หลินฮวงนำกลุ่มเขาสามคนเดินหน้าหลังทิ้งหลานหลิงกับถูทงวไว้ด้านหลัง
หลังโดนมอนสเตอร์โจมตีสองรอบ ในที่สุดพวกเขาก็เห็นร่องรอยที่ทิ้งไว้โดยเถาวัลย์จิตวิญญาณปีศาจที่หลานหลิงพูดถึง
“ข้าคิดว่ามันควรถูกทิ้งไว้หลายวันแล้ว ไม่มีกลิ่นอายหลงเหลือเลย และไม่มีร่องรอยของพลังเทวะกับพลังกฏเทพแถวนี้ด้วย”จิ่วเจี้ยนพูด
“ไม่ว่าร่องรอยจะถูกทิ้งไว้โดยเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายหรือไม่ มันก็ควรผ่านไปสักพักแล้ว”หลินฮวงพยักหน้า”มันอาจไม่อยู่แถวนี้อีกแล้ว”
“ยังไงเราก็มากันแล้ว มาดูรอบ ๆ กันเถอะ”เวอชุโอโซดูเหมือนจะไม่พอใจที่พวกเขาต้องเสียเวลาฟรี
หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนไม่ค้าน ทั้งหมดเดินหน้าต่อ ตามทางที่ร่องลึกยืดออกไป
หลังเดินทางสักพัก ในไม่ช้าพวกเขาก็พบบางอย่างผิดปกติ
“ไม่มีมอนสเตอร์สักตัวแถวนี้ ไม่แม้แต่ต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาล”หลินฮซงขมวดคิ้วเล็กน้อยและอดกังวลไม่ได้”นี่ปกติไหม?”
“มันแปลกมาก”จิ่วเจี้ยนตอบก่อนเวอชุโอโซจะพูด
“เราสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่าสถานการณ์เป็นไง?”หลินฮวงจับจ้องเวอชุโอโซ
“เราไม่สามารถยืนยันอะไรได้ในขณะนี้”เวอชุโอโซส่ายหัวและตอบในแง่ลบ
คิ้วของหลินฮวงยกขึ้นตอนได้ยินคำตอบนี้ เขาไม่พูดอะไรอีกหลังจากนั้น
เห็นได้ชัดว่าเวอชุโอโซมีการคาดเดาบางอย่างแต่ยังยืนยันไม่ได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันไรปะโยชน์ที่จะกดดันพวกเขาต่อไป
ถ้ามีสิ่งจำเป็นที่พวกเขาต้องรู้ เวอชุโอโซย่อมบอก
ทั้งสามเดินหน้าต่อ แต่ก็มีแค่ความเงียบ ไร้สิ่งมีชีวิตใดปรากฏภายในระยะของจิตเทวะพวกเขา
ไม่เพียงจะไม่มีมอนสเตอร์ แต่ยังไม่มีต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลหรือเถาวัลย์สักตัว
หลินฮวงยังสงสัยว่าพวกเขาได้ออกจากพื้นที่ป่าต้นเฟอร์ปีศาจแล้วหรือเปล่า
ทั้งสามบินอยู่ในลักษณะนี้เป็นเวลากว่าสิบนาทีก่อนจิตเทวะพวกเขาจะสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นของป่าต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลด้านหน้า
พวกเขาระวังตัวทันทีที่เห็นป่าต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลอีกครั้ง
ความผิดปกติใดที่เกิดขึ้นหมายความว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติ!
ตามคาด ก่อนพวกเขาจะไปได้ไกลกว่านี้ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงมอนสเตอร์ตัวโตที่ซ่อนในป่าภายในระยะสัมผัสของพวกเขา
มันเป็นมอนสเตอร์คล้ายกับงูเหลือมยักษ์ เส้นผ่านศูนย์กลางลำตัวมันกว้างอย่างน้อยสามเมตร
แม้พวกเขาจะสัมผัสได้แค่ส่วนหนึ่งของร่างกายมัน พวกเขาก็เดาได้ว่ามอนสเตอร์ตัวนี้คือตัวที่ทิ้งร่องรอยไว้
ตัดสินจากกลิ่นอายมัน หลินฮวงกับคนอื่นมั่นใจว่ามอนสเตอร์ตัวนี้คือเถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
มันเป็นเถาวัลย์จิตวิญญาณที่ใหญ่ผิดปกติ!
แทบจะทันทีที่จิตเทวะพวกเขาจับเข้ากับมัน มันก็ตระหนักถึงจิตเทวะพวกเขาเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน หลินฮวงกับคนอื่นก็รู้สึกถึงจิตเทวะรุนแรงที่กวาดมา จับเข้ากับพวกเขา
สีหน้าพวกเขาพลันเปลี่ยนไป พวกเขาสัมผัสได้ชัดว่าพลังจิตเทวะของสิ่งมีชีวิตตัวนี้เกินกว่ามาตรฐานของเทพสวรรค์
ขณะที่จิตเทวะจับเข้ากับพวกมัน พลังกดดันที่น่ากลัวก็กดลงมา
ทั้งสามรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับไหล่ ราวกับมีบางสิ่งที่หนักมากกดทับพวกเขา
การสะกดข่มนั้นรุนแรงจนมันรู้สึกยากจะทานทน ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวพวกเขาโดยตรง
ต่อหน้าคลื่นการยับยั้งเช่นนี้ กระบี่ยาวควบแน่นในมือจิ่วเจียน ตั้งแต่หัวจรดเท้า กฏสวรรค์เต๋ากระบี่ของเขาระเบิดออกมา ขณะที่พลังกระบี่ของเขาพุ่งทะยาน ต่อต้านการสะกดข่มนี้
ในทางกลับกัน ร่างกายของเวอชุโอโซก็เริ่มเลือนราง ทั้งตัวของเขาปรากฏเป็นภาพลวงตาที่ซ้อนทับกันหลายชั้น มันดูน่าขนลุกมาก
แทนที่จะต่อต้านแบบจิ่วเจี้ยน เวอชุโอโซเลือกถ่ายแรง เขาใช้ภาพลวงตานับไม่ถ้วนเพื่อแบ่งเบาแรวงกดดัน พลังที่หลงเหลือถึงตัวเขาจึงแทบไม่มีอยู่
ในขณะเดียวกัน หลินฮวงได้ควบแน่นกฏสวรรค์เต๋าดาบภายในตัวเขา สร้างดาบในมือ พลังดาบน่ากลัวแผ่จากตัวเขา ควบแน่นเป็นเงาดาบกว้างสีแดงเลือดเหนือหัว
เงาสวมเกราะสีแดงเลือด และดาบก็คล้ายกับเนบิวล่า ดาบที่หลินฮวงกวัดแกว่งถึง 90 %
แต่ทว่า เงากลับโดนห่อหุ้มด้วยหมอกแดงจนมองไม่เห็นหน้าชัด
จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซตกตะลึงตอนเห็นเงาควบแน่นเหนือหัวหลินฮวง
โดยธรรมชาติ พวกเขารู้ว่าเงานี้หมายถึงอะไร
นี่คือการจำแลงของเจตจำนงเต๋า มีเพียงยอดฝีมือที่สัมผัสถึงเต๋าแล้วถึงแสดงเจตจำนงเต๋าออกมาได้
การปรากฏตัวของเงาพิสูจน์ว่าเต๋าดาบของหลินฮวงได้แตะธรณีของเต๋าแล้ว
แม้กระทั่งหลินฮวงก็ยังคิดว่ามันแปลกตอนเขาเห็นปรากฏของเงา แน่นอน เขารู้ว่ามันคืออะไร แต่ทว่า เขารู้ว่าการสำแดงเจตจำนงมหาเต๋ามีส่วนเกี่ยวกับระดับเต๋าดาบเขาน้อยมาก
เหนือสิ่งอื่นใด กฏสวรรค์เต๋าดาบของเขาเพิ่งก้าวข้ามขีดจำกัดของหัวใจสวรรค์ เขายังห่างไกลจากการไปถึงเต๋าสวรรค์มาก
การปรากฏของเจตจำนงมหาเต๋าอาจเกิดจากการปรากฏของผนึกดาบภายในตัวเขา
แต่ทว่า เขาไม่มีเวลายึดติดกับเรื่องนี้เพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรู
หลังการปรากฏของเจตจำนงเต๋า การสะกดข่มจากเถาวัลย์ก็หายไปโดยสิ้นเชิง นี่ยังเพิ่มความมั่นใจให้หลินฮวง
เขาไม่พอใจกับแค่การลบแรงกดดัน จากสิ่งที่เขาเห็น ทั้งสามจะถูกโจมตีไม่ช้าก็เร็วเนื่องจากจิตเทวะของมันได้จับเข้ากับพวกเขาแล้ว
เขาฉวยโอกาสลงมือตอนที่แรงกดดันหายไปก่อนศัตรูจะได้เคลื่อนไหว
เขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ดาบในมือของเขาเปลี่ยนเป็นดาบยาวแคบ
ด้วยอาวุธในมือทั้งสองข้างเขา เขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงเลือดขณะพุ่งใส่เถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
แทบจะทันที ร่างจำแลงขนาดยักษ์เหนือหัวเขาขยับเช่นกัน ทำเหมือนกับที่เขาทำไม่มีผิด
ในเวลาเดียวกับที่หลินฮวงขยับ เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายก็ขยับตัวเช่นกัน
หวายนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปเหมือนงู กวาดใส่ทั้งสามเหมือนคลื่น
ในเวลาเดียวกับที่เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายโจมตี ต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลในป่าก็ยังยื่นกิ่งก้านพวกมันด้วย
เทียบกันแล้ว หลินฮวงดูเหมือนมดโดดเดี่ยวท่ามกลางคลื่นทะเล เขาดูเล็กจ้อย
ด้านหลังเขา เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนไม่คาดคิดว่าเขาจะบุ่มบ่ามขนาดนี้
เขาชักดาบออกเพื่อฆ่าโดยไม่พูดสักคำ
แต่ทว่า หลังล่าช้าชั่วขณะ พวกเขาก็ตอบสนองทันที
ทั้งสองมองหน้ากันและเข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
เมื่อเจอกับศัตรูที่ทรงพลัง มันไม่มีทางหนี มันมีแค่การต่อสู้!
คลื่นกระบี่สีทองปกคลุมท้องฟ้าร่วมกับฝ่ามือสีขาวนับไม่ถ้วน โจมตีใส่คลื่นหวาย เปิดเส้นทางให้หลินฮวง…