เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้าตัว หลินฮวงก็รู้สึกพอใจมาก แต่ก็ยังงุนงงในเวลาเดียวกัน
จำนวนพลังกฏเทพที่เขาปล้นจากวิบัติเผ่าอายันเกินกว่าเทพสวรรค์ตนใดที่เขาเคยฆ่า มีพลังกฏเทพกว่าเจ็ดแสนประเภท ซึ่งมากกว่าที่เขาได้รับจากเทพสวรรค์ตัวอื่นนับสิบเท่า แถมยังมีห่วงโซ่ลำดับเทพกว่า 18 ประเภท
นี่ทำให้หลินฮวงคาดเดา’นี่คือลักษณะพิเศษของเผ่าอันยา หรือนิสัยของความโลภที่ปล้นพลังกฏเทพและลำดับเทพ?’
ขณะเขาครุ่นคิดถึงคำถามนี้ ถูทงกับหลานหลิงก็มองเขา สีหน้าพวกเขาตกใจอย่างที่สุด
พวกเขารู้ว่าหลินฮวงทรงพลัง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้
แค่การฟาดดาบเพียงครั้งเดียว เขาฆ่ามอนสเตอร์ที่จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซทำได้แค่สูสีหลังร่วมมือกัน แม้การโจมตีจะเป็นการลอบโจมตีแทนจู่โจมซึ่งๆหน้า มันก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของหลินฮซง
สายตาของจิ่วเจี้ยนยังเร่าร้อน เขารู้ว่าหลินฮวงเป็นผู้บ่มเพาะดาบ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่เคยเห็นหลินฮวงใช้ดาบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นและมันก็ทำให้เขาตกตะลึง
แม้กระทั่งจิ่วเจี้ยนเองก็ไม่มั่นใจเต็มที่ว่าจะฆ่าวิบัติเผ่าอายันได้
ยิ่งเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลินฮวงเป็นคนที่คู่ควร
ในกลุ่ม เวอชุโอโซดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ไม่แปลกใจ เขาแค่เหลือบมองหลินฮวงก่อนเบือนหน้าหนี
“ไปกันเถอะ จะมีพวกวิบัติเผ่าอายันมามากขึ้นถ้าเรายังอ้อยอิ่ง”หลังเขาสกัดพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพในตัววิบัติจนหมด หลินฮวงก็มุ่งหน้าไปเป้าหมายต่อไป
เขามีความกระตือรือร้นมากขึ้นในการตามล่าพวกความโลภหลังได้รับพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพมากมายจากวิบัติตัวนี้
เขาไม่ได้ปกปิดเทคนิคตรวจสอบเขาเลยและเริ่มนำ เส้นทางที่พวกเขาใช้ส่วนใหญ่ผ่านพื้นที่ที่มีความโลภระดับกลาง
เมื่อสังเกตเห็นว่าหลินฮวงเริ่มสู้ถี่ขึ้น พวกเวอชุโอโซก็คิดแค่ว่าเขาอยากจบการต่อสู้ให้เร็วขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทดสอบจำนวนพลังกฏเทพและพลังลำดับเทพที่เขาได้รับจากความโลภต่างๆ
หลังทดสอบกว่าสิบรอบ เขาก็ยืนยันได้ว่ายิ่งความสามารถของความโลภทรงพลัง พลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพก็ยิ่งปล้นได้มาก
โดยเฉพาะความโลภที่มีแก่นแท้พลัง ซึ่งเพิ่มจำนวนพลังกฏเทพภายในตัว
หลินฮวงยังสามารถปล้นพลังกฏเทพกว่าสองแสนประเภททจากความโลกเทพสวรรค์ขั้นสี่ได้
แต่ทว่า พวกเขาได้อยู่ในพื้นที่รวมตัวของความโลภหนึ่งวันเต็มและหลินฮวงก็ไม่รู้สึกดีที่จะพาทุกคนเตร็ดเตร่แถวนี้อีก หลังยืนยันการคาดเดา เขาก็ไม่รีรอ เขานำคนอื่นไปพื้นที่ต่อไป มันเป็นพื้นที่รวมของความตะกละ
มอนสเตอร์เหล่านี้เที่เรียกว่าความตะกละถูกปนเปื้อนด้วยพลังหุบเหวและความตะกละ
มอนสเตอร์เช่นนี้จะอยู่ในสภาพหิวโหยตลอดกาล พวกมันกระตือรือร้นที่จะกินทุกวินาทีของชีวิต
มีแค่อาหารถึงทำให้พวกมันมีความสุขได้
นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับมอนสเตอร์เหล่านี้คือพวกมันไม่ต้องคิดหรือบ่มเพาะ พวกมันสามารถเติบโตได้ผ่านการกิน
พวกมันสามารถได้รับสารอาหารจากอาหารทุกอย่างที่พวกมันกิน
ในความเป็นจริง ความตะกละไม่ใช่พวกเดียววในดินแดนความตะกละ ยังมีหยิ่งยโสอยู่ด้วย
แต่ทว่า หลินฮวงเลือกตรงไปจุดที่พวกความตะกละอยู่
เขาทำเช่นนี้เพราะเขาคิดว่าพวกตะกละบางตัวอาจครอบครองความสามารถปล้นพลังกฏเทพและห่วงโซ่ลำดับเทพจากศพเหยื่อ เหมือนกับความความโลภ
เขายังคาดเดาว่าพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพภายในความตะกละอาจมีมากกว่าวิบัติอื่นๆ
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจยืนยันมัน
หลังเข้าอาณาเขตของความตะกละ ความตะกละตัวแรกที่พวกหลินฮวงเจอเป็นก้อนเนื้อยักษ์
ก้อนเนื้อมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามเมตร มันลอยกลางอากาศ ปากขนาดต่างๆมีอยู่ทั่วตัวมันรวมถึงหนวดขนาดต่างๆ
หนวดแต่ละเส้นเป็นอวัยวะรับรู้พิเศษ และพวกมันก็สัมผัสได้ถึงการปรากฏของพวกหลินฮวงแล้ว
หนวดนับไม่ถ้วนยืดอย่างรวดเร็ว พุ่งไปทางหลินฮวงเหมือนแส้
มันละโมบจนอยากจับทั้งหมดในคราวเดียวและกลืนพวกเขาลงไปพร้อมกัน
แต่ทว่า สิ่งที่ทักทายมันคือประกายไฟฟ้าสีแดงที่เร็วกว่าหนวดมันนับร้อยเท่า
โดยไม่รอให้คนอื่นตอบสนอง หลินฮวงชิงโจมตีก่อน
เหตุผลของเขาในการริเริ่มง่ายมาก เขาแค่อยากยืนยันการคาดเดาของเขา
ความตะกละขั้นสี่ตัวนี้ค่อนข้างโชคร้าย มันยื่นหนวดมันมา แต่ก็โดนมีดบินพลังจิตของหลินฮวงเจาะจนพรุน
แค่การปะทะครั้งเดียว มันก็จบ
มันเกิดขึ้นไม่ถึงครึ่งวินาที
หลังสังเกตเห็นว่าหลินฮวงคว้าโอกาสโจมตี พวกเวอชุโอโซก็รู้สึกว่าเขาอยากออกจากดินแดนหุบเหววิบัติให้เร็วที่สุด
ในขณะเดียวกัน หลินฮวงก็รู้สึกได้ถึงพลังกฏเทพและพลังลำดับที่พุ่งเข้ามาในตัวของเขาอย่างรวดเร็วหลังเขาฆ่าความตะกละ
เช่นเดียวกับที่เขาคาดไว้ จำนวนพลังกฏเทพที่เขาได้รับจากความตะกละเหนือกว่าเทพสวรรค์ขั้นสี่ทั่วไปมาก
อย่างไรก็ตาม ความตะกละตัวเดียวไม่สามารถพิสูจน์ได้ ความตะกละตัวนี้อาจเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อยืนยัน เขาต้องใช้ความตะกละมากขึ้นเป็นข้อมูลอ้างอิง
“ไปกันเถอะ ยืนนิ่งกันทำไม?”หลินฮวงไม่คิดเหลียวแลความตะกละ ซึ่งยังไม่เปลี่ยนเป็นอารมณ์ด้านลบเต็มที่ เขาดีดตัวเองทันที มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของเป้าหมายสอง
พวกเวอชุโอโซเหลือบมองความตะกละที่ตาย ตามหลินฮวงไปหลังมั่นใจว่ามันจะไม่คืนชีพ
ในการล่าสองสามครั้งต่อมา หลินฮวงยืนยันการคาดเดาของเขาได้
ในทางปฏิบัติแล้ว ความตะกละทั้งหมดมีพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพมากกว่ามอนสเตอร์ระดับพลังเดียวกัน แต่ทว่า ความตะกละส่วนใหญ่เหล่านี้อยู่ในสภาพสับสน
การกินเป็นสิ่งเดียวในหัวพวกมัน และการใช้พลังลำดับเทพก็เป็นไปตามสัญชาตญาณ ต่อให้พวกมันจะเก็บงำพลังที่เหนือกว่าวิบัติอื่นไว้ พวกมันก็ทำได้แค่แสดงเพียงเล็กน้อย
แต่ว่า นี่ทำให้ง่ายต่อหลินฮวง ประสิธิภาพการปล้นพลังกฏเทพของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า
พวกเวอชุโอโซยังเฝ้าดูเขาเข่นฆ่ามอนสเตอร์อย่างกระตือรือร้นเงียบๆ
พวกเขาตามติดเขาตลอดทางและมองเขาเฉิดฉาย
ในขณะเดียวกัน หลินฮวงเข่นฆ่าอย่างรวดเร็วทุกที่ที่เขาไป บางครั้งเขาไม่หยุดเดินด้วยซ้ำ แค่ใช้มีดบินพลังจิตกำจัดศัตรูจากระยะไกล
ในไม่ช้าพวกเวอชุโอโซก็ตระหนักว่าหลินฮวงกำลังตั้งใจฆ่าความตะกละ นี่เพราะจำนวนความตะกละที่พวกเขาพบวันนี้มากกว่าจำนวนวิบัติที่พวกเขาพบในพื้นที่อื่น
ภายในระยะสั้นๆของวัน หลินฮวงก็ได้ฆ่าความตะกละไปกว่าสองร้อยตัว
แต่ละตัวมอบพลังกฏเทพให้เขาอย่างต่ำแสนและมากสุดถึงแปดแสน
จำนวนพลังกฏเทพที่ความตะกละกว่าสองร้อยตัวมอบให้ช่วยให้เขาเลื่อนจากขั้นเจ็ดเป็นขั้นแปดได้สำเร็จ
ถ้ามันไม่ใช่เพราะพวกเวอชุโอโซคอยตามเขาอยู่ เขาคงจะล่าในพื้นที่นี้จนกระทั่งเลื่อนเป็นขั้นเก้า
แต่ทว่า เมื่อพิจารณาว่าเขามาพร้อมกลุ่ม เขาจึงทำได้แค่ละทิ้งความคิดนั้น หลังเสร็จสิ้นการล่าหนึ่งวันเต็ม จากนั้นเขาถึงออกอาณาเขตความตะกละด้วยความรู้สึกไม่พอใจ….