หลังเลื่อนเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ เพื่อเลี่ยงการดึงดูดความสนใจเพิ่ม หลินฮวงยังคงหมายตานักโทษเทพสวรรค์ขั้นสามเป็นเป้าหมายการล่าของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ
เหนือสิ่งอื่นใด มีตัวอย่างสติทช์น้อยมาก ที่เต็มไปด้วยพลังกฏเทพภายในตัว นักโทษขั้นสามส่วนใหญ่ที่เขาล่าจะมอบกฏให้แค่ 15000-20000 เท่านั้น
เนื่องจากอาณาเขตของนักโทษเทพสวรรค์อยู่ไกลจากัน เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงใช้กับการเดินทาง และจำนวนนักโทษเทพสวรรค์ที่เขาฆ่าทุกวันก็มักอยู่ระหว่าง 12 และ 15
ด้วยอัตราล่านี้ เขาจึงใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะสามารถได้รับกฏมากพอเลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้นห้า
ด้วยความที่เขาโดนจำกัดด้วยระยะห่างระหว่างอาณาเขตของนักโทษเทพสวรรค์ แถมยังไม่อาจใช้กฏมิติหรืออะไรก็ได้เพื่อเคลื่อนย้าย ร่วมกับความจริงที่เป้าหมายล่าของเขายังเป็นเทพสวรรค์ขั้นสาม ประสิทธิภาพการล่าของเขาจึงไม่เพิ่มขึ้นมากหลังระดับพลังของเขาเพิ่ม
ผู้นำเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับเห็นว่าเขาเริ่มเชี่ยวชาญการล่ามากขึ้น
มันแค่ว่าหลังผ่านไปหลายครั้ง พวกเขาจึงชินชากับมัน
เทพสวรรค์หลายคนคุยกันว่าทำไมหลินฮวงถึงไม่ท้าทายเป้าหมายที่ยากกว่านี้
“ข้าคิดว่าหลังซิวมู่คุ้นเคยกับการล่าเทพสวรรค์ขั้นสาม เขาน่าจะลองล่าเทพสวรรค์ขั้นสี่ซะอีก แต่มันก็ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว และเขาดูเหมือนจะไม่มีเจตนาไปลองดูเลย”
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเขาถึงไม่ไปท้าทายเทพสวรรค์ขั้นสี่?ดูจากนิสัยที่เขาแสดงก่อนหน้านี้ มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ”
“บางทีเขาคงรู้สึกว่าการล่าขั้นสามได้แต้มดีกว่า มันคงเพื่อรักษาอันดับหนึ่งบนกระดานทอง เหนือสิ่งอื่นใด รางวัลของอันดับหนึ่งบนกระดานยังน่าดึงดูดพอสมควร”
“ข้าไม่คิดว่าเขาเป็นคนประเภทที่ยอมแพ้ให้กับการท้าทายแค่เพื่อแต้ม ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้เปรียบมากในเรื่องแต้ม ต่อให้เขานอนเอื่อยสองสามวัน เขาก็ยังไม่มีวันโดนแซง การใช้เวลาครึ่งวันเพื่อพยายามท้าทายคงไม่ส่งผลกับอันดับเขาเลย ต้องมีเหตุผลอื่นที่เขาไม่ไปลอง”
“ทำไมพวกเจ้าต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน?บางทีเขาคงรู้สึกว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอจะไปท้าทายขั้นสี่และจึงยอมแพ้”
มีบางคนที่หันไปถามใต้สวรรค์
ใต้สวรรค์แค่ยิ้มตอบ”ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
เหล่าเทพสวรรค์เหนื่อยกับการดูหลินฮวงล่าแล้ว พวกเขาจึงเริ่มเปลี่ยนความสนใจไปยังผู้เข้าร่วมคนอื่น
พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าแม้การทดสอบจะดำเนินมาหนึ่งในสามแล้ว พวกเขาก็เพิ่งสังเกตคนอื่นเป็นครั้งแรก
แต่ทว่า เปรียบเทียบกับหลินฮวง ผลงานของพวกเขาไม่น่าพอใจเลย
ส่วนใหญ่ล่าเทพแท้จริงขั้นเก้า และไม่โดดเด่นอะไร เหล่าเทพสวรรค์แทบหลับตอนดู
แม้นักล่าชั้นนำหลายคนจะล่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งหรือสองบ้าง การต่อสู้พวกเขาก็ยากลำบากมาก การต่อสู้ที่สั้นสุดยังใช้เวลากว่าสองชั่วโมง การต่อสู้ที่นานสุดกินเวลาทั้งวันทั้งคืน
ถ้านี่เป็นอดีต ไม่ว่าการต่อสู้เหล่านี้จะนานแค่ไหน มันก็ยังน่าอัศจรรย์ในสายตาเหล่าเทพสวรรค์
เหนือสิ่งอื่นใด การที่เทพแท้จริงล่าข้ามระดับถือเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา
แต่ทว่า ครั้งนี้เหล่าเทพสวรรค์กลับขมวดคิ้วตอนดู
หลังเห็นความสำเร็จของหลินฮวง มันก็เกิดความรู้สึกตรงกันข้าม นักล่ากลุ่มนี้อ่อนแอมากถ้าไปเทียบกับซิวมู่
หลินฮวงล่าเทพสวรรค์ขั้นสามได้อย่างราบรื่นเหมือนสายน้ำ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นสักครั้งตลอดกระบวนการ ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้หนึ่งยังกินเวลามากสุดแค่ครึ่งชั่วโมง
เทียบกันแล้ว การล่าของคนอื่นดูน่าอึดอัดไปเลย
แน่นอน มีผู้เข้าร่วมบางคนที่ได้รับความสนใจเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นเจ้าแดง
ท่ามกลางนักล่าเทพแท้จริง เจ้าแดงถือว่าเป็นคนที่มีระดับพลังต่ำสุด
นี่เพราะเพื่อแสดงพลังของคนหนุ่มสาว ผู้เข้าร่วมที่ส่งมาโดยองค์กรใหญ่ล้วนเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งสุดของพวกเขา
พวกคนที่อยู่ระดับเทพเสมือนก็ล้วนเป็นเทพเสมือนขั้นเก้า ส่วนเทพแท้จริงก็ล้วนเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า
แต่ทว่า เจ้าแดงเป็นเทพแท้จริงขั้นแปดคนเดียวในกลุ่มเทพแท้จริง
เดิม เนฟิลิกค่อนข้างลังเลที่จะมอบที่ว่างให้เจ้าแดง เพราะถ้านางทำผลงานไม่ดี นางจะทำให้เผ่าเนฟิลิกอับอาย
ไคลี่เป็นคนโต้แย้งเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด บอกว่าถ้าพวกเขาไม่อนุญาตให้เจ้าแดงเข้าร่วม นางก็จะไม่เข้าร่วมด้วย
จากนั้น เผ่าเนฟิลิกถึงต้องจำยอม
เจ้าแดงไม่ถือว่าแข็งแกร่งในหมู่อัจฉริยะเทพแท้จริงเนื่องจากนางเป็นแค่ชนชั้นกึ่งเทพสูงสุด(4.5) ขณะที่อัจฉริยะอย่างน้อยหลายสิบคนเป็นสิ่งมีชีวิตชั้น 5 เทพสูงสุด
แต่ทว่า ผลงานของนางกลับโดดเด่นมาก แม้กระทั่งเทียบได้กับอัจฉริยะชั้นนำ
หลังเข้าแดนลับ นางไม่ได้ลงมือล่าเทพแท้จริงขั้นเก้าทันที แต่นางกลับเข้าอาณาเขตนักโทษขั้นแปด ใช้เวลาสองวันเต็มเพื่อควบคุมนักโทษขั้นแปดกว่าสิบ ในวันที่สาม นางถึงนำนักโทษเหล่านั้นเริ่มโจมตีนักโทษขั้นเก้า
ขณะกลุ่มนักโทษขั้นแปดของนางล้อมศัตรู นางก็หาโอกาสฝังปรสิตใส่พวกมัน
หลังจากนั้น นางก็ใช้เวลาสามวันควบคุมนักโทษขั้นเก้ากว่าสิบก่อนนำกลุ่มเข่นฆ่าไปจนถึงอาณาเขตของเทพสวรรค์ขั้นหนึ่ง
ตลอดห้าวันที่ผ่านมา นางเอาชนะเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไป 7 ตนแล้ว
นางยังควบคุมได้ถึงสอง
สิ่งที่เหล่าเทพสวรรค์ด้านนอกไม่รู้คือเจ้าแดงสามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่นางจงใจทำให้เหมือนว่านางล้มเหลว เพราะนางกลัวผลที่จะตามมา
แม้กระทั่งผู้นำกลุ่มของเผ่าเนฟิลิกก็ยังเชื่อ นี่เพราะความประทับใจของพวกเขาที่มีต่อความสามารถของเจ้าแดงมักต่ำ และไคลี่ก็มักปกป้องนาง ผลงานของนางครั้งนี้นับว่าเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมากแล้ว
ยังมีเทพสวรรค์บางคนที่เริ่มคุยถึงเจ้าแดง
“เด็กสาวผมม่วงนั่นจากเผ่าเนฟิลิกไม่เลวเลย แม้ระดับพลังของนางจะอ่อนไปหน่อย แต่นางก็ใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพได้ แและมันก็ยังเป็นประเภทควบคุมที่สามารถควบคุมเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งได้!”
“ขีดจำกัดของพลังนี้ต่ำไปหน่อย มันไปถึงขีดจำกัดหลังควบคุมเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งได้แค่สอง มันน่าเสียดาย…”
“พลังควบคุมประเภทนี้มักเกี่ยวกับพลังจิต แม้มันจะสามารถควบคุมได้แค่สอง แต่มันก็ยังมีศักยภาพให้พัฒนา เหนือสิ่งอื่นใด ระดับพลังของนางก็แค่เทพแท้จริงขั้นแปด เมื่อนางเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ พลังจิตของนางจะผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การควบคุหุ่นเชิดเทพสวรรค์กว่าสิบคงเป็นเรื่องง่ายๆ”
เห็นได้ชัดว่าทักษะการแสดงของเจ้าแดงหลอกเหล่าเทพสวรรค์ได้สนิทใจ
ในความเป็นจริง ถ้ามันไม่ใช่ว่านางต้องพบกับหลินฮวง ตามนิสัยระมัดระวังของนาง นางคงไม่คิดเข้าอาณาเขตเทพสวรรค์เพื่อล่า นางคงเอาแต่เก็บตัว ป้องกันไม่ให้เป็นที่สังเกต
นางเข้าอาณาเขตเทพสวรรค์เพราะตั้งแต่ต้น นางได้คุยกับหลินฮวงและตกลงจะพบเขาที่นั่น
ยิ่งไปกว่านั้น จุดนัดพบที่นางกับไคลี่ตัดสินใจก็อยู่ในอาณาเขตเทพสวรรค์เช่นกัน