หลังพิจารณาว่าถูทงกับหลานหลิงอาจไม่สามารถทนบททดสอบของเมืองภูตผีได้ เวอชุโอโซจึงไม่ติดต่อทั้งคู่ และบอกพวกเขาให้ตามมา เขากลับนำหลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนผ่านประตูไปทันที
หลินฮวงคิดว่าพวกเขาจะไปถึงเมืองภูตผีทันทีที่ก้าวผ่านประตู แต่ทว่า สิ่งที่เข้าสายตาพวกเขากลับเป็นพื้นที่ขาวโพลน
ท่ามกลางวคามสงสัยของหลินฮวง เวอชุโอโซพูดขึ้น
“ทุกคนต้องออกแบบตัวละครตัวเองก่อนเข้าเมืองภูตผี เจ้าสามารถจินตนาการว่าตัวเองเป็นเผ่าใดก็ได้ เมื่อเจ้าเข้าเมือง รูปลักษณ์เจ้าจะเป็นอะไรก็ตามที่เจ้าจินตนาการ”
“นอกจากเผ่าและหน้าตา เจ้ายังต้องกำหนดบุคลิก งานอดิเรก…นอกจากนี้ ทักษะ ความสามารถเทวะ กฏ พลังลำดับและข้อมูลอื่นๆของเจ้าด้วย”
“เมื่อเสร็จ เราจะเข้าเมืองกัน เราต้องเล่นตัวละครตามบุคลิกที่เราสร้าง ถ้าเราเล่นออกนอกกรอบ เราจะโดนเตะออกเมืองทันที”
“เหมือนRPG?”หลินฮวงคิดกับตัวเอง มันฟังดูคล้ายกับเกมสวมบทบาทที่เขาเคยเล่นในอดีต
แต่ทว่า ในสถานที่นี้ บุคคลจะเล่นได้บทบาทเดียว ไม่ใช่ตัวละครเกมบนคอมพิวเตอร์หรือมือถือ
“ข้าสสามารถนำทักษะ ความสามารถเทวะ และอื่นๆทั้งหมดของข้าเข้าเมืองได้ไหม?”หลินฮวงหยิบยกประเด็นที่เขาสงสัยสุดออกมา
“ในทางทฤษฏี มันต้องเข้ากับตัวละครเจ้า”เวอชุโอโซยิ้มขณะส่ายหัว”เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าตัวละครเจ้าเป็นมอนสเตอร์งู มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่เจ้าจะกำหนดตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะดาบหรือกระบี่”
“แต่ทว่า มีช่องโหว่อยู่”เวอชุโอโซพูดต่อ”ตัวอย่างเช่น ตัวละครข้าคือสัตว์ประหลาดสวมหน้ากาก สำหรับทักษะและความสามารถเทวะของข้า ข้าครอบครองเทคนิคพิศดารและน่าเหลือเชื่อ ภูมิหลังตัวละครข้ามีความลึกลับ แม้จะไม่มีการตั้งค่าเป็นรูปธรรมถึงทักษะกับความสามารถเทวะข้า แต่ทว่า ข้าได้รวมความสามารถตัวเองไว้ด้วย ด้วยแผ่นตัวละครแบบนี้ ความสามารถส่วนใหญ่ของข้าจะใช้ได้ตอนเราเข้าเมืองภูตผี”
“หรือเจ้าจะทำตามที่ข้าพูดก็ได้”นอกจากพวกเขา จิ่วเจี้ยนก็พูดขึ้น”ข้าได้กำหนดตัวเองเป็นจ้าวแห่งศาสตราวุธ โดยที่ข้าใช้อาวุธได้ทุกชนิด ตัวละครของข้าจึงรวมถึงทักษะทั้งหมดของข้าในฐานะผู้บ่มเพาะกระบี่ ข้ายังสามารถใช้เทคนิคผู้บ่มเพาะที่ไม่ใช่สายกระบี่ได้อีกด้วย”
สิ่งที่ทั้งคู่พูดได้มอบแรงบันดาลใจให้หลินฮวง ไม่ช้าเขาก็เริ่มออกแบบตัวละครเขา
“ตัวละคร : ลึกลับ”
“เผ่า : น่าจะเป็นโปรตอส โปรตอสแปดเปื้อน หรือมนุษย์
“บุคลิก : สวมชุดคลุมดำและหน้ากากดำ
ระดับพลัง : ไม่รู้
ทิศทางบ่มเพาะ : ไม่รู้
เขตแดนเทพ : ไม่รู้
ทักษะ : ไม่รู้
ความสามารถเทวะ : ไม่รู้
กฏ : ไม่รู้
พลังลำดับเทพ : ไม่รู้
….
เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนสังเกตว่าหลินฮวงมีชุดคลุมดำทับตัว ร่างกายของเขายังดูสง่างามกว่าเดิมและกลิ่นอายของเขาก็เต็มไปด้วยความลึกลับ เมื่อตระหนักว่าตอนนี้เขาเข้าใจการออกแบบตัวละครแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีกและเริ่มตั้งค่าตัวละครตนเอง
อึดใจต่อมา จิ่วเจี้ยนก็เปลี่ยนเป็นพระพุทธเจ้าหลายแขน ผมยาวของเขาที่แต่เดิมมัดรวบไม่มีอีก เขาหัวล้าน หัวของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการโกนหัว ชุดคลุมเขียวของเขาเปลี่ยนเป็นจีวรสีเทาของพระ
รูปร่างหน้าตาเขายังเหมือนเดิม 60-70% แต่เสน่ห์ของเขานั้นคนละโลก ใบหน้าของเขามีความเศร้าจางๆราวกับเขาผ่านความผันผวนทั้งหมดของชีวิตมาแล้ว
ข้างๆพวกเขา เวอชุโอโซดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูหรูหราขึ้นและหน้ากากก็เป้นสีทอง เขาถือไม้เท้าสีดำ ให้ความรู้สึกของนายน้อยร่ำรวย แต่ทว่า กลิ่นอายของเขาไม่เย็นชาและห่างเหินเหมือนเดิม มันกลับดูน่าเข้าหาและอบอุ่น
“เจ้า..ไม่กลัวว่าจะโดนจำได้งั้นเหรอ?”หลินฮวงอดถามได้ ตอนนี้เสียงเขาทุ้มและแหบขึ้นมาก
เหตุผลที่เขาถามเพราะอัจฉริยะชื่อดังในแดนเทพจะอยู่ในรายกราล่าของแต่ละเผ่า เวอชุโอโซคือยอดฝีมือที่ติดอันดับในหมู่เทพแท้จริงชั้นนำ เป็นเป้าหมายของหลายเผ่านอกแดนเทพ แน่นอน เขาอยู่ในรายชื่อล่าของหุบเหวด้วย
“ไม่ต้องห่วง ในเมืองภูตผี มีตัวตนทุกรูปแบบ มีคนไม่มากที่จะสังเกตเรา ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มี พวกเขาก็จะเชื่อมโยงกับข้าไม่ได้”เวอชุโอโซสงบ เขาไม่กังวลเลย
ทันทีที่พวกเขาพูดจบ เวอชุโอโซก็หันไปมองจิ่วเจี้ยนด้านข้างเขา”เกิดอะไรขึ้น?เจ้าคิดว่าเจ้ามีผมมากไปหรือมีแขนน้อยไป?”
“ข้าอยากดูว่ามันรู้สึกยังไงตอนกวัดแกว่งกระบี่หลายเล่มในมือ แต่ข้าคิดว่าการเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์หุบเหวหลายแขนจะน่าเกลียดไป”จิ่วเจี้ยนอธิบาย”ข้าจึงคิดถึนพระพุทธเจ้าพันมือ”
“หัวล้านนี้ไม่น่าเกลียดเหรอ?!”เวอชุโอโซหยอกล้อ
“เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะใช้กระบี่ข้าชำแหละเจ้า?”จิ่วเจี้ยนจ้องเวอชุโอโซ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองจะสู้กันเพราะความไม่เห็นพ้อง หลินฮวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้าวไปคั่นระหว่างทั้งคู่
“เรามีเรื่องเร่งด่วนในมือ มาออกแบบตัวละครให้เสร็จและเข้าเมืองกันเถอะ!’
ตอนนี้เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนถึงสังเกตว่าไม่เพียงหลินฮวงจะปกคลุมด้วยชุดคลุมดำ แต่กลิ่นอายของเขายังลึกลับจนยากหยั่งถึง
เวอชุโอโซมองความมืดภายใต้ฮู้ดและตรวจสอบมันโดยใช้จิตเทวะ แต่พบว่ามันโดนป้องกัน”เจ้ากำลังสวมหน้ากากเหมือนกัน?”
แม้เขาจะไม่เห็นหน้ากาก เวอชุโอโซก็เดาได้
“ใช่”หลินฮวงตอบกลับ
เขาได้ผสานพันหน้าเข้ากับตัวละครนี้ เสริมความลึกลับของตัวละครเขา
“เจ้าออกแบบตัวละครและทักษะเจ้าเสร็จแล้ว?”เวอชุโอโซไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงของหลินฮวงและถามเรื่องอื่นแทน
หลินฮวงพยักหน้า”จากนี้ไป ข้าชื่อเฮอร์มิท”
“งั้นข้าจะเป็นพันมือ”จิ่วเจี้ยนประกาศชื่อใหม่
“ขอข้าคิดก่อน”เวอชุโอโซกลับยังไม่ให้ชื่อทันที เขากลับคิดสักพักพลางลูบคาง”งั้นเรียกข้าว่าหน้ากาก”
“หรือเจ้าจะเรียกข้าว่าเสี่ยวเมี่ยนเมี่ยนก็ได้”เวอชุโอโซพูดกับจิ่วเจี้ยนและหลินฮวงด้วยรอยยิ้มหลังคิดชื่อได้(เมี่ยนจูแปลว่า’หน้ากาก)
หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนหมุนตัวและเดินไป ไม่คิดสนใจเวอชุโอโซ
“เจ้าไม่ชอบงั้นเหรอ?ถ้าไม่ชอบ งั้นก็เรียกข้าเสี่ยวจูจูแทน”
“ไปกันเถอะ หมึกน้อย”หลินฮวงเมินชื่อน่าสะอิดสะเอียนทั้งสองและมอบชื่อเล่นให้แทน
“ข้าชอบนะ”จิ่วเจี้ยนยกนิ้วโป้งให้หลินฮวง
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะทรยศข้า เจ้าปีศาจหัวล้าน เรารู้จักกันมานานมาก แต่ตอนนี้เจ้ากลับไปสุมหัวกับเด็กนี่จนตั้งชื่อเล่นให้ข้างั้นเรอะ?!”
“มีสามสิ่งที่ข้าอยากแก้ไข”จิ่วเจี้ยนพูด”อย่างแรก ข้าโกนหัว ไม่ได้หัวล้าน การโกนหัวกับหัวล้านนั้นคนละเรื่อง สอง ร่างหลักข้ารู้จักร่างหลักเจ้ามาหลายปี แต่นี่เป็นแค่ครั้งสองที่เราทั้งคู่พบกัน เราไม่ได้สนิทกันมาก สาม มันไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนตั้งชื่อ ข้าแค่เห็นด้วย”