อย่างรวดเร็ว เวลาหลายวันผ่านไปอีกครั้ง
ไม่ช้าก็ถึงวันที่หลินฮวงกับเวอชุโอโซนัดหมายกัน
ตอน 8 โมง 50 นาที หลินฮวงได้ไปถึงตำแหน่งที่ตกลงกันไว้หลังอาหารเช้า นั่งร้านกาแฟริมหาด ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองหมายเลข3
มันเป็นกลางเดือนมิถุนายน พื้นที่แถวนี้ที่ร้านกาแฟตั้งได้เริ่มต้นช่วงฤดูร้อนแล้ว
มีชายหญิงแต่งชุดว่ายน้ำอยู่ทั่วชายหาด หลินฮวงผู้อยู่ในชุดคลุมดำจึงดูโดดเด่นมาก เขาถูกคนเหลือบมองอยู่ตลอดเวลา
หลินฮวงเมินสายตาเหล่านั้น เขาพบที่นั่งและจับจอง จากนั้นก็สั่งกาแฟแก้ว รอให้เวอชุโอโวมา
ไม่ช้า กาแฟของเขาก็มาถึงในมือของพนักงานเสิร์ฟในชุดเมด
หลินฮวงยกถ้วยขึ้นและจิบ เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ก่อนวางถ้วยลง
เขาคิดว่าคงมีแค่คำพูดเดียวที่สามารถอธิบายกาแฟถ้วยนี้ได้ดีสุดคือ-มันกินไม่ได้เลย
มันไม่ได้พูดเกินจริงที่จะบอกว่านี่เป็นกาแฟที่แย่สุดที่เขาเคยลิ้มรสตั้งแต่มาโลกนี้
เขายังเกิดสงสัยว่าร้านนี้รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง
‘อย่าบอกนะว่าสาวสวยในชุดเมดคือจุดขาย!?’
ตอน 9 โมงตรง ไม่มีใครสักคนในกลุ่มที่เวอชุโอโซพูดมาถึง
“เขาเทข้างั้นเหรอ?”หลินฮวงเลิกคิ้ว แต่ทว่า หลังพิจารณาสักพัก เขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้เสียหายเนื่องจากเขาได้รับชิ้นส่วนผนึกดาบมาแล้ว
หลังคิดสักพัก เขาก็คิดว่าเขาควรส่งข้อความหาอีกฝ่าย
“เจ้าอยู่ไหน?เรานัดเจอกัน 9 โมง ทุกคนอยู่ไหน?!”
“เรากำลังไป”เวอชุโอโซตอบทันที
หลินฮวงทำได้แค่รออย่างอดทน เหนือสิ่งอื่นใด เขาได้รับของมาแล้ว ไม่จำเป็นที่เขาต้องโกรธแค่เพราะอีกฝ่ายมาช้าไม่กี่นาที
สิ่งที่เขาคิดว่ามันแปลกคือไม่เพียงเวอชุโอโซจะมาสาย แต่คนอื่นก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน
หลังเขาปิดหน้าสื่อสาร หลินฮวงก็สัมผัสได้ถึงคลื่นมิติไม่ไกล
วังวนสีดำเปิด และคนสองคนก็เดินออกมา
หนึ่งในนั้นเป็นชายหัวล้านกล้ามโตที่สูงกว่าสองเมตร เขามีใบหน้าหยาบกระด้างและสวมชุดเกราะทอง
ในขณะเดียวกัน อีกคนเป็นหญิงสาวตัวเล็กในชุดคลุมฟ้า ที่ความสูงยังไม่ถึง 1.4 เมตรด้วยซ้ำ นางดูเหมือนเด็กน้อย
หลินฮวงมีความคิดคร่าวๆถึงตัวตนของทั้งคู่
ผู้มาใหม่ทั้งสองสังเกตเห็นว่าหลินฮวงนั่งอยู่นอกร้านทันทีที่เข้ามา พวกเขาเดินตรงมาหาเขา
“ข้าเดาว่าเจ้าคงเป็นซิวมู่สินะ?ข้าถูทง”ชายกำยำในชุดเกราะทองยื่นมือออกมาทันที
หลินฮวงยื่นมือไปเช่นกัน จับมือกับถูทง
หญิงสาวในชุดฟ้าดูเหมือนจะขี้อายเล็กน้อย นางจ้องหลินฮวงเหมือนลูกแมว
“นี่คือหลานหลิง”เมื่อสังเกตเห็นเช่นนั้น ชายในชุดเกราะทองจึงรีบแนะนำพวกของเขา
“สวัสดี”หลินฮวงทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะดาบ?”ถูทงดูเหมือนจะค่อนข้างสนใจ
“ใช่แล้ว”หลินฮวงพยักหน้ายอมรับ
แม้สถานะของซิวมู่ในเคียวแห่งความตายจะเป็นแค่ผู้ใช้พลังจิต เวอชุโอโซก็มองเขาออกโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่ต้องปิดบังสถานะผู้บ่มเพาะดาบจากทั้งคู่
“ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสายต่อสู้ มาสู้กันตอนเรามีโอกาส การประลองของผู้บ่มเพาะดาบและกระบี่คืออะไรที่ข้าชอบสุด!”ถูทงดูกระตือรือร้น
ถ้าไม่ใช่ว่าเวลาและสถานที่ไม่เหมาะ เขาอาจท้าหลินฮวงสู้ซะตอนนี้ไปแล้ว
ตรงข้ามกับถูทง หลานหลิงผู้ยืนอยู่ด้านข้างเงียบตลอด
นางฟังการพูดคุยของพวกเขา แต่ไม่แสดงท่าทีอยากเข้าร่วมด้วยเลย
ขณะที่หลินฮวงกับถูทงคุยกัน คลื่นมิติอีกระลอกก็ปรากฏ
ทั้งสามหันไปมองทางนั้นแทบจะพร้อมกัน
บุคคลในชุดเขียวเดินออกมาจากวังวนสีดำ
หลินฮวงไม่ต้องคิดก็พอบอกได้ว่านี่ควรเป็นสมาชิกคนที่สาม
นี่เพราะเขาสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่แข็งกร้าวภายในตัวอีกฝ่าย อย่างน้อยมันก็ทรงพลังพอๆกับเจตจำนงดาบของเขา บางทีอาจทรงพลังกว่าด้วยซ้ำ
“ผู้บ่มเพาะดาบ?”ชายในชุดเขียวลืมตา มองหลินฮวงทันทีที่ก้าวออกมา
วินาทีต่อมา เขาก็ก้าวเดินและปรากฏตรงหน้าทั้งสาม
“ผู้อาวุโสกระบี่”ถูทงกับหลานหลิงยืนขึ้นแทบพร้อมกัน
“เรียกข้าว่าจิ่วเจี้ยน(กระบี่9)ดีกว่า”จากนั้นชายในชุดเขียวก็ละสายตาจากหลินฮวงมามองทั้งคู่
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามรู้จักกัน
เมื่อสังเกตเห็นแบบนี้ หลินฮวงก็ยืนขึ้นทันที ริเริ่มแนะนำตัวเอง”ข้าน้อยคือซิวมู่”
“ข้ารู้จักเจ้า เวอชุโอโซได้พูดถึงเจ้าไว้มาก”จิ่วเจี้ยนพยักหน้าเล็กน้อย
เขาเหมือนคนวัย 30 ต้นๆ แต่ก็ยังหน้าตาเด็ก ถ้าเขาบอกว่าเขาอายุ 27หรือ 28 ผู้คนก็คงเชื่อ แต่ทว่า กลิ่นอายของเขากลับเย่อหยิ่งและสูงส่งอย่างมาก
“เขายังมาไม่ถึงอีก?”จิ่วเจี้ยนมองและถามถูทงกับหลานหลิง
“เกรงว่าจะเป็นเยี่ยงนั้น..”ถูทงตอบทันที แต่ก็ลอบสงสัย’ทำไมถึงถามข้าในเมื่อข้าไม่ใช่คนแรกที่มาถึง?’
“ข้าได้ส่งข้อความเร่งเขาแล้ว”หลินฮวงพูดขึ้น”ทำไมพวกเจ้าไม่สั่งเครื่องดื่มก่อนละ?ขอแค่ไม่ใช่กาแฟก็พอ รสชาติกาแฟของที่นี่เหมือนขยะไม่มีผิด”
ทั้งสามสั่งเครื่องดื่มกัน จากนั้นทั้งสี่ก็นั่งด้วยกันและรอเวอชุโอโซอย่างอดทน
เมื่อเครื่องดื่มมาถึง ทั้งสามก็ลองจิบ จากนั้นก็วางลงทันที
“คงแย่เหมือนกันสินะ?”หลินฮวงอดถามไม่ได้
“อย่างที่เจ้าบอก รสชาติมันเหมือนขยะ”จิ่วเจี้ยนแสดงความคิดเห็น
ด้านข้างเขา ถูทงกับหลานหลิงพยักหน้าถี่ยิบ
ไม่มีใครสั่งกาแฟ พวกเขาสั่งเครื่องดื่มกันคนละชนิด
ความจริงที่ร้านสามารถทำเครื่องดื่มสี่ชนิดให้แย่พอๆกันได้ทำให้หลินฮวงรู้สึกถึงความชื่นชมแปลกๆ
ตอนนี้เขายิ่งสงสัยว่า’ร้านนี้อยู่รอดมาได้ยังไงกัน?!’
ทั้งสี่รอจนถึง 9 โมง 15 แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเวอชุโอโซ
หลินฮวงไม่ว่าอะไร แต่จิ่วเจี้ยนดึงหน้าแล้ว ถูทงกับหลานหลิงยังจ้องมองเขาไม่ละสายตา พวกเขาดูกังวลมาก
“เดี๋ยวข้าจะเร่งเขาให้อีกครั้ง”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินฮวงก็โทรหาเวอชุโอโซอีกครั้ง และเขาก็รับสายแทบจะทันที
“เจ้าช่วยรีบหน่อยได้ไหม?เราสี่คนมาถึงนานแล้ว ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่”
“เดี๋ยวนี้แหละ!เดี๋ยวนี้แหละ!”เวอชุโอโซวางสายทันทีหลังพูดแบบนั้น
เวอชุโอโซบอกว่าจะมาทันที แต่ทั้งสี่ก็ยังต้องรออีกกว่าสิบนาที
ตอน 9 โมงครึ่ง ในที่สุดเวอชุโอโซก็มาถึง
“ขอโทษด้วยทุกคน ข้ามาสาย”แม้จะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าของอีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลย
“ในบรรดานิสัยดีๆทั้งหมดที่เจ้าสามารถเรียน เจ้ากลับเลือกนิสัยแย่ๆของร้างต้นเจ้าอย่างการมาสาย”จิ่วเจี้ยนพูดด้วยความโกรธ
“อาจิ่ว อย่าโกรธสิ”หลินฮวงขนลุกตอนได้ยินเวอชุโอโซเรียกจิ่วเจี้ยน
แต่ทว่า เรื่องแปลกคือจิ่วเจี้ยนแค่ประท้วงด้วยสายตาแทนที่จะใช้คำพูด
“อา ถูถูกกับหลานหลาน ไม่เจอกันนานเลยนะ!”เวอชุโอโซทักทายถูทงกับหลานหลิงอย่างร่าเริง
ทั้งคู่ดูทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แก้ไขมัน
ตอนนี้เอง เวอชุโอโซหันมามองหลินฮวง
ก่อนจะได้พูด หลินฮวงก็พูดขึ้นก่อน”เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น อย่าบังอาจเรียกข้าด้วยชื่อแบบนั้น”
จากนั้นเวอชุโอโซก็ปิดปากด้วยใบหน้าบึ้งตึง