ในความว่างเปล่า การต่อสู้ระหว่างจิ่วเจี้ยนกับความโลภดำเนินต่อไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำหนดว่าใครคือผู้ชนะหรือผู้แพ้
แม้ประสบการณ์ต่อสู้ของจิ่วเจี้ยนจะเหนือกว่ามอนสเตอร์ และใช้พลังลำดับเทพได้ชำนาญ เขาก็ไม่มีห่วงโซ่ลำดับเทพมากเทพความโลภ
นอกจากกฏสวรรค์เต๋าดาบ ความโลภโครงกระดูกใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพได้อย่างน้อยสิบประเภท มันแค่ว่ามันสามารถใช้ได้สูงสุดแค่เจ็ดพร้อมกัน ซึ่งเทียบเท่ากับพลังโจมตีของจิ่วเจี้ยน
บางทีอาจเพราะความโลภควบคุมจิตสำนึกมันได้ไม่เต็ม หรือบางทีอาจเพราะห่วงโซ่ลำดับเทพที่มันปล้นไม่สามารถผสานกันได้ดี แต่การผสานห่วงโซ่ลำดับเทพที่มันใช้นั้นไม่สมเหตุสมผลกันเลย
ในไม่ช้าจิ่วเจี้ยนก็สังเกตเห็นและครอบงำอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า ขณะที่ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด หลินฮวงก็หน้าเปลี่ยนสี
หลินฮวงรู้สึกว่าระยะตรวจจับของหลานหลิงเล็กเกินไป และไม่พอจะเตือนพวกเขาล่วงหน้า ดังนั้น เขาจึงลอบปล่อยเมล็ดกาฝากจำนวนมากระหว่างทางและจับตาดูสภาพแวดล้อมพวกเขาตลอดเวลา
ผ่านเมล็ดกาฝากก่อนหน้านี้ เขาเห็นความโลภบางตัวใกล้ๆที่อาจสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานจากการต่อสู้ระหว่างจิ่วเจี้ยนกับความโลภโครงกระดูก แม้ส่วนใหญ่จะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม แต่ก็ยังมีพวกระดับสูงหลายตัวที่สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังและกำลังมุ่งหน้ามาทางสนามรบ ท่ามกลางพวกมัน ยังมีสิ่งมีชีวิตขั้นเก้าอยู่ด้วย
หลังลังเลชั่วขณะ หลินฮวงก็เร่งจิ่วเจี้ยน”จิ่วเจี้ยน เจ้าสามารถรีบจัดการมันได้ไหม?”
จิ่วเจี้ยนตกตะลึงตอนเขาได้ยิน ขณะที่พวกเวอชุโอโซมองหลินฮวงอย่างสับสน
การเร่งพรรคพวกให้รีบแบบนี้เป็นพฤติกรรมที่หยาบคาย เพราะทุกคนมีจังหวะต่อสู้ของตัวเอง ถ้าเกิดกดดัน มันจะเท่ากับการแทรกแซงจังหวะต่อสู้พวกเขา
“เกิดอะไรขึ้น?”เวอชุโอโซรู้ว่าต้องมีเหตุผลที่ทำให้หลินฮวงพูดเพื่อเร่งจิ่วเจี้ยน
หลินฮวงลังเลแต่ตัดสินใจเผยเหตุผล”มีความโลภระดับสูงกำลังมุ่งหน้ามาหลังสัมผัสได้ถึงคลื่นการต่อสู้ที่นี่”
เขาไม่อธิบายว่าเขารู้ได้ไง และเวอชุโอโซก็ไม่กดดัน พวกเขาแค่เหลือบมองเขา
หลินฮวงไม่ใช้คลื่นเสียงเขาตอนเขาตอบกลับเวอชุโอโซ นั่นทำให้จิ่วเจี้ยนที่กำลังสู้อยู่ได้ยินชัด
เดิม เขาสงสัยว่าหลินฮวงแค่เร่งเพื่อยั่วยุเขาหรือเปล่า แต่ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าศึกของเขาได้กระตุ้นความโลภตัวอื่น
วินาทีที่หลานหลิงได้ยินหลินฮวงพูด นางก็รีบประสานมืออีกครั้ง ทำการสำรวจรอบใหม่
แต่ทว่า ในไม่ช้านางก็พูดกับหลินฮวงอย่างสงสัย”ข้าไม่สัมผัสได้ถึงความโลภตนใดเลย ข้ากลับเห็นหลายตัวกำลังออกจากพื้นที่ที่เราอยู่ซะมากกว่า”
“พวกอ่อนแอสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม พวกมันจึงหนี แต่ทว่า ตัวที่ทรงพลังกำลังมาที่นี่ เจ้าสัมผัสไม่ได้เพราะพวกมันยังไม่เข้าระยะสัมผัสของเจ้า”หลินฮวงอธิบาย”ข้าไม่อยากอธิบายว่าข้าใช้เทคนิคตรวจจับประเภทไหน แต่เชื่อข้า ข้าไม่ได้พูดเล่น”
“เข้าใจแล้ว”หลานหลิงตอบรับคำอธิบายของหลินฮวงอย่างไม่เต็มใจ
คนอื่นไม่คิดถามเพิ่มว่าหลินฮวงใช้เทคนิคตรวจจับแบบไหน
ในฐานะร่างโคลนของสมาชิกสโมสร จิ่วเจี้ยนรู้ดีว่าสมาชิกทุกคนมีความลับ
เขาเลือกเชื่อหลินฮวงและเพิ่มพลังโจมตีรวมถึงความถี่
เมื่อจังหวะต่อสู้เปลี่ยน ความโลภก็ตอบสนองไม่ทัน จิตสำนึกมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของมันอย่างสมบูรณ์และยิ่งเวลาผ่าน ไม่เพียงมันจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับจังหวะต่อสู้ใหม่ได้ แต่ข้อบกพร่องมันยังเริ่มแสดง จิ่วเจี้ยนได้ครอบงำมัน และในไม่ช้ามันก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ภายในสามนาทีหลังคำเตือนของหลินฮวง จิ่วเจี้ยนก็ฆ่ามันด้วยกระบี่ของเขา
เมื่อเขาฆ่าเสร็จ หลานหลิงก็อุทาน
“ความโลภระดับสูงได้เข้าระยะสัมผัสข้าแล้ว!มันกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา!”
เดิมถูทงกังขาคำพูดของหลินฮวงแต่แค่ไม่แสดงความคิดเห็น แต่ตอนนี้ข้อสงสัยของเขาล้วนหายไปหมดแล้ว
“ด้วยระยะแค่นี้ มันสายเกินที่จะคิดหนี มาสู้กับมันกัน!”หลินฮวงพูด”เราแค่ต้องจัดการตัวนี้ให้เร็วที่สุดก่อนตัวต่อไปจะมาถึง”
เขาสะบัดแขนเสื้อทันทีที่พูดจบ และมีดบินพลังจิตก็บินออกมาเหมือนฝูงปลา
จิ่วเจี้ยนผู้เพิ่งสู้จบไม่เก็บกระบี่เขาไป เขากลับสะบัดอาวุธเขา หมุนตัว จ้องไปทางที่มีดบินพลังจิตของหลินฮวงเล็งไป
แม้เวอชุโอโซจะไม่ขยับ แต่พลังเทวะที่วนรอบตัวเขาก็เร่งความเร็วขึ้น เตรียมรับศึก
ในขณะเดียวกัน ถูทงกับหลานหลิงก็ได้ถอยไปด้านหนึ่ง
ยอดฝีมือระดับเทพสวรรค์ขั้นสูงถือว่าเกินความสามารถพวกเขาไปแล้ว
ไม่ช้า ความโลภที่แผ่กลิ่นอายทรงพลังก็แสดงตัวต่อหน้าพวกเขา
รูปลักษณ์ของมันคล้ายกับมนุษย์
มันหัวล้าน ผอมบาง
ความแตกต่างที่ใหญ่สุดระหว่างมันกับมนุษย์คือมันมีหกแขน สามตา
“เผ่าอายัน?!”จิ่วเจี้ยนอดตกใจไม่ได้
หลินฮวงตกตะลึงเช่นกน
เขาเองก็เคยได้ยินถึงเผ่าอายัน ซึ่งเป็นเผ่าพิเศษในมหาพิภพ
สมาชิกเผ่าจะเกิดมาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ
พวกเขายังปฏิเสธที่จะใช้อุปกรณ์และทรัพยากรบ่มเพาะส่วนใหญ่
ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังไล่ตามความเป็นไปได้ทางชีวิตที่เรียบง่ายสุด ถ้าพวกเขาไม่ต้องกิน พวกเขาก็จะไม่กิน ถ้าพวกเขาไม่ต้องดื่มน้ำ พวกเขาก็จะไม่ดื่ม พวกเขาได้ตัดความปรารถนาทิ้ง เหลือไว้แค่พื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
ดังนั้น สมาชิกเผ่าอายันจึงมีพลังภายในและเจตจำนงที่ทรงพลังมาก
นี่ทำให้จิ่วเจี้ยนตกใจตอนเห็นความโลภตนนี้
เผ่าอายันสามารถถือได้ว่าเป็นเผ่าที่มีความปรารถนาน้อยสุดในจักรวาล
พวกเขายังตัดความปรารถนาทางร่างกายของพวกเขาออกไปได้ นับประสาอะไรกับความโลภ
แต่ทว่า สมาชิกเผ่าอายันตรงหน้าพวกเขากลับตกต่ำและเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับเผ่ามันอย่างความโลภ
‘เจ้าหมอนี่เกิดโลภในอะไร?’แทบทุกคนรวมถึงหลินฮวงมีความคิดเช่นเดียวกันผุดขึ้น
แต่ทว่า ในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบคำตอบ
ตาที่สามบนหน้าผากของความโลภตนนั้นพลันเปิดขึ้น ทันใดนั้น รังสีลี้ลับของแสงพุทธก็ไหลออกมาปกคลุม รัศมีสีทองนับไม่ถ้วนหมุนวน ปกคลุมสภาพแวดล้อม เปลี่ยนพวกมันเป็นอาณาจักรแห่งพุทธ
ความโลภเผ่าอายันค่อยๆลอยขึ้นฟ้า และร่างของพุทธองค์ทองคำก็ปรากฏด้านหลังมัน
เสียงพึมพำต่ำดังในหูของทุกคน
“เราจะกลายเป็นพุทธองค์หลังกวาดล้างหุบเหว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าทำไมอีกฝายถึงโดนเปลี่ยนเป็นความโลภ
สมาชิกเผ่าอายันตนนี้ต้องทุ่มเทกับการกวาดล้างมอนสเตอร์หุบเหวมาก สุดท้าย มันจึงโดนเอาชนะด้วยความโลภ ซึ่งจากนั้นก็เปลี่ยนตัวมันเป็นมอนสเตอร์ซะเอง
หลังพึมพำสักพัก ความโลภเผ่าอายันก็ลดหัวมองพวกหลินฮวง ตาที่สามมันค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง
ฝ่ามือทั้งหกของมันสะบัดออกมาแทบจะพร้อมกันโดยไม่เก็บรั้ง ราวกับภูเขาหกลูกกำลังถล่ม
“ตายซะ เจ้าสัตว์ประหลาด!”