พื้นที่ที่พวกริษยากระจายตัวใหญ่กว่าพวกพิโรธมาก พวกหลินฮวงต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มก่อนจะสามารถออกจากพื้นที่ที่พวกริษยาอยู่ได้
ระหว่างทาง พวกเขาพบพวกอิจฉากว่า 40 พวกมันอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ พวกริษยาแปลประหลาดกว่าพวกอื่นมาก
ทุกคนในกลุ่มหลินฮวงตกเป็นเป้าของพวกริษยาด้วยเหตุผลแปลกๆ
ตัวอย่างเช่น หลินฮวงถูกกำหนดเป้าด้วยเหตุผลว่า’ทำไมเจ้าดูดีจัง?” ขณะที่เวอชุโอโซตกเป็นเป้าด้วย”ทำไมหน้ากากเจ้าสวยจัง?” “เจ้าอายุเยอะ แต่ทำไมยังดูดี?”นั่นเจาะจงกับจิ่วเจี้ยน ขณะที่’ทำไมหนวดเจ้าหนาจัง’มุ่งเป้าใส่ถูทง
“ทำไมเจ้าหุ่นดีทั้งๆที่เตี้ยขนาดนี้?!”นั่นคือคำพูดที่หลานหลิงได้รับ
โชคดี พวกเขาสามารถเลี่ยงพวกริษยาระดับสูงได้ด้วยการเตือนล่วงหน้าของหลานหลิง พวกริษยาระดับต้นกับกลางไม่ทรงพลังพอจะคุกคามพวกเขา
หลังออกอาณาเขตพวกริษยา หลานหลิงก็ทำการตรวจสอบรอบใหม่
“ด้านหน้าคืออาณาเขตความโลภ”
“ในที่สุดเราก็มาถึงของดี”ถูทงพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาพูดแบบนี้เพราะเมื่อมอนสเตอร์เหล่านี้ที่เรียกว่าความโลภโดนฆ่า พวกมันจะทิ้งของดี บางครั้ง ยังมีวัตถุดิบหายากตกจากศพพวกมัน
“อย่าประมาท มีพวกที่ทรงพลังอย่างมากในหมู่ความโลภด้วย”เวอชุโอโซเตือน”ความโลภส่วนใหญ่จะโลภกับสิ่งของ แต่ทว่า มีส่วนน้อยที่จะขโมยแก่นแท้ของเหยื่อหลังพบว่าแก่นแท้ของพลังเหยื่อ ความโลภเช่นนี้สามารถทรงพลังพอๆกับสิ่งมีชีวิตขั้นหก”
“ตามข้อมูลที่บันทึกภายในจักรวาล ท่ามกลางวิบัติทั่วไปเจ็ดชนิด ความโลภมีจำนวนมากสุดเป็นอันดับสองที่ยกระดับเป็นจ้าวเทวะได้สำเร็จ พวกมันยังเหนือกว่าความตะกละด้วยซ้ำ”จิ่วเจี้ยนพูดเสริม
“งั้นพวกไหนเป็นอันดับหนึ่ง?”หลินฮวงถาม
“ข้าเดาว่ามันควรเป็นอัตตา”หลานหลิงตอบ
“ถูกต้อง”จิ่วเจี้ยนพยักหน้า
“มีเพียงคนที่หยิ่งผยองถึงกลายเป็นพวกอัตตา หลายตัวเคยเป็นอัจฉริยะจากเผ่าต่างๆมาก่อน ดังนั้นรากฐานจึงเหนือกว่าวิบัติชนิดอื่น พวกมันมีพรสวรรค์และศักยภาพสูงสุดหลังเปลี่ยนเป็นอัตตา”เวอชุโอโซพูดเสริม สังเตกเห็นว่าจิ่วเจี้ยนไม่มีเจตนาอธิบายเพิ่มเติม
พวกเขาคุยกันสักพักเกี่ยวกับวิบัติต่างๆตลอดทางและในไม่ช้าก็พบความโลภตัวแรก
นี่คือครั้งแรกที่หลินฮวงพบมอนสเตอร์เช่นนี้
ความโลภตรงหน้าพวกเขาเป็นมอนสเตอร์ที่มีแขนขากับลูกตาหลายทรง
มันดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วมันอ่อนแอสุดในบรรดาความโลภ
เมื่อมองดูมอนสเตอร์ตัวนี้พุ่งใส่พวกเขา จิ่วเจี้ยนไม่เกิดความปรารถนาต่อสู้ด้วยซ้ำ
ในทางกลับกัน ถูทงรู้สึกว่านี่คือโอกาสให้เขาเฉิดฉาย เขากระโจนออกไป เหวี่ยงหมัดหนักใส่มัน
ภายในไม่ถึงสิบวินาที การโจมตีของเขาก็ทำให้ความโลภกลายเป็นแอ่งเนื้อ
สิ่งที่ทำให้ถูทงหดหู่คือความโลภตัวนี้อ่อนแอมาก ไม่มีของตกจากมันเลย
หลังแก้ไขเรื่องของความโลภแล้ว พวกเขาก็เดินทางต่อ
ไม่เหมือนก่อนหน้าตอนพวกเขาเลี่ยงวิบัติให้ได้มากที่สุด เส้นทางของหลานหลิงครั้งนี้มุ่งตรงหน้าความโลภ นอกจากความโลภระดับเทพสวรรค์ขั้นสูง นางไม่ข้ามพวกระดับต้นหรือกลางเลยถ้าอยู่บนเส้นทาง ตลอดทาง นางนำกลุ่มไปหามอนสเตอร์ที่พวกเขาสามารถฆ่าได้
ตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากความโลภตัวแรกที่ไม่ตกของ ตัวอื่นทิ้งของไว้หมดหลังโดนฆ่า
หลินฮวงรู้สึกตื่นเต้นในตอนแรก แต่เมื่อเห้นว่าถูทงมีความสุขที่ได้ต่อสู้กับพวกมัน เขาก็ไม่คิดแทรกแซง
แต่ทว่า ในเวลาต่อมา เขาก็อดกระโดดเข้าร่วมการต่อสู้ไม่ได้เมื่อพวกเขาพบความโลภขั้นกลาง เขาได้รับวัตถุดิบมากมายแม้กระทั่งของหายาก
ขณะที่พวกเขากำลังจะออกอาณาเขตของความโลภ ในที่สุดพวกเขาก็พบตัวที่ทรงพลัง
ความโลภตัวนี้คือมอนสเตอร์เกราะกระดูกในชุดคลุมดำ ก่อนหลินฮวงกับพรรคพวกจะมาถึง มันก็สัมผัสพวกเขาได้แต่ไกลแล้ว
มันไม่ใช่จิตเทวะ นี่คือการรับรู้ทางจิตวิญญาณล้วนๆ
มันเหยียดแขนไปในอากาศ ดึงเคียวดำขนาดยักษ์ออกมา
หลังจากนั้น มันก็สะบัดเคียว โจมตีจากจุดที่มันอยู่
เหมือนคลื่น คลื่นเคียวดำระเบิด พุ่งใส่กลุ่มหลินฮวง พอมันมาถึงตัวพวกเขา มันก็ก่อตัวเป็นคลื่นสึนามิขนาดใหญ่
แม้กระทั่งรูม่านตาของหลินฮวงก็ยังหดลง
การโจมตีนี้อย่างเดียวเทียบได้กับกฏสวรรค์เต๋าดาบระดับสอง
ก่อนหลินฮวงจะได้ขยับ เจตนาต่อสู้ของจิ่วเจี้ยนก็พุ่งถึงจุดสูงสุด คลื่นกระบี่ของเขายิงออกไปเหมือนประกายไฟฟ้าสีทอง และปะทะกับคลื่นเคียวเต็มกำลัง
ผู้บ่มเพาะดาบและผู้บ่มเพาะกระบี่มักเป็นคู่ปรับที่ไม่เต็มใจปะทะกัน จิ่วเจี้ยนกำลังหาโอกาสประลองกับหลินฮวงมาตลอด แต่หลินฮวงปฏิเสธมันซ้ำๆ
จิ่วเจี้ยนหงุดหงิดมาตลอดการเดินทาง ตอนนี้ที่กลุ่มพวกเขาเจอกับวิบัติชนิดผู้บ่มเพาะดาบ เขาจึงไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีก
ครั้งนี้เขาไม่ออมพลังเลย
ตอนแรก คลื่นกระบี่เป็นเหมือนอุกกาบาตทอง แต่มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาที่มันปะทะกับคลื่นดำ มันก็เหมือนกับดวงอาทิตย์เจิดจรัส
การปะทะของขุมพลังทั้งสองเหมือนคลื่นขนาดใหญ่ที่ปะทะกัน ไม่ต่างอะไรกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างบนสวรรค์
ขุมพลังทั้งสองหักล้างกันอยู่นาน สุดท้าย พวกมันก็ระเบิดพร้อมกัน…
พายุพลังงานน่ากลัวกวาดไปทุกทิศทาง
ถูทงกับหลานหลิงไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งเวอชุโอโซนำสมบัติป้องกันเทพสวรรค์ออกมาพวกเขาถึงต้านทานผลพวงได้
“ทรงพลังมาก!”ดวงตาของถูทงเป็นประกายขณะจ้องการระเบิด
เขากับจิ่วเจี้ยนต่างเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า แต่ความสามารถของเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับจิ่วเจี้ยนเลย
ร่องรอยความกลัวปรากฏในตาหลานหลิง
หลินฮวงกับเวอชุโอโซไม่สะทกสะท้าน แต่ทว่า ทั้งคู่รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติที่จิ่วเจี้ยนครอบครองพลังเช่นนี้
ในความเป็นจริง หลินฮวงเคยคิดท้าทายความโลภสายดาบตนนี้มาก่อน แต่ทว่า เนื่องจากจิ่วเจี้ยนลงมือก่อน เขาจึงไม่คิดพยายามแย่งชิงกับเขา
แต่ทว่า เนื่องจากพวกเขาเคยเห็นความโลภที่อ่อนแอมามากก่อนหน้า เขาจึงยังสนใจความโลภตัวนี้ที่มีความสามาถรเทียบเคียงจิ่วเจี้ยน
“นี่คือความโลภที่เชี่ยวชาญแก่นแท้พลังใช่ไหม?”หลินฮวงหันไปถามเวอชุโอโซ
“ใช่”เวอชุโอโซพยักหน้า”มันเป็นแค่เทพสวรรค์ขั้นสาม แต่มันมีความสามารถใกล้เคียงกับขั้นเจ็ด มันต้องปล้นห่วงโซ่ลำดับเทพไปไม่น้อย”
“ความโลภสามารถปล้นห่วงโซ่ลำดับเทพของคนอื่นได้โดยตรงงั้นเหรอ?”หลินฮวงงุนงง เขาเองก็มีความสามารถปล้นห่วงโซ่ลำดับเทพเช่นกัน แต่เขามักคิดว่าความสามารถเช่นนี้เหลือเชื่อมาก มันควรหายาก
“มีความโลภน้อยมากที่จะมีความสามารถเช่นนี้”เวอชุโอโซพยักหน้า”ก่อนอื่น มันต้องตระหนักว่าห่วงโซ่ลำดับเทพเป็นแหล่งของพลังเทพสวรรค์ สอง มันต้องหาวิธีที่เหมาะสมในการปล้นและสกัดห่วงโซ่ลำดับเทพจากเหยื่อมัน สาม มันต้องหาวิธีที่ถูกต้องในการผสานห่วงโซ่ลำดับเทพที่ปล้นมา”
“มันยากมากที่จะบรรลุเงื่อนไขทั้งสามเพราะวิบัติมักมีจิตสำนึกขุ่นมัว ยิ่งไปกว่านั้น พฤติกรรมพวกมันยังโดนครอบงำด้วยอารมณ์ด้านลบ พวกมันไม่สามารถตัดสินใจเองได้’
“พวกที่สามารถสร้างจิตสำนึกในจิตใจอันขุ่นมัวและสลกัดจากการถูกครอบงำด้วยอารมณ์ด้านลบได้คือพวกผิดปกติในหมู่วิบัติ”