หวายกับกิ่งไม้นับไม่ถ้วนพัวพัน ปกคลุมทั้งท้องฟ้า ซัดเหมือนคลื่น
หลินฮวงกับอีกสองเหมือนเรือลำน้อยสามลำที่แล่นผ่านคลื่นทะเลปั่นป่วน ดูราวกับจะจมได้ตลอดเวลา
ต่อหน้าศัตรูที่น่าจะเป็นกึ่งจ้าวเทวะ ทั้งสามไม่แสดงความกลัวเลย
หวายนับไม่ถ้วนบดขยี้เป็นฝุ่นผงเมื่อโดนคลื่นดาบของหลินฮวงกลืนกิน
ในขณะเดียวกัน เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน ผู้อยู่ด้านหลังเขาทั้งสองด้านก็ไม่สะกดกลั้นเช่นกัน คลื่นกระบี่กับคลื่นฝ่ามือปกคลุมท้องฟ้าด้วยแสงสว่างสีขาวและทอง
ทั้งคู่ใส่พลังเต็มที่เพื่อเปิดโอกาสให้หลินฮวงได้โจมตี
ทั้งสามล้อมศัตรูอยู่ด้านหน้า และฉีกคลื่นการโจมตีด้วยพลัง
ถ้ามองจากด้านบน มันราวกับเส้นด้ายสีทอง แดงและขาวกำลังสู้กับกระแสน้ำปั่นป่วนโดยไม่หยุดชะงักสักนิดระหว่างทาง
อึดใจต่อมา ด้ายก็โผล่พ้นเหนือคลื่น
หลินฮซงกับอีกสองเห็นตัวการที่ทำการโจมตีได้ มันคือเถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
ภายในป่าต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลที่ตอนนี้ย่อยยับ เถาวัลย์จิตวิญญาณยักษ์ดูเหมือนจะจ้องทั้งสามเหมือนงู
หลินฮวงกับอีกสองยังไม่เห็นทั้งตัวมัน แต่แม้มันจะหลบซ่อนในเงามืด พวกเขาก็ยังสามารถเห็นเกล็ดบนตัวมันที่ดูเหมือนมังกรได้
ถ้าไม่ใช่เพราะจิตเทวะมีสัมผัส พวกเขาอาจคิดว่ามันคือมอนสเตอร์เผ่ามังกรไปแล้วถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง
แต่ทว่า เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนรู้ดีว่าเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายตัวนี้มีเกล็ดเช่นนี้บนผิวมันน่าจะเพราะมันกินมอนสเตอร์เผ่ามังกรหรือศพมอนสเตอร์เผ่ามังกรไป
เมื่อมันเห็นพวกหลินฮวงเข้าใกล้ พลังกับความถี่การโจมตีของมันก็พุ่งถึงจุดสูงสุดแทบทันที
แต่ทว่า หลินฮวงก็ได้ตั้งท่าป้องกันแล้วและกระจกก็ปรากฏเป็นโล่ด้านหน้าทั้งสาม ขวางการโจมตีทั้งหมด
หวายกับกิ่งก้านนับไม่ถ้วนสะท้อนกลับตอนพวกมันฟาดใส่กระจก ดีดใส่ร่างใหญ่โตของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
“เจ้าตัวนี้ไม่ใช่กึ่งจ้าวเทวะ!”หลินฮวงยืนยันได้ทันทีที่เห็นว่ากระจกได้ผล เขาแบ่งปันข่าวกับพวกเวอชุโอโซผ่านคลื่นเสียง
เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนได้มีข้อสงสัยตอนทั้งสามสามารถฉีกผ่านคลื่นหวายได้แล้ว แต่ทว่า พวกเขายังพิจารณาว่าเนื่องจากพวกเขาเพิ่งโจมตีกัน เถาวัลย์ก็อาจไม่ได้เอาจริง พลังโจมตีมันจึงอ่อนแอ
แต่ทว่า ตอนนี้ทั้งสามแทบจะเดาได้แล้ว
ด้วยตรรกะปกติทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ที่เถาวัลย์จิตวิญญาณนี้จะออมมือ ตอนนี้ พลังของการโจมตีมันต้องเป็นมาตรฐานปกติ อาจแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ
แต่ทว่า การโจมตีมันทำลายการป้องกันของกระจกหลินฮวงไม่ได้ มันชัดเจนว่าระดับพลังมันยังไม่ถึงกึ่งจ้าวเทวะ
ทั้งสามถอนหายใจโล่งอกหลังยืนยันว่าเถาวัลย์จิตวญญาณความตายไม่ใช่กึ่งจ้าวเทวะ แต่เป็นแค่ยอดฝีมือระดับเก้าขั้นสูงสุด
พวกเขามองหน้ากันและมันดูเหมือนว่าพวกเขาจะอ่านความตื่นเต้นในดวงตากันและกันได้
ตอนนี้ พวกเขาไม่หลงเหลือความกลัวที่จะสู้กับจ้าวเทวะอีก ความกระตือรือร้นในการล่าของทั้งสามพลันพุ่งทะยาน
พวกเขาไม่เคยพบเทพสวรรค์ระดับเก้าขั้นสูงสุดมาก่อน มันเป็นศัตรูที่ทรงพลังสุดที่พวกเขาเคยสู้ ซึ่งทำให้ความตั้งใจต่อสู้พวกเขาพุ่งทะยาน
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายยังสัมผัสได้ถึงเจตนาของทั้งสามและเริ่มโกรธ
หวายนับไม่ถ้วนสะบัดมาจากทุกทิศทาง กระหน่ำใส่พวกเขาเหมือนพายุฝน
หลินฮวงขยับนิ้วเล็กน้อยและกระจกก็เปลี่ยนเป็นทรงกลมทันที ห่อหุ้มตัวเขา เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน มันตอบโต้การโจมตีรอบนี้ได้อย่างไร้ที่ติ
“พลังเทวะกับพลังกฏเทพเจ้ามากพอป้องกันการโจมตีเช่นนี้ได้ด้วย?”เวอชุโอโซอดถามไม่ได้
นอกจากนี้ จิ่วเจี้ยนเองก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน เขามองหลินฮวงด้วย
“ข้าจะบอกล่วงหน้าถ้าข้าทนไม่ไหว”สีหน้าหลินฮวงไร้ความกังวล”ข้าไม่ใช่คนที่ดื้อรั้นจนกลัวการยอมรับความพ่ายแพ้”
ทั้งคู่โล่งใจเพราะสามารถบอกได้จากสีหน้าหลินฮวงว่าเขารับมือได้
ในความเป็นจริง การโจมตีของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายก็คงอยู่ไม่นานเช่นกัน
มันดูเหมือนจะสัมผัสว่าการโจมตีมันทำลายการป้องกันของหลินฮวงไม่ได้และเลิกพยายามหลังผ่านไปห้านาที
เหนือสิ่งอื่นใด การโจมตีด้วยความถี่เช่นนี้จะสร้างภาระให้มากอย่างมาก
สำคัญสุด ทักษะป้องกันของหลินฮวงนั้นป่าเถื่อน การโจมตีมากมายถูกสะท้อนกลับ ผลกำไรไม่ได้ชดเชยกับความสูญเสีย แม้การโจมตีที่สะท้อนจะไม่สามารถทำร้ายเถาวัลย์ได้ในระดับกายภาพ แต่พลังเทวะกับพลังลำดับเทพมันก็ลดลงเพื่อป้องกันตัวมันเอง
เมื่อสังเกตเห็นว่าการโจมตีของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายอ่อนลง หลินฮซงพลันสลายกระจกที่ห่อหุ้มตัวพวกเขา
เขาไม่รู้ว่าเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนคิดอะไรอยู่ในใจ แต่สำหรับเขา มันคือสมบัติ
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายระดับเทพสวรรค์ขั้นสี่ก่อนหน้ามอบพลังกฏเทพกว่าแสนให้เขา จำนวนกฏภายในเถาวัลย์ระดับเก้าขั้นสูงสุดย่อมประเมินไม่ได้
แต่ทว่า สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนจะสู้กับมันด้วย
ทันทีที่กระจกสลาย เวอชุโอโซก็เปิดฉากโจมตีเถาวัลย์ก่อนหลินฮวงจะได้ตอบสนอง
ฝ่ามือขาวคล้ายหยกฟาดออกไป เปลี่ยนเป็นเงาฝ่ามือนับหมื่นในอากาศ ระเบิดใส่เถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
แทบจะทันทีกับที่เวอชุโอโซโจมตี คลื่นกระบี่สีทองนับไม่ถ้วนควบแน่นตรงหน้าจิ่วเจี้ยน พุ่งใส่เถาวัลย์เหมือนพายุ
หลินฮวงเองก็สับสนว่าทำไมทั้งสองถึงกระตือรือร้นยิ่งกว่าเขา
โดยปกติ เขาย่อมไม่ล่าช้า ถ้าพวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ เขาอาจต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อชดเชยสิ่งที่เสียไปนี้
เขาโจมตีโดยไม่ลังเลและมันก็เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมาก
เขาอัดพลังลำดับเทพ 11 สายและกฏสวรรค์เต๋าดาบลงไป
แสงสีแดงเลือดส่องสว่างบนดาบ
พลังของการโจมตีเหมือนดวงอาทิตย์สีแดงเลือดที่ตกใส่โลก แม้กระทั่งหมอกรอบหลินฮวงก็ยังสลายไป
ในขณะเดียวกัน เจตจำนงมหาเต๋าที่ถือดาบเหนือหัวเขาก็ทำเหมือนกันกับเขา
ดาบในมือมันเปล่งแสงสีแดงที่ส่องสว่างออกไปไกลสุดลูกตา
คลื่นแสงสีแดงสองสาย หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กค่อยๆผสานกัน เมื่อหลินฮวงสะบัดดาบ คลื่นแสงก็เปลลี่ยนเป็นคลื่นดาบไร้เทียมทานที่ระเบิดออกไป
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรง มันละทิ้งการรับมือกับการโจมตีของเวอชุโอโซและจิ่วเจี้ยน ส่งหวายทั้งหมดของมันออกไป พยายามป้องกันตัวมันจากหลินฮวง
แต่ทว่า หวายทั้งหมดกลับเปลี่ยนเป็นผุยผงเมื่อคลื่นดาบพุ่งผ่าน พวกมันไม่สามารถขวางการโจมตีได้เลย แถมการโจมตีก็ไม่ช้าลงแม้แต่น้อย
เมื่อสัมผัสว่าการป้องกันมันล้มเหลว เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายก็คิดหนี แต่ทว่า มันไม่สามารถหนีได้ทันเพราะมันตัวใหญ่เกิน
แทบจะทันทีกับที่ความคิดหนีเข้าหัว ตัวมันก็โดนคลื่นดาบสีแดงเลือดกระแทก คลื่นดาบเจาะผ่านตัวมันโดยไม่ต้องพยายามอะไร ทิ้งหลุมใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าเมตรบนตัวมัน
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายสัมผัสได้ถึงพลังลำดับเทพน่ากลัวที่วิ่งเข้าแผลมัน ลุกลามไปทุกทิศทาง
ในขณะเดียวกัน ตัวมันก็เริ่มสลาย เริ่มจากจุดที่โดนโจมตี…
หลินฮวงรู้สึกพอใจอย่างที่ไม่เคยมีขณะสัมผัสได้ถึงพลังกฏเทพเกือบสามล้านที่ไหลเข้าตัวเขาเหมือนคลื่น ความรู้สึกมันดีกว่าตอนแช่น้ำพุร้อนในช่วงฤดูหนาวกว่าหมื่นเท่า
ตอนศพของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายสลาย หลินฮวงผู้เพิ่งกลืนพลังกฏเทพทั้งหมดก็พลันรู้สึกถึงจิตเทวะอันยิ่งใหญ่ที่กวาดผ่าน
การยับยั้งที่มาจากคลื่นจิตเทวะทรงพลังกว่าเถาวัลย์ที่ตายไปแล้วนี้มาก
จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซสัมผัสได้เช่นกัน เส้นประสาทที่คลายแล้วรัดตึงใหม่ ภายใต้พลังของการยับยั้งนี้ ทั้งคู่งอเข่าลงเล็กน้อยและลมหายใจก็ติดขัด