หลังสำรวจมอนสเตอร์ตรงหน้า หลินฮวงก็เปิดฉากโจมตีโดยตรง
ด้วยการสะบัดแขนเสื้อ มีดบินนับหมื่นเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงเลือดหมื่นสายที่พุ่งออกไป
สติทช์เป็นมอนสเตอร์ที่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด และตัวตนปัจจุบันของหลินฮวงก็แค่ผู้ใช้พลังจิต เขาต้องทำการลงมือก่อนเพื่อเลี่ยงไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้
แต่ทว่า ปีกบนหลังของสติทช์กลับสั่นพร้อมกัน แม้แต่ความถี่การสั่นกระพือของปีกหลากสีหลากรูปทรงเหล่านี้ก็ยังต่างกันโดยสินเชิง อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าแปลกคือความเร็วการบินของสติทช์น่าทึ่งมาก แม้กระทั่งความคล่องตัวมันก็ยังเหนือกว่าที่หลินฮวงคาดไว้
ปีกมันสั่นกระพืออย่างเร็ว ร่างของสติทช์พุ่งผ่านตาข่ายมีดบินพลังจิตของหลินฮวงอย่างว่องไว สามารถหลบการโจมตีได้ทั้งหมด
ไม่มีมีดบินสักเล่มที่โดนตัวมัน
หลินฮวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับผลลัพธ์
นี่เพราะ ในเนื้อหาที่ใต้สวรรค์จัดหาให้ ไม่มีการพูดถึงว่าสติทช์มีความเร็วเช่นนี้
มันไม่ใช่ว่าใต้สวรรค์ไม่รู้ แต่ตอนเขาจัดเตรียมเนื้อหาให้พวกหลินฮวง เขาไม่มีความคิดว่าจะมีใครมีความสามารถฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสาม ดังนั้น ข้อมูลเบื้องต้นที่เทพสวรรค์ให้จึงมากแค่เทพสวรรค์ขั้นหนึ่งถึงสอง
ด้านนอกแดนลับ เมื่อพวกเขาเห็นสติทช์หลบมีดบินพลังจิตของหลินฮวงได้ง่ายๆ เทพสวรรค์หลายคนก็ชำเลืองตามองใต้สวรรค์
ผู้นำของนครหลวงเทพถามตรงๆ”ผู้อาวุโสใต้สวรรค์ ในเนื้อหาที่ท่านให้ซิวมู่ มีรายละเอียดของสติทช์หรือไม่?”
“ไม่”ใต้สวรรค์ส่ายหัว ตอบอย่างไร้อารมณ์”ข้าให้ข้อมูลแต่เทพแท้จริง ข้าไม่คิดว่าซิวมู่จะไปล่าเทพสวรรค์ขั้นสามเช่นกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของใต้สวรรค์ ทุกคนก็รู้สึกว่าโอกาสที่หลินฮวงจะชนะศึกนี้ได้ช่างแผ่วบาง
มีผู้นำเทพสวรรค์หลายคนที่เริ่มเสียใจที่ไม่วางเดิมพัน
ในความเป็นจริง มันไม่ใช่แค่เคียวแห่งความตาย แต่องค์กรระดับเจ็ดต่างก็แทบไม่ได้มอบข้อมูลของเทพสวรรค์ขั้นสามให้คนของพวกเขา
นี่เพราะ ในแดนลับ ไม่เคยมีใครไปล่าเทพสวรรค์ขั้นสามมาก่อน
พวกเขาไม่รู้สึกว่ามันจำเป็นที่ต้องให้ข้อมูลโดยละเอียดของนักโทษเทพสวรรค์ขั้นสามหรือสูงกว่านั้น
ในแดนลับ หลังเห็นความเร็วการบินกับความคล่องตัวของสติทช์ หลินฮวงก็แปลกใจเล็กน้อย
ข้อมูลที่ใต้สวรรค์ให้ไว้กับนักโทษเทพสวรรค์ขั้นสองขึ้นไปนั้นสั้นกระชับมาก หลินฮวงสังเกตเห็นมันตั้งแต่ต้นและเดาเหตุผลได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้น ก่อนจะเลือกสติทช์เป็นเป้า เขาก็เตรียมใจไว้แล้ว
เขาลงมือทันทีที่มาถึง เพราะสำหรับตัวตนนี้ ในฐานะผู้ใช้พลังจิต เขาไม่สามารถดึงเข้าสู้ระยะประชิดได้ อีกเหตุผล เขากำลังทดสอบความเร็ว ความคล่องแคล่ว พลังป้องกันและแง่อื่นของอีกฝ่าย
แม้เขาจะแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่มีมีดบินสักเล่มโดนเป้าหมาย มันก็ยังเป็นไปตามคาด
ตอนนี้ที่การทดสอบรอบแรกแสดงผลลัพธ์ หลินฮวงจึงไม่ลังเลยเลย จากแขนเสื้อเขา มีดบินได้พุ่งออกมาเพิ่ม
หมื่น สองหมื่น สามหมื่น…พวกมันสะสมกันเป็นแสนและยังเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง
เหล่าเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับถึงกับตาเหลือก
“มีมีดบินกว่าแสนเล่ม และยังเพิ่มเรื่อยๆ พลังจิตของเขาสามารถแยกตัวได้มากแค่ไหนกัน?!”
“ความเร็วการโจมตีของมีดบินเหล่านี้ยังเพิ่มขึ้นด้วย มันไปถึงขอบเขตผู้ใช้พลังจิตระดับเทพสวรรค์ขั้นสามแล้ว”
“สิ่งที่น่ากลัวสุดคือการที่เขาสามารถควบคุมมีดบินกว่าแสนได้ และยังผสานพวกมันด้วยพลังลำดับเทพ ระดับการผลาญพลังเทวะนี้มากมหาศาล พูดตามตรรกะ คงไม่มีเทพแท้จริงคนใดที่สามารถทำแบบนี้ได้ ข้าไม่รู้เลยว่าเขาทำแบบนี้ได้ยังไง!”
ในแดนลับ จำนวนมีดบินพลังจิตของหลินฮวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งแตะ 1.8 แสนเล่ม สุดท้ายสติทช์ก็ไม่สามารถหลบได้อีกและโดนโจมตีเป็นครั้งแรก
แต่ทว่า หลินฮวงยังสังเกตเห็นว่าการโจมตี ซึ่งเต็มไปด้วยพลังลำดับสายฟ้าและพลังกฏเทพกว่าร้อยประเภทโดนปีกข้างหนึ่งของสติทช์ป้องกันไว้ นี่คือปีกมังกรที่เต็มไปด้วยเกล็ด การโจมตีโดนสะท้อนออกไปโดยไม่ทำให้มันบาดเจ็บเลย
‘ไม่เพียงความเร็วมันจะน่าทึ่ง แต่พลังป้องกันมันก็ด้วย มีหลายปีกที่มีหน้าที่ป้องกัน พลังป้องกันมันควรเหนือกว่าส่วนอื่นของร่างกาย…’
หลินฮวงวิเคราะห์ต่อเงียบๆ
ความจริงแล้ว มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะจัดการกับมอนสเตอร์ตัวนี้ แต่ด้วยนิสัยของซิวมู่ แถม ยังมีคนมากมายจับตาดูเขาอยู่ มันจึงมีหลายวิธีที่เขาไม่สามารถใช้ได้
นอกจากนี้ เขายังรู้ว่าวินาทีนี้ ผู้นำเทพสวรรค์หลายคนด้านนอกคนจับตาดูทุกการกระทำของเขา
เขาทำได้แค่มองจากมุมมองของซิวมู่ และพิจารณาว่าเขาจะเอาชนะการต่อสู้นี้ได้อย่างไร
ในความว่างเปล่า มีดบินพลังจิตเกือบสองแสนเล่มก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ ห่อหุ้มสติทช์เอาไว้
แต่ทว่า สติทช์ก็ลื่นเหมือนปลาไหล หลบด้วยความเร็วสายฟ้า ไม่เพียงมันจะเร็วมาก แต่มันยังว่องไวอีกด้วย ทางเลือกสุดท้ายที่มันจะใช้คือต่อต้านมีดบินด้วยกำลัง
เหนือสิ่งอื่นใด มีดบินแต่ละเล่มเต็มไปด้วยพลังลำดับเทพ แม้สติทช์จะไม่บาดเจ็บถ้าโดนโจมตี มันก็ยังต้องใช้พลังเทวะจำนวนมาก ดังนั้น สติทช์จึงพยายามเต็มที่ไม่ให้โดนโจมตี
แต่ทว่า ด้วยมีดบินนับแสนคอยไล่ตาม มันจึงทำได้แค่หลบและป้องกันตัวเอง มันไม่มีโอกาสเข้าใกล้หลินฮวงเลย
หลินฮวงยังหลบหลีกการโจมตีระยะไกลที่สติทช์ปล่อยเป็นครั้งคราวได้สบายๆ
เช่นเดียวกันนั้น ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย
การโจมตีของหลินฮวงไม่สามารถทำร้ายสติทช์ได้ และตรงกันข้าม สติทช์ก็ไม่มีโอกาสเข้าประชิดหลินฮวง
บนผิวเผิน มันดูเหมือนว่าหลินฮวงเหนือกว่าสติทช์
แต่ทว่า เหล่าผู้นำเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับกลับไม่เห็นอย่างนั้น
นี่เพราะวิธีต่อสู้ของหลินฮวงจ้องใช้พลังเทวะจำนวนมาก
ใครก็บอกได้ว่ายิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ โอกาสชนะของหลินฮวงก็ยิ่งลดน้อยลง
ครั้งนี้ แม้กระทั่งใต้สวรรค์ก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่หลินฮวงจะพลิกกระดาน
สถานการณ์การต่อสู้ที่ทั้งสองไม่สามารถทำร้ายกันได้กินเวลานานกว่าสิบนาที แต่มุมปากของหลินฮวงกลับยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
‘แค่นั้นแหละ…’
‘ทั้งเจ็ดหัวต่างมีบทบาทของตน หนึ่งควบคุมแขนขา หนึ่งควบคุมปีก หนึ่งควบคุมการป้องกัน หนึ่งควบคุมการโจมตี หนึ่งควบคุมสายตากับสัมผัส หนึ่งควบคุมการใช้พลังเทวะ และสุดท้ายควบคุมพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพ’
หลังการตรวจสอบนานกว่าสิบนาที ในที่สุดเขาก็มีความเข้าใจพอถึงศัตรูปัจจุบันเขา
‘ถ้าข้ากำจัดหัวหนึ่งของมัน จะเกิดอะไรขึ้น?’หลินฮวงสงสัย แต่ในความเป็นจริง เขาได้ทำการคาดเดาไว้แล้ว