เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นยับยั้งน่าหวาดกวั่น หลินฮวง จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซต่างหน้าเปลี่ยนสี
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายเมื่อสักครู่คือตัวตนระดับเทพสวรรค์ขั้นสูงสุด การยับยั้งปัจจุบันทรงพลังมากจนต้องเป็นระดับต่อไป เห็นได้ชัดว่าเป็นกึ่งจ้าวเทวะอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้หลินฮวงจะอยากรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความสามารถของเขากับกึ่งจ้าวเทวะมากแค่ไหน เขาก็รู้เต็มอกว่าศัตรูที่มาใหม่นั้นไม่ใช่อะไรที่เขาจะรับมือได้ เขาเริ่มคิดหาทางถอย
เขากล้าโจมตีโดยไม่ลังเลตอนเผชิญหน้ากับเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายเพราะการยับยั้งจากสัตรูไม่ทรงพลังพอจะทำให้เขายอมแพ้ แต่การยับยั้งครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาพบเจอกับพลังไร้เทียมทาน
ความมีเหตุผลของเขาบอกเขาว่าเขาไม่มีโอกาสชนะเลยถ้าต้องสู้กับมันซึ่งๆหน้า ทันทีที่พวกเขาสู้ จะมีเพียงข้อสรุปเดียว คือความตาย
ขณะที่เขากำลังจะบอกเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนให้ถอยผ่านคลื่นเสียง เสียงของเวอชุโอโซก็มาถึงก่อน
“อย่าคิดว่าศัตรูจะทรงพลังแค่ไหน ยิ่งเจ้าคิด ศัตรูก็จะยิ่งทรงพลังตาม!”
หลินฮวงตกตะลึงตอนได้ยิน แต่ก็ตอบสนองทันที”ภาพลวงตา?!”
“จะคิดแบบนั้นก็ได้”เวอชุโอโซตอบสนอง
ตอนนั้นเองหลินฮวงเห็นเวอชุโอโซยกเลิกเทคนิคป้องกันเขา เข่าเขาที่เริ่มงอค่อยๆเหยียดตรง วินาทีต่อมา เขาก็ยืนขึ้นราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไร
“เราพบทางเข้าเมืองภูตผีแล้ว”สายตาของเวอชุโอโซดูเหมือนจะเจาะทะลุผ่านหมอก
“เราสามารถคุยถึงทางเข้ากันได้ทีหลัง ตอนนี้เรามาจัดการกับปัญหาด้านหน้าก่อนดีไหม?”หลินฮวงถาม
“เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายที่เราเจอก่อนหน้าและมอนสเตอร์ตัวนี้คือผู้พิทักษ์เมืองภูตผี พูดง่ายๆ พวกมันคือภาพลวงตาที่เมืองภูตผีสร้าง”
“งั้น เถาวัลย์ที่เราฆ่าก่อนหน้านี้ก็คือภาพลวงตาด้วย?”คิ้วของหลินฮวงเลิกขึ้นตอนได้ยิน เขามีข้อสงสัย
การแจ้งเตือนที่มาจากเสี่ยวเฮยเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะเดียวกัน พลังกฏเทพจำนวนมากที่เข้าตัวเขาก็ยังเป็นของจริงเช่นกัน
ถ้ามันเป็นภาพลวงตา เสี่ยวเฮยย่อมไม่ให้การแจ้งเตือน
เวอชุโอโซดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัย จากนั้นเขาก็อธิบายต่อ”มันไม่ใช่ภาพลวงตากระจอกๆ แต่เป็นภาพลวงตาจริงที่คล้ายกับความสามารถของข้า”
“ถ้าคนที่ตกภายใต้มนตร์คิดว่ามันเป็นจริง มันก็จะกลายเป็นจริงและสามารถแทรกแซงกับความเป็นจริงได้ ถ้าพวกเขายืนยันว่ามันเป็นของปลอม มันก็อาจเป็นแค่ภาพลวงตาธรรมดา”
“เจ้าจะบอกว่าเราเสียแรงเปล่าที่ฆ่าเถาวัลย์ไปก่อนหน้านี้?เพราะเราสามารถเมินมันได้?”หลินฮวงพูดไม่ออก
“ถูกต้อง ถ้าเรายืนกรานจะเชื่อว่ามันไม่จริง มันจะเป็นแค่ภาพ”เวอชุโอโซพยักหน้า”ทางเดียวที่จะผ่านผู้พิทักษ์เมืองภูตผีได้คือการเชื่อว่าพวกมันไม่มีจริง”
“แล้วเราจะฆ่าผู้พิทักษ์ทั้งหมดด้วยพลังได้ไหม?”หลินฮวงสงสัย
“เปล่าประโยชน์ ผู้พิทักษ์ใหม่จะปรากฏทุกครั้งที่ผู้พิทักษ์โดนฆ่า ความสามารถพวกมันจะทรงพลังขึ้นด้วยและจำนวนก็เช่นกัน”เวอชุโอโซอธิบาย”ในทางทฤษฏี ไม่มีข้อจำกัดถึงความสามารถของมัน”
“แถม ไม่มีใครเบื่อหน่ายพอจะมาเมืองภูตผีเพื่อฆ่าผู้ทักษ์เล่น”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุย หลินฮวงก็สังเกตเห็นว่าอีกด้าน จิ่วเจี้ยนได้ยืนขึ้นแล้วเช่นกัน เขายกเลิกเทคนิคป้องกันเขา เมินคลื่นยับยั้งรุนแรงนี้
ตอนนั้นเอง ต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลขนาดยักษ์ได้ยื่นกิ่งก้านมัน ใบไม้นับไม่ถ้วนปกคลุมท้องฟ้า ล้อมทั้งสามไว้
กิ่งไม้หนาแน่นเหมือนหนวดนับไม่ถ้วน พุ่งใส่หลินฮวงกับอีกสองจากทุกทิศทาง
“เจ้าต้องเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าการโจมตีนี้เป็นแค่จินตนาการและกึ่งจ้าวเวที่โจมตีไม่ใช่ของจริง!”เวอชุโอโซพูดกับหลินฮวงทันทีผ่านคลื่นเสียงเมื่อเห็นกิ่งก้านพุ่งใส่พวกเขาเหมือนคลื่น
เวอชุโอโซพอเข้าใจความสามารถของหลินฮวงคร่าวๆ แม้หลินฮวงจะทรงพลัง เขาก็ยังห่างไกลจากกึ่งจ้าวเทวะ
ถ้าหลินฮวงโดนโจมตี เขาจะตายจริง!
ขณะที่จิตเทวะของเขาสัมผัสได้ถึงกิ่งก้านนับไม่ถ้วน หลินฮวงก็ไม่สามารถสงบสติลงได้ เขาอยากโต้กลับการโจมตีด้วยดาบตามสัญชาตญาณ เขาไม่สามารถเมินภัยคุกคามนี้ได้
วินาทีต่อมา กิ่งก้านนับไม่ถ้วนก็เจาะผ่านหมอก พวกมันทะลุตัวเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนไปทันทีราวกับพวกมันเพิ่งผ่านเงาสองเงา
ทั้งคู่ไม่ป้องกันหรือหลบอะไร แถมยังไม่แสดงอาการว่าโดนโจมตี
วินาทีต่อมา กิ่งก้านนับร้อยก็พุ่งมาด้านหน้าหลินฮวง เขาเรียกกระจกขึ้นมากันตามสัญชาตญาณ
แต่ทว่า กระจกคงอยู่ไม่ถึงวินาทีก่อนจะแตกสลาย กิ่งก้านแทงทะลุผ่านเหมือนมีดเจาะกระจก
หลินฮวงกระอักเลือด นี่คือผลสะท้อนกลับจากกระจก
นี่ยังเป็นครั้งแรกของหลินฮวงที่กระจกถูกทำลายจากการโจมตี
กิ่งไม้เจาะทะลุกระจกง่ายๆและพุ่งเข้าหาหลินฮวงต่อ
เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนตื่นตระหนก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
หลินฮวงหลับตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นกิ่งไม้พุ่งเข้ามาและขยับริมฝีปาก อารมณ์ของเขาสงบลงในไม่ช้า
วินาทีต่อมา เมื่อเขาลืมตาขึ้น กิ่งไม้ก็ทะลุผ่านระหว่างคิ้วเขาไป แต่ทว่า ไม่มีร่องรอยของเลือดเลย จากนั้น ตัวของเขาก็ถูกกิ่งไม้นับไม่ถ้วนพุ่งใส่ แต่มันราวกับพวกมันพุ่งผ่านเงา
จากนั้นหลินฮวงถึงยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปาก เขาพยักหน้าให้เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน”มันจบแล้ว!”
“เจ้าทำได้ยังไง?”จิ่วเจี้ยนอดถามไม่ได้
เขารู้ว่าถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์เป็นตายหลังการป้องกันโดนทำลาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเปลี่ยนความคิดของเขาทันที
“มันแค่เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆของผู้บ่มเพาะชาวพุทธ”หลินฮวงอธิบายอย่างใจเย็น
ในความเป็นจริง เขารู้เต็มอกว่าถ้าเขาไม่มีมอนสเตอร์อัญเชิญอย่างบุตรเทวะมารพุทธ มันคงยากสำหรับเขาที่จะหลบหนีความตาย
เขายืมความสามารถลับทำสมาธิของบุตรเทวะมารพุทธเพื่อล้างความคิดในใจทั้งหมดเพื่อให้สงบสติลงได้ จากนั้นก็จินตนาการว่าการโจมตีนั้นเป็นภาพลวงตา ตั้งจิตมุ่งมั่นว่ากึ่งจ้าวเทวะนั้นไม่มีอยู่จริง
กระบวนการทั้งหมดกระชั้นชิดาก ถ้าเกิดผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาจะต้องใช้ตัวตายตัวแทนและคงคืนชีพใหม่ไปแล้ว
โชคดี เขาจัดการได้โดยไม่ผิดพลาด ซึ่งทำให้เขาหลบหนีการโจมตีมาได้แบบหวุดหวิด
“เราจะทำไงกันต่อ?”หลินฮวงแหงนหน้ามองเวอชุโอโซ
“ง่ายมาก นึกถึงทางเข้าเมืองภูตผี”ทันทีที่เวอชุโอโซพูดจบ เขาก็แสดงท่าทางด้วยมือ และประตูสีทองอร่ามก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา”เราแค่ต้องเปิดประตูและเข้าไป”
เมื่อเขาพูดจบ เวอชุโอโซก็เปิดประตูที่ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ ดึงแขนหลินฮวงกับจิ่วเจี้ยน ก้าวผ่านประตูไปโดยตรง…