขั้นสองเป็นขั้นสาม
ไม่มีเหตุผลพิเศษสำหรับเรื่องนี้ แค่เพราะความจริงที่ว่าเทพสวรรค์ขั้นสามมีกฏมากกว่าภายในตัวก็เท่านั้น
เมื่อตระหนักว่าการเคลื่อนไหวของหลินฮวงผิดปกติไปอีกครั้ง เทพสวรรค์ทั้งหมดด้านนอกแดนลับจึงให้ความสนใจกับเขาอีกครั้ง
“เส้นทางบินของซิวมู่ดูเหมือนจะตรงไปยังอาณาเขตของเทพสวรรค์ขั้นสาม…”
“ชายคนนี้คงไม่คิดว่าเขาจะฆ่าเทพสวรรค์ขัั้นสามได้หรอกมั้ง?!”
“เขาใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพได้แค่เส้นเดียวและอยากฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสาม ข้าเกรงว่ามันจะยากไป”ผู้นำของนครหลวงเทพส่ายหัว ไม่ได้มองในแง่ดีเกี่ยวกับพฤติกรรมของหลินฮวง
“อย่างมาก ความสามารถของเขาก็แค่ขั้นสอง เพื่อฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสอง เขาพึ่งพามีดบินทั้งหมดเพื่อทำให้ศัตรูเหนื่อย ถ้าเขาอยากใช้กลยุทธ์เดียวกันกับขั้นสาม ข้ากรงว่าสุดท้ายเขาจะเหนื่อยจนตายไปเอง”ผู้นำของวิหารเทพนักรบส่ายหัว
“มันดูเหมือนจะไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดเคยท้าทายเทพสวรรค์ขั้นสามมาก่อนเลยสินะ?!ไม่ว่าซิวมู่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แค่ความพยายามนี้ของเขาก็หมายความว่าเขาเหนือกว่าผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่เคยมีมาแล้ว”ตอนนี้ ผู้นำของซีโน่พลันสนับสนุนหลินฮวง
“เจ้ารู้ได้ไงว่าซิวมู่จะไม่มีไพ่ตายอื่นให้แสดงอีก?”ผู้นำของตาข่ายคลุมสวรรค์แสดงรอยยิ้มขี้เล่น เมื่อพวกเขาพูด พวกเขายังจงใจเหลือบมองใต้สวรรค์ แต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้
จากองค์กรระดับ 7 ทั้งห้า 4 ในนั้นได้ระบุแล้วว่าพวกเขาหนุนใคร
เมื่อสัมผัสว่าหลายคนกำลังลอบมองเขา ผู้นำของศาลาสมบัติก็หัวเราะเบาๆ
“ข้าไม่ขอออกความเห็น ถ้าผู้เข้าร่วมเหล่านี้เกิดเป็นจ้าวเทวะเข้าสักวัน พวกเขาจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของศาลาสมบัติล้ำค่าเรา แต่ทว่า ถ้าพวกเจ้าอยากเถียงกัน ข้าก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นเจ้าภาพและเปิดการเดิมพันรอบใหม่”
“มาเพิ่มเงินเดิมพันกันในรอบนี้ ข้าจะรับแค่สมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูง เริ่มด้วยสามชิ้น!”
“คนที่สนใจสามารถร่วมเล่นได้”
วินาทีที่ผู้นำของศาลาสมบัติพูด ทุกคนก็เงียบไป
เงินเดิมพันเริ่มต้นเหล่านี้ทำให้ผู้นำเทพสวรรค์ขององค์กรระดับห้าตั่วสั่นสะท้าน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูด เพราะสมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูงทั้งหมดที่พวกเขามีกับตัวมีแค่ 3-5 ชิ้นเท่านั้น
สำหรับผู้นำขององค์กรระดับหก พวกเขายังเงียบด้วย สำหรับส่วนใหญ่ นี่เหมือนกับการตัดคอตัวเอง
สำหรับองค์กรระดับเจ็ด พวกเขาไม่พูดอะไรมาก
มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะชนะไหม
ผู้นำของวิหารเทพนักรบกับนครหลวงเทพที่ดูถูกหลินฮวงก่อนหน้าก็ยังลังเล
แม้พวกเขาจะบอกว่าหลินฮวงทำไม่ได้ พวกเขาก็ยังมีความรู้สึกคลุมเครือในใจว่าเขาอาจมีไพ่ตายเพิ่ม บางทีเขาอาจฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสามได้จริง
และถึงแม้ผู้นำของซีโน่กับตาข่ายคลุมสวรรค์จะพูดสนับสนุนหลินฮวง ตรรกะพวกเขาก็บอกพวกเขาว่าโอกาสชนะของหลินฮวงไม่สูง เขาอาจไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสามได้สำเร็จและแค่อยากลองดู
ทันทีที่ผู้นำของศาลาสมบัติล้ำค่าพูด ไม่มีใครตอบสนองไปสักพัก
หลังจากนั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร ใต้สวรรค์ถึงก้าวออกไป นำแหวนเก็บของออกมา
“ข้าเดิมพันว่าซิวมู่จะชนะ!”
ทุกคนเหลือกตามองใต้สวรรค์
แต่ทว่า ผู้นำของศาลาสมบัติล้ำค่าไม่รับของมาจากใต้สวรรค์ เขากลับเหลือบมองคนอื่นแทน”มีใครจะเดิมพันอีกไหม?!ถ้าไม่มี การเดิมพันรอบนี้ก็เล่นไม่ได้”
ไม่มีใครตอบกลับเป็นเวลานาน
แม้กระทั่งผู้นำขององค์กรระดับเจ็ดก็ยังหลบสายตา
“ถ้าไม่มีใครร่วม งั้นก็โทษข้าไม่ได้”ผุ้นำของศาลาสมบัติผายมือให้ใต้สวรรค์
เมื่อเห็น ใต้สวรรค์ก็เก็บแหวนไปและไม่พูดอีก
ผู้นำเทพสวรรค์หลายคนลอบเดาว่าพวกเขาโดนใต้สวรรค์หลอกหรือเปล่า หรือว่าซิวมู่มีความสามารถพอจะฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสามจริงๆ?!