การต่อสู้รอบแรกที่ต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลกับเถาวัลย์จิตวิญญารความตายร่วมกันโจมตีรุนแรง แต่มันก็จบอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลุ่มเดินทางต่อ สิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นเป็นรอบสองและสาม
ด้วยกระจกของหลินฮวง ไม่มีต้นเฟอร์ปีศาจกับเถาวัลย์ความตายตัวใดที่โจมตีแล้วรอด
เวอชุโอโซกับคนอื่นยิ่งรู้สึกตกตะลึงกับความไร้เทียมทานของความสามารถนี้มากขึ้น
“วิชานี้..ผลาญพลังเทวะของเจ้าไหม?”ในที่สุดหลานหลิงก็อดอถามไม่ได้หลังสังเกตมาสักพัก
“นั่นจะเป็นไปได้ยังไง?!”หลินฮวงคิดว่าคำถามของนางไร้สาระ แต่เขาก็อธิบายอย่างอดทน”ทุกครั้งที่กระจกป้องกันกาณโจมตี พลังเทวะหนึ่งส่วนสิบของข้าจะลด ถ้าการโจมตีของศัตรูมีพลังจิตวิญยาณ พลังกฏเทพหรือพลังลำดับเทพ ข้าจะดูดพลังจิตวิญญาณ พลังกฏเทพหรือพลังลำดับเทพพวกมันหนึ่งส่วนสิบ”
หลังได้ยินคำอธิบายนี้ เวอชุโอโซกับคนอื่นก็คิดว่าวิชาที่เรียกว่ากระจกนี้ยิ่งไร้เทียมทานกว่าเดิม
หลินฮวงสามารถส่งการโจมตีของศัตรูกลับไปได้โดยผลาญพลังเทวะตัวเองแค่หนึ่งส่วนสิบ
นี่เทียบเท่ากับการไม่ได้ทำอะไรยกเว้นแค่ถือกระจกและศัตรูก็จะหมดพลังตาย
เหตุผลเพราะไม่ว่าศัตรูจะส่งการโจมตีใส่เขายังไง การผลาญพลังฝั่งหลินฮวงก็จะเป็นหนึ่งส่วนสิบของพลังศัตรูไปตลอด
จิ่วเจี้ยนตกอยู่ในการครุ่นคิดหลังได้ยินคำอธิบายของหลินฮวง เขากำลังคิดหาทางโต้กลับการโจมตีของหลินฮวง แต่ทว่า ไม่ว่าเขาจะคิดหนักแค่ไหน เขาก็คิดหาทางออกได้แค่สองทาง
หนึ่งคือพลังของการโจมตีต้องเกินขีดจำกัดของกระจก ซึ่งหมายความว่ามันต้องเกินสิบเท่าของพลังโจมตีที่รุนแรงสุดของหลินฮวง เขารู้สึกว่าบางทีแม้กระทั่งเทพสวรรค์ขั้นเก้าส่วนใหญ่ก็ยังทำไม่ได้
อีกทางคือล้อมหลินฮวงด้วยจำนวน
แม้คนเดียวจะผลาญพลังเทวะของหลินฮวงได้ยาก แต่ตราบเท่าที่มีคนพอ พวกเขาจะสามารถผลาญพลังเทวะของเขาได้
โดยธรรมชาติ จิ่วเจี้ยนไม่ผิด แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือความหนาแน่นพลังเทวะของหลินฮวงเกินกว่าคนธรรมดามาก การผลาญพลังเทวะภายในตัวหลินฮวงต้องใช้คนมากกว่าที่จิ่วเจี้ยนคิดไว้
เมื่อกลุ่มเดินเข้าหมอก จำนวนกฏที่หลินฮวงได้รับก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จำนวนกฏภายในตัวเขาก็พุ่งทะยานเกินสิบล้าน
แต่ทว่า พวกเขาดูเหมือนจะเข้าลึกไปในป่าต้นเฟอร์ปีศาจ ยิ่งเข้าลึก ระดับพลังของต้นเฟอร์ปีสาจรัตติกาลกับเถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย ความถี่ของหลินฮวงและคนอื่นในการพบมอนสเตอร์ที่อยู่เป็นกลุ่มก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
แม้เวอชุโอโซกับคนอื่นจะเริ่มเข้าร่วมในการต่อสู้ ประสิทธิภาพการได้รับกฏเทพของหลินฮวงก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่ดี
ชั่วโมงต่อมา จำนวนกฏภายในตัวหลินฮวงได้ทะลุร้อยล้าน
แต่ทว่า เขายังอยู่แค่ครึ่งทางของการสู่ขั้นเก้า
เขาตื่นเต้นเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่เพราะเวอชุโอโซกับคนอื่นอยู่ เขาคงอยู่ล่าจนกว่าระดับพลังของเขาจะบรรลุ
ทันใดนั้น ท่ามกลางความตื่นเต้นของหลินฮวง เสียงของหลานหลิงกลับดังขึ้น
“อาจมีเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายที่ทรงพลังอยุ่ข้างหน้าประมาณสิบกิโลเมตร”
“ยืนยันได้ไหม?”เวอชุโอโซถาม
“มันไม่ใช่อย่างนั้น ข้าไม่พบเถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย แต่ข้าตรวจพบร่องรอยที่คล้ายกับที่พวกมันทิ้งไว้ขณะเลื้อยผ่าน”หลานหลิงหยุด จากนั้นก็พูดต่อ”ตัดสินตามร่องรอย เถาวัลย์ตัวนี้หนาอย่างน้อยสามเมตร”
เวอชุโอโซเงียบไปหลังได้ยิน
“หนาสามเมตร?!แน่ใจนะ?”หลินฮวงอดถามไม่ได้ แม้กระทั่งเขาก็คิดว่ามันไม่น่าเชื่อ
มันต้องสังเกตว่าถาวัลย์ส่วนใหญ่ที่กลุ่มหลินฮวงพบจะหนาแค่เท่าต้นขาคน ขณะที่ตัวที่หนาสุดพอๆกับถัง โดยปกติ พวกเขาไม่เห็นหลายตัวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเกินครึ่งเมตร แน่นอน ทุกคนจึงสงสัยตอนหลานหลิงบอกว่ามันหนาสามเมตร
“ข้ามั่นใจว่ามันหนามาก!”หลานหลิงพูดเสริม”แต่ทว่า มันอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยมอนสเตอร์เช่นงูเหลือมรัด”
“ถ้ามันเป็นเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายขนาดนั้นจริง ระดับพลังมันอาจเหนือกว่าขั้นเก้า มีโอกาสสูงที่มันอาจเป็นกึ่งจ้าวเทวะ”เวอชุโอโซพูด เหลือบมองจิ่วเจี้ยนกับหลินฮวง
จิ่วเจี้ยนไม่พูดอะไร เขากลับมองหลินฮวง
หลินฮวงสังเกตว่าทุกคนกำลังมองเขาและรู้ว่าพวกเขากำลังรอให้เขาแสดงความคิด”ข้าไม่สามารถฆ่ากึ่งจ้าวเทวะได้ แต่..ข้าคิดว่าเราสามารถไปตรวจสอบกันได้ก่อน ถ้ามันไม่ใช่จ้าวเทวะแล้วจะเป็นไง?”
“แล้วถ้ามันใช่ละ?”เวอชุโอโซถามกลับ
“ถ้าใช่ ข้าก็มีทางหนี”หลินฮวงไม่กังวลเลย อยย่างมาก เขาสามารถใช้ตัวตายตัวแทนได้”แต่ทว่า โอกาสที่พวกเจ้าจะตายนั้นสูงมาก”
“นั่นยอมรับไม่ได้ ทำไมไม่ให้ข้าไปตรวจสอบก่อนละ?”หลินฮวงเสนออีกครั้ง
“แค่อ้อมไม่ง่ายกว่าเหรอ?”ถูทงอดแสดงความคิดเห็นไม่ได้
“หลานหลิงแค่ตรวจพบร่องรอยน่าสงสัย ต่อให้มันเป็นเถาวัลย์จริง เราก็รับประกันไม่ได้ว่ามันจะอยู่แถวนั้น พื้นที่อื่นอาจไม่ปลอดภัยเหมือนกัน เหนือสิ่งอื่นใด เถาวัลย์ขนาดใหญ่แบบนั้นต้องมีต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลหลายต้นปกป้อง เราไม่มีทางรู้ว่าขอบเขตอำนาจมันอยู่ไหน”
ส่วนหลังของความเห็นหลินฮวงยังเป็นสาเหตุให้เวอชุโอโซลังเล
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เวอชุโอโซคงบอกให้ทุกคนอ้อมแล้ว เขาเองก็ไม่เต็มใจเจอกับกึ่งจ้าวเทวะ
จิ่วเจี้ยนไม่พูดอะไร เขาตระหนักดีเช่นกัน
เมื่อเห็นเวอชุโอโซใช้เวลาคิดนาน ในที่สุดจิ่วเจี้ยนก็พูด
“เอาแบบนี้เป็นไง เราจะทิ้งเด็กสองคนไว้นี่ และเราสามจะไปตรวจสอบกัน”
เขาหมายถึงหลานหลิงกับถูทงตอนพูดถึงเด็กสองคน ตอนนี้ เขากำลังปฏิบัติต่อหลินฮวงเหมือนผู้อาวุโสระดับเดียวกัน
เวอชุโอโซพยักหน้า”งั้นเอาตามนั้น”
“แน่ใจนะว่าจะไม่ตายถ้าเราเจอกึ่งจ้าวเทวะ?”หลินฮวงจ้องเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน”ถ้าเจ้าไม่มั่นใจ มันดีกว่าที่ข้าจะไปเอง”
“เจ้าประเมินเราต่ำไป”เวอชุโอโซแค่นเสียงอย่างรำคาญ
“ร่างหลักของข้าทิ้งของบางอย่างไว้ให้ข้าเพื่อความอยู่รอด”น่าแปลกใจที่จิ่วเจี้ยนตรงไปตรงมากว่า
แม้เวอชุโอโซจะไม่พูด แต่พวกเขาก็มีวิธีคล้ายกัน
“งั้นก็ไม่มีปัญหา”หลินฮวงไม่ค้าน
เวอชุโอโซหันไปมองหลานหลิงกับถูทง”พวกเจ้าสองอยู่นี่ เราจะติดต่อหลังเราลาดตระเวนเสร็จ”
ทั้งคู่พยักหน้าทันที แม้เวอชุโอโซจะไม่ใช่ร่างหลัก เวอชุโอโซก็ยังเป็นร่างแยกของอาจารย์พวกเขา พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่ง
หลินฮวงนำจิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซตรงไปหลังเวอชุโอโซให้คำสั่งกับถูทงกับหลานหลิง
หลานหลิงจ้องทั้งสามหายไปในหมอก หลังจากนั้นสักพัก นางก็พูด”อาจารย์ยังทิ้งวิธีเอาตัวรอดให้เราด้วย”
ข้างนาง ถูทงตบไหล่นาง”เราจะทำให้มันวุ่นวายถ้าเราไปด้วย เราควรรอที่นี่และดูว่าพวกเขาจะเจออะไร”