ชิ้นส่วนผนึกดาบในมือเวอชุโอโซค่อนข้างคุ้นเคยสำหรับหลินฮวง
นี่คือแผ่นกระดาษสีทองเข้มขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์ และยังมีอักขระสีดำส่องแสงบนนั้น แต่ทว่า แผ่นกระดาษนี้กลับดูเหมือนไม่สมบูรณ์ ราวกับมีใครบางคนฉีกมันไป
ดวงตาของหลินฮวงเบิกกว้าง ของชิ้นนี้แทบเหมือนคัมภีร์ดาบใหญ่หน้าหนึ่งภายในตัวเขา ยกเว้นแค่ว่ารูปทรงที่ฉีกขาดต่างกัน
“ทำไม เจ้าเคยเห็นมาก่อน?”เวอชุโอโซแปลกใจกับท่าที ตามสิ่งที่หลินฮวงพูด เขาดูเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน
“ข้าคิดว่าข้าเคยเห็น”หลินฮวงตอบอย่างคลุมเครือ เขาปกปิดความจริงที่เขามีชิ้นส่วนผนึกดาบอยู่แล้วในตัวไว้
เมื่อเห็นว่าหลินฮวงไม่อยากอธิบาย เวอชุโอโซก็ไม่เจาะลึกลงหัวข้อนี้
“ข้ามีคำถาม ถ้ามันเป็นผู้บ่มเพาะดาบเหมือนกันและการยกระดับไปสู่จ้าวเทวะคือผ่านเต๋าดาบ ผนึกดาบจะเกิดความแตกต่างในแง่พลังไหม?”หลินฮวงอยากรู้เกี่ยวกับผนึกเต๋าและอดถามไม่ได้
“แน่นอน”เวอชุโอโซยิ้มและพยักหน้า
“ยิ่งรากฐานของผู้บ่มเพาะแข็งแกร่ง ผนึกดาบก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
“มันเป็นตรรกะที่ง่ายมาก ผนึกดาบที่ควบแน่นจากห่วงโซ่ลำดับเทพเก้าสายจะไม่มีวันแข็งแกร่งกว่าอันที่ควบแน่นจากห่วงโซ่ลำดับเทพร้อยสาย”
“เต๋าดาบคือพลังกฏเทพประเภทหนึ่ง ในความเป็นจริง ไม่มีความแตกต่างพื้นฐานใดระหว่างกฏสวรรค์เต๋าดาบกับห่วงโซ่ลำดับเทพ”
“แน่นอน ความแตกต่างอยู๋กับความจริงที่ว่ากฏสวรรค์เต๋าดาบของคนนั้นเป็นเอกลักษณ์เพราะมันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนสองคนที่จะฝึกทักษะดาบเหมือนกันหมด ต่อให้เจ้ากลับไปตั้งแต่ต้นและย้ำผู้บ่มเพาะสองคนให้ฝึกทักษะดาบเหมือนกัน พรสวรรค์แต่กำเนิดและความเข้าใจของพวกเขาก็ไม่ตรงกัน ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าใจของพวกเขาที่มีต่อทักษะดาบแต่ละชนิดจะไม่มีวันเหมือนกันด้วย”
“มันเป็นปัจจัยเหล่านี้ที่สร้างกฏสวรรค์เต๋าดาบให้พิเศษและกำหนดความแข็งแกร่งของกฏสวรรค์เต๋าดาบ รวมถึงพลังของผนึกดาบที่ตามมา”
“ในระยะสั้น ถ้าเจ้าไม่อยากโดนจ้าวเทวะคนอื่นบดขยี้หลังกลายเป็นจ้าวเทวะ ก็จงทำรากฐานให้มั่นคง”หลังเขาอธิบายจบ เขาก็เพิ่มข้อสรุป
“ข้ามีคำถามอื่น”หลินฮวงอดถามไม่ได้”หลังระดับจ้าวเทวะ..ยังมีระดับที่สูงกว่านั้นจริงหรือ?”
หลังไตร่ตรองสักพัก เวอชุโอโซก็ตอบ”ให้ข้าพูดแบบนี้ การเป็นจ้าวเทวะนั้นคือก้าวแรกสู่การเป็นผู้มีอำนาจ.”
“แน่นอน สำหรับคนส่วนใหญ่ จ้าวเทวะคือจุดสนท้าย รวมถึงจุดสูงสุดในชีวิต แต่สำหรับบางคน ทางเดินนั้นยังอีกยาวไกล…”เมื่อเวอชุโอโซพูดประโยคสุดท้าย เขาก็จงใจมองหลินฮวง
“ข้าขอถามระดับพลังของร่างจริงเจ้าได้ไหม?”หลินฮวงถามอีกครั้ง
“นี่เป็นความลับ”เวอชุโอโซส่ายหัวและปฏิเสธที่จะให้คำตอบ”เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบอกเจ้า”
หลินฮวงยิ้มเขินอายและไม่ซักถามต่อ
หลังรับชิ้นส่วนผนึกดาบจากเวอชุโอโซและตกลงกันว่าจะเข้าหุบเหวตอนไหน หลินฮวงก็คุยกับอีกฝ่ายสักพัก โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นฝ่ายถาม เวอชุโอโซเป็นฝ่ายตอบ เพียงเมื่อเวอชุโอโซบอกว่าผลการปกปิดภาพจะคลายตัวในไม่ช้า หลินฮวงถึงหยุดถาม
หลังทั้งสองแลกเปลี่ยนหมายเลขติดต่อกัน เวอชุโอโซก็จากไปเงียบๆ
หลังเวอชุโอโซจากไป มังกรหินดำก็ได้สติ
หลินฮวงรีบเข้าสู่โหมดล่าใหม่อย่างรวดเร็ว
ด้านนอกแดนลับ ตอนจอภาพกลับเป็นปกติ กลุ่มเทพสวรรค์กลับเห็นแค่หลินฮวงกำลังสู้กับมังกรหินดำ
“เวอชุโอโซไปไหน?”
“ทั้งคู่สู้กันไม่ใช่เหรอ?!”
“ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…”
เหล่าเทพสวรรค์รีบเปิดกระดานทองเพื่อตรวจสอบ เห็นว่าชื่อของเวอชุโอโซยังอยู่ จากนั้นวกเขาก็ขับไล่ความคิดที่ว่า’เวอชุโอโซโดนซิวมู่ฆ่า’ออกไป
แม้ใต้สวรรค์จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อเห็นว่าหลินฮวงยังอยู่ในสภาพเดิมและเวอชุโอโซก็ยังปกติดี เขาจึงถอนหายใจโล่งอก
หนึ่งคือสิ่งมีชีวิตกลับชาติเกิดใหม่(ใต้สวรรค์คิดว่าเวอชุโอโซคือผู้กลับชาติเกิดใหม่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นแค่ร่างโคลนของผู้กลับชาติมาเกิดใหม่) และอีกหนึ่งคืออัจฉริยะไร้เทียมทาน
ไม่ว่าใครเขาก็ไม่อยากเสียไปทั้งนั้น
ภายในแดนลับ หลินฮวงฆ่ามังกรหินดำอย่างรวดเร็ว หลังเก็บศพมันไป เขาก็รีบไปหาเป้าหมายต่อไป
แม้การพบกับเวอชุโอโซจะผ่านไปแค่สิบกว่านาที แต่ตอนนี้ หลินฮวงก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ลึกซึ้งขึ้น
บางทีจ้าวเทวะอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังสุดในมหาพิภพนี้ แต่ก็มีมหาพิภพนับไม่ถ้วนในจักรวาล ส่วนใหญ่แข็งแกร่งกว่ามหาพิภพที่เขาอยู่
ในจักรวาล จ้าวเทวะก็แค่งั้นๆ ยังมีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าจ้าวเทวะ
ในจักรวาล เหล่าผู้ปกครองเหล่านั้นอาจมีจ้าวเทวะนับร้อยหรือนับพันทำงานให้
เดิมเขาคิดว่าตัวเองทรงพลังแล้ว จนถึงขั้นฆ่าเทพสวรรค์ได้ แต่ทว่า หลังได้คุยกับเวอชุโอโว หลินฮวงก็รู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มาก!
เขาสะบัดไล่ความคิดดื้อด้านออกไป และยิ่งมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้น
นี่เพราะยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาถึงมองเห็นโลกได้กว้างขึ้น!
ด้านนอกแดนลับ บุคคลหลายคนจากกลุ่มเทพสวรรค์พบการเปลี่ยนแปลงในตัวหลินฮวง
“เจ้าสังเกตเห็นไหมว่ารูปแบบการต่อสู้ของซิวมู่ดูเหมือนจะมั่นคงขึ้น?”
“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกแบบนั้น ระหว่างการล่าก่อนหน้า เขาดูเหมือนจะบังคับให้อีกฝ่ายออกแรงเต็มที่ เพียงเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาแสดงพลังเต็มที่ เขาถึงจัดการพวกมัน แต่ตอนนี้การต่อสู้กระชับและมีประสิทธิภาพขึ้น และมันดูเหมือนว่าเขาจะพยายามใช้มีดบินให้น้อยสุดเพื่อฆ่าศัตรู”
“ข้าเองก็สังเกตเห็นว่าเขาเลือกโจมตีจุดบอดทั้งหมดของศัตรูและจะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความเสียหายสูงสุด!”
“การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้น่าจะมีสาเหตุมาจากเวอชุโอโซ!”
ใต้สวรรค์เองก็สังเกตเห็นเช่นกัน ตอนแรก เขากังวลเล็กน้อย กังวลว่าเวอชุโอโวอาจทำอะไรบางอย่างกับหลินฮวง แต่ทว่า สุดท้ายเขาก็เริ่มรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงประเภทนี้ไม่ช่เรื่องแย่ มันอาจดีสำหรับหลินฮวงด้วยซ้ำไป
มีเพียงตัวหลินฮวงถึงรู้ว่าเหตุผลเบื้องหลังมันนั้นเป็นเพราะตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าการแข็งแกร่งขึ้นนั้นไม่ได้มีแค่การยกระดับพลัง
การทุ่มเทหัวใจและวิญญาณกับทุกการต่อสู้ คว้าทุกรายละเอียดในการต่อสู้ เรียนรู้จากคู่ต่อสู้ นั่นคืออีกหนึ่งหนทางเพื่อแข็งแกร่งขึ้น
ตราบเท่าที่เขาฝึกหนักพอ ต่อให้คู่ต่อสู้จะอ่อนแอกว่าเขา เขาก็สามารถได้รับบางสิ่งบางอย่างจากการต่อสู้
เขายังรู้สึกว่าเขาเกิดความรู้สึกกระตือรือร้นเหมือนตอนครั้งแรกที่เขาเริ่มเดินบนเส้นทางผู้บ่มเพาะ
เวลาในแดนลับผ่านไปอีกสองวันอย่างรวดเร็ว
ผ่านการล่าแต่ละครั้ง หลินฮวงปล้นกฏจากโลกภายในตัวของเทพสวรรค์ได้ และในไม่ช้าก็เพิ่มจำนวนกฏจาก 4 แสน เป็น 8.1 แสน เลื่อนเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ
แต่ทว่า เขาไม่วางแผนเปลี่ยนเป้าหมายการล่าของเขา และยังหมายตาไปยังเทพสวรรค์ขั้นสาม
เหนือสิ่งอื่นใด ระดับพลังของเขาที่แสดงต่อโลกภายนอกคือเทพแท้จริงขั้นเก้า โดยปกติแล้ว การสามารถล่าเทพสวรรค์ขั้นสามได้ถือเป็นการท้าทายสวรรค์แล้ว
แม้การล่าเทพสวรรค์ขั้นสี่จะช่วยให้เขาปล้นกฏได้มากกว่าเดิม แต่เพื่อเลี่ยงสายตา เขาจึงเลือกยอมแพ้กับความคิดนั้น