พื้นผิวของหุบเหวกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ แม้มันจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของจักรวาล มันก็กินพื้นที่กว่าหนึ่งในสี่
นอกจากจักรวาลกับมหาพิภพที่หลินฮวงอยู่แล้ว หุบเหวเชื่อมต่อกับมหาพิภพ โลกขนาดเล็กและมิติมากมาย
ดังนั้น พวกหลินฮวงจึงไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาอยู่ไหนตอนหลบหนีจากวงกตแมลงปีศาจ
“หลานหลิง ตรวจสอบว่ามอนสเตอร์อยู่แถวไหน’
เหตุผลว่าทำไมเวอชุโอโซถึงบอกหลานหลิงให้ตรวจสอบไม่ใช่เพราะจิตเทวะไม่มีผลที่นี่ แต่เพราะไม่มีใครใช้จิตเทวะในหุบเหวได้ตามใจชอบ
มันไม่ใช่กับแค่คนนอกที่รุกรานหุบเหว แม้กระทั่งคนท้องถิ่นของหุบเหวก็มักไม่ใช้จิตเทวะเช่นกัน
นี่เพราะทันทีที่ใช้จิตเทวะ มันเทียบเท่ากับการเปิดเผยตำแหน่ง
ถ้าสิ่งมีชีวิตภายในระยะตรวจจับของผู้ใช้จิตเทวะอ่อนแอกว่าผู้ใช้ นั่นยังไม่เป็นไร แต่ทว่า ถ้าสิ่งมีชีวิตนั้นทรงพลังกว่า ผู้ใช้อาจตกเป็นเป้าโดยจิตเทวะของสิ่งมีชีวิตนั้นและกลายเป็นเหยื่อ
นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่หุบเหวไม่ขาดคือผู้ทรงอำนาจ
แม้กระทั่งจ้าวเทวะก็ไม่คิดใช้จิตเทวะตอนอยู่ที่นี่ พวกเขาจะใช้แค่เทคนิคตรวจจับ
คาถาของหลานหลิงเป็นประเภทที่หายากและหลายคนไม่รู้ มันเมหาะสมสุดตอนใช้ตรวจสอบ นี่พิสูน์แล้วในวงกตแมลงปีศาจก่อนหน้า
แต่ทว่า ข้อได้เปรียบหลักของคาถาตรวจสอบนางคือมันมีวิธีปกปิด มันไม่ได้เหนือกว่าในแง่ระยะ
ตอนนี้ โดยปราศจากการแทรกแซงของวงกต ระยะตรวจจับและความแม่นยำของคาถานางจึงกลับเป็นปกติ แต่ทว่า นางสามารถใช้ได้แค่ภายในรัศมีสามร้อยกิโลเมตร
แม้ระยะตรวจจับจะยังไม่กว้างมาก มันก็ดีกว่าการใช้จิตเทวะและโดนพบด้วยสิ่งมีชีวิตหุบเหว
หลานหลินรีบปลดปล่อยคาถานางและเริ่มตรวจสอบ
เมื่อปากของนางขยับ อักษรบนแขนสองข้างนางก็จมลงพื้นอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้านางก็ลืมตาขึ้นประมาณสองถึงสามนาทีต่อมา
“สถานการณ์เป็นไง?”ถูทงคือคนแรกที่ถาม ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้
“มีอสูรพิโรธอยู่ทั่วไปหมดภายในรัศมีสามร้อยกิโลเมตร ข้าไม่พบมอนสเตอร์ตัวอื่นเลย”หลานหลิงยืนขึ้นมองเวอชุโอโซ
“อสูรพิโรธภายในรัศมีสามร้อยกิโลเมตร”เวอชุโอโซขมวดคิ้ว
“หรือนี่จะเป็นดินแดนหุบเหววิบัติ?”จิ่วเจี้ยนหันไปถามเวอชุโอโซ
“เป็นไปได้ แต่เรายังยืนยันไม่ได้”เวอชุโอโซพยักหน้าเล็กน้อย”เหนือสิ่งอื่นใด มีหลายที่ที่เป็นแบบนี้ หุบเหวได้สะสมอารมณ์ด้านลบมากมาย ทั้งมากและน้อย แม้จะมีสถานที่ไม่มากที่พวกอสูรพิโรธรวมกันมากขนาดนี้ แต่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องใช่ดินแดนหุบเหววิบัติ”
“ไปเดินดูกัน ถ้ามีการกระจายตัวของพวกวิบัติเป็นจำนวนมาก เราก็น่าจะอยู่ในดินแดนหุบเหววิบัติ”จิ่วเจี้ยนยังคงแน่ใจในการคาดเดาของเขา
หลินฮวงเข้าใจบทสนทนาของทั้งคู่ดี
แม้มันจะเป็นครั้งแรกของเขาในหุบเหว เขาก็ได้ทำการค้นคว้าก่อนมาและรู้ว่าดินแดนหุบเหววิบัติเป็นสถานที่แบบไหน
ดินแดนหุบเหววิบัติคือพื้นที่ในหุบเหวที่มีอารมณ์ด้านลบรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
ในพื้นที่เช่นนี้ มีการกระจายอารมณ์ด้านลบอย่างมากและสิ่งมีชีวิตที่ปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหว มันจึงโดนเรียกว่าพวกวิบัติ
อสูรพิโรธคือหนึ่งในวิบัติเช่นนั้น
มอนสเตอร์เช่นนี้มักเป็นสิ่งมีชีวิตหุบเหวที่โดนอารมณ์โกรธเกรี้ยวครอบงำจึงเปลี่ยนร่าง
พวกมันมีร่างกายใหญ่โตที่เป็นสีแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า ปกคลุมด้วยไฟโหม ไฟสามารถแพร่กระจายใส่สิ่งมีชีวิตอื่น ทำให้พวกมันตกเป็นเหยื่อของความบ้าคลั่งที่เกิดจากความโกรธ
นอกจากนั้น จุดเด่นของพวกมันคือการต่อสู้ประชิด พวกมันแข็งแกร่งมาก ถ้าพวกมันไม่โดนฆ่าตายทันที ทุกการโจมตีที่พวกมันเจอจะทำให้พวกมันยิ่งคลั่งและทำให้พวกมันทรงพลังขึ้น
แต่ทว่า พวกหลินฮวงไม่ตื่นตระหนก
นี่เพราะมอนสเตอร์เช่นนี้ไม่ชอบอยู่รวมกัน แม้จะมีหลายตัวภายในรัศมีสามร้อยกิโลเมตร พวกมันก็จะไม่ล่ากันเป็นกลุ่ม
การอยู่ตัวเดียวทำให้พวกมันเป็นภัยคุกคามน้อยกว่าแมลงในวงกตแมลงปีศาจ
ภายใต้การนำของหลานหลิง พวกหลินฮวงรีบเดินทางและในไม่ช้าก็พบอสูรพิโรธตัวแรก
มันเป็นครั้งแรกที่เห็นหลินฮวงได้เห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้
มอนสเตอร์ตรงหน้าสูงกว่ายี่สิบเมตรและมีร่างมนุษย์ มันยืนด้วยสองขา คล้ายกับยักษ์สีแดง สีตัวมันเป็นสีแดงเหมือนกุ้งนึ่ง ยังมีชั้นเปลวไฟสีแดงเข้มเผาผลาญอยู่บนตัวมัน
ไม่เหมือนยักษ์ มันไม่มีหัวมนุษย์ แต่เป็นหัวกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ บวมเป็นฝีไปทั่ว ไม่เพียงแค่นั้น มันยังมีแขนสามขนาด
นี่คืออสูรพิโรธที่เปลี่ยนจากสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์ มันคงรูปลักษณ์ดั้งเดิมไว้ 70-80%
ขณะที่หลินฮวงกำลังสังเกตมอนสเตอร์ตัวนี้ อสูรพิโรธก็สังเกตเห็นกลุ่มพวกเขาเช่นกัน
มันปล่อยเสียงคำรามเกรี้ยวกราดและพุ่งใส่พวกหลินฮวง ด้วยการระเบิดพลังงานจากขาอย่างฉับพลัน
เพียงเมื่อหลินฮวงกำลังจะโจมตี จิ่วเจี้ยนด้านข้างของเขาก็ตอบสนองก่อน
เขาแสดงวิชากระบี่ ชี้นิ้วสองนิ้วใส่อสูรพิโรธ คลื่นกระบี่ตรงหน้าเขาพลันเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงและยิงออกไป
แสงนั้นเหมือนดาวหางที่พุ่งผ่านอากาศ พุ่งใส่หัวของมันในหนึ่งลมหายใจ
อสูรพิโรธหยุดชะงัก จากนั้นก็ล้มลง
ขณะที่มันล้ม หลินฮวงก็สามารถสัมผัสได้ว่าพื้นใต้เท้าเขาสั่น
จิ่วเจี้ยนใช้แค่การโจมตีเดียวก็ฆ่าอสูรพิโรธระดับเทพสวรรค์ขั้นสองได้แล้ว เขาเก็บกระบี่ลงฝักและเหลือบมองหลินฮวงอย่างสงบเสงี่ยม
ในขณะเดียวกัน ไฟรอบศพอสูรพิโรธก็มอดดับอย่างรวดเร็ว ตัวมันเริ่มสลายด้วยความเร็วสูง เปลี่ยนเป็นหมอกสีแดงเข้ม
สายตาหลินฮวงเต็มไปด้วยความสงสัยขณะเฝ้าดู”หมอกนั่นคืออะไร?”
“มันคือรูปธรรมของความโกรธ”เวอชุโอโซอธิบาย
ในโลกวัตถุ ของอย่างอารมณ์ไม่สามารถสัมผัสหรือเห็นได้ แต่ทว่า ในหุบเหว พวกมันสามารถปรากฏเป็นรูปธรรมได้
มันคือครั้งแรกที่หลินฮวงได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้ เขาจึงแปลกใจ
“มันดีสุดถ้าพวกเจ้าไม่สัมผัสกับอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ ถ้าเจ้าแตะ เจ้าอาจเสียการควบคุมอารมณ์ ถ้ามันเป็นกรณีเล็กน้อยละนะ ถ้ากรณีร้ายแรงเจ้าอาจถูกแทรกซึมและเปลี่ยนเป็นพวกวิบัติ”เวอชุโอโซพูดเสริม
“มันใช้ได้ไหม?”หลินฮวงยังสงสัยอารมณ์ด้านลบเหล่านี้
“ไม่ พลังงานทางอารมณ์เหล่านี้ได้รวมเข้ากับพลังงานหุบเหว แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตหุบเหวก็ยังระมัดระวังเป็นพิเศษ นับประสาอะไรกับสิ่งมีชีวิตนอกหุบเหว”จิ่วเจี้ยนอธิบาย.”มีพวกวิบัติชนิดเดียวกันถึงดูดซับพลังงานได้ พวกมันเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตอื่น”
“อืม”หลินฮวงผิดหวังเล็กน้อย
เวอชุโอโซสังเกตเห็นความผิดหวัง”ถ้าเจ้ามีภาชนะ เจ้าสามารถเก็บหมอกได้ แต่ทว่า อย่าปล่อยมันในสภาพแวดล้อมเปิดโล่ง เพราะมันจะปนเปื้อนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ตอนนี้มันควบแน่นเป็นบอลเพราะมันกลับสู่รูปแบบเดิมหลังเสียร่าง มันจึงอยู่ในสภาพเฉื่อย”
“มันอันตรายขนาดนั้นเลย?!”หลินฮวงคิดว่าสิ่งนี้เป็นแค่หมอก
“หมอกนี้พอจะปนเปื้อนทั้งดาว”จิ่วเจี้ยนพูดเสริม
หลินฮวงหมดคำพูด
แต่ทว่า เขาไม่สามารถยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นได้ เขาได้แต่เก็บภาชนะและรวบรวมละอองหมอก