หลินฮวงได้จินตนาการภาพมากมายว่าเมืองภูตผีจะเป็นอย่างไร แต่ทว่า มันไม่มีอะไรเหมือนที่เขาคิดไว้เลยตอนเขาเข้าเมืองมาจริงๆ
มันแตกต่างจากสถานที่อื่นในหุบเหว มันคึกคักมาก ยังมีแม้กระทั่งตึกระฟ้าที่คล้ายกับโลกมนุษย์มาก
ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งมีชีวิตต่างๆอยู่บนถนน เขาคงคิดว่าเขากลับไปโลกกรวด
“ทำไมถึงมีคนมากขนาดนี้?”หลินฮวงสับสน
เหตุผลเพราะผู้พิทักษ์อย่างเดียวก็มากพอจะสกัดคนส่วนใหญ่ไม่ให้เขา
“ในความเป็นจริง มีคนนอกน้อยมากในเมืองภูตผี ส่วนใหญ่คือประชากรท้องถิ่น”เวอชุโอโซอธิบาย”ส่วนหนึ่งของประชากรและสิ่งก่อสร้างที่นี่สร้างโดยผู้ครอบครองผนึกเจ้าปราสาท ขณะที่ส่วนหนึ่งถูกสร้างโดยเมืองภูตผีเอง”
เมื่อได้ยินคำอธิบาย คำว่าNPCก็ผุดขึ้นในหัวหลินฮวงทันที
ถ้าเขามองเมืองภูตผีเป็นRPG งั้นประชากรเหล่านี้ก็คือNPCของโลกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับหลินฮวง คนนอกอย่างเขาก็คือผู้เล่น
“งั้นพวกเขาแตกต่างกับผู้เล่นยังไง ข้าหมายถึงคนนอกกับประชากรท้องถิ่นนะ?”หลินฮวงเกือบถามความแตกต่างระหว่างผู้เล่นกับNPC
“ไม่มีวิธีบอกได้”เวอชุโอโซส่ายหัวและยิ้ม”แต่ทว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกหน้าตาและรูปแบบเกินจริงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนนอก แต่ทว่า วิธีกำหนดเช่นนี้ก็ไม่ได้เต็มร้อย”
“ข้าสงสัยว่าผนึกเจ้าปราสาทที่เจ้าตามหาอยู่ในมือคนนอกหรือเปล่า?”หลินฮวงถามอีกครั้ง
“มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด..”เวอชุโอโซส่ายหัว”มีสิ่งมีชีวิตจริงที่ต้องใช้เพื่อกระตุ้นผนึกเจ้าปราสาทให้สร้างเมืองภูตผี”
“แต่ทว่า ผนึกเจ้าปราสาทอาจไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่เป็นชิ้นส่วนหลายชิ้น ตราบเท่าที่เราสามารถรวมพวกมันเป็นหนึ่ง เราจะสามารถใช้มันได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ชิ้นส่วนอาจอยู่ในมือคนหลายคน”
“นอกจากนี้ ผนึกเจ้าปราสาทต้องอยู่ภายในเมืองภูตผี แต่ผู้ครอบครองผนึกอาจไม่อยู่ มีความเป็นไปได้ที่คนคนนั้นอาจให้ประชากรท้องถิ่นดูแลผนึก เหนือสิ่งอื่นใด ประชากรหลายคนคือตัวละครที่คนคนนั้นสร้าง และยังเป็นคนที่เขาสามารถไว้ใจได้สุด ดังนั้น ผนึกเจ้าปราสาทจะไม่อยู่กับคนนอก”
“งั้นแผนเจ้าละ?”เมื่อได้ยินคำอธิบายของเวอชุโอโซ หลินฮวงก็เดาว่าภารกิจอาจยากกว่าที่เขาคิด
“ถ้ามีเจ้าปราสาทในเมืองนี้ ก็ต้องมีโอกาสที่ผนึกจะอยู่กับเจ้าปราสาท แม้จะไม่อยู่ เขาก็ต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับผนึก”
“ถ้าไม่มีเจ้าปราสาทสักคน แต่มีกลุ่มคนดูแล เราก็จะหาคนที่มีตำแหน่งสูงสุด ต่อให้เราไม่เจอผนึกเจ้าปราสาทโดยตรง เราก็ควรหาข้อมูลได้บ้าง”
“สิ่งที่ข้ากังวลสุดคือไม่มีใครดูแลเมือง หรือผู้ดูแลเป็นแค่หุ่นเชิด ที่ไม่มีใครรู้ว่าใครคือผู้สร้างเมือง”
เวอชุโอโซหยิบยกความเป็นไปได้มากมาย”ไม่ว่ายังไง สิ่งแรกที่เราต้องทำตอนนี้คือรวบรวมข้อมูล รวบรวมให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้เกี่ยวกับเมืองนี้”
“เราจะแยกตัว?”หลินฮวงถาม
เขาถามเพราะการแยกกันหาจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอยู่ด้วยกัน
“ข้าเห็นด้วยกับการแยกกันหา”จิ่วเจี้ยนพยักหน้า
พวกเขาไม่อยู่ในบึงหมอกอีก พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง
ทั้งสามมีสไตล์ต่างกัน แน่นอน พวกเขาย่อมใช้คนละวิธีเพื่อรวบรวมข้อมูล ในทางทฤษฏี แม้พวกเขาจะรวบรวมข้อมูลซ้ำกัน ปริมาณข้อมูลก็จะเพิ่มขึ้น
“เราจะแยกตัวกันสองวัน ระหว่างสองวัน รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด ถ้าเจออะไรสำคัญ อย่าบุ่มบ่ามทำอะไรคนเดียว.
“เราจะเจอกันใต้อาคารที่สูงสุดสองวันให้หลัง เราจะคุยกลยุทธ์เราหลังรวมข้อมูลที่เราแต่ละคนได้รับมา”เวอชุโอโซสรุปแผน
หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนเห็นด้วย
ต่อมา ทั้งสามก็แยกตัวและมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเลือก
หลินฮวงเลือกเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังหลังแยกออกจากกลุ่ม
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีใครรู้ว่ามีจ้าวเทวะกี่คนในเมืองนี้
ตามคำอธิบายของเวอชุโอโซ ถ้าผู้ปกครองครองผนึกเจ้าปราสาทเป็นยอดฝีมือจ้าวเทวะ เขาสามารถสร้างประชากรระดับจ้าวเทวะได้ รวมถึงตั้งอำนาจทางเข้าเมืองให้เป็นจ้าวเทวะ
ถ้ามีจ้าวเทวะจริงในเมืองนี้ ไม่เพียงโอกาสพวกเขาในการรับเอาผนึกจะน้อยมาก มันยังหมายความว่าพวกเขาอยู่ในเมืองที่อันตรายอย่างมาก
ต้องรู้ว่าคนนอกในเมืองภูตผีก็คือผู้เล่น แต่พวกเขาไม่มีชีวิตที่สอง ผู้เล่นสามารถคืนชีพได้หลังตาย แต่ทว่า คนนอกจะตายจริงถ้าพวกเขาตายในเมือง
ถึงแม้หลินฮวงจะใช้ตัวตายตัวแทนกับมอนสเตอร์เขาได้ แต่พอเจอกับพลังเทพของจ้าวเทวะ เขาจะไม่สามารถคืนชีพได้
ในขณะเดียวกันสำหรับเวอชุโอโซกับจิ่วเจยน แม้พวกเขาจะมีวิชาเอาตัวรอดที่ร่างหลักทิ้งไว้เพื่อป้องกันการโจมตีระดับจ้าวเทวะ มันก็ยังมีข้อจำกัด
หลินฮวงระวังตัวมากเผื่อกรณีที่มีจ้าวเทวะดูแลเมืองนี้
เขาไม่รู้สึกถึงการตรวจจับของจิตเทวะใด เขาจึงระวังตัวเป็นพิเศษที่จะไม่กระจายจิตเทวะเขาออกไป
เขามองไปรอบๆ มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบปรากฏรอบเขา
มีสิ่งมีชีวิตหุบเหว มอนสเตอร์เผ่าแมลง เผ่ามนุษย์และโปรตอส.
ท่าทางแปลกๆของเขาในชุดคลุมดำดูธรรมดาสุดในหมู่ฝูงชน เขาจึงไม่ดึงดูดความสนใจใด
เขาโล่งใจที่พบว่าไม่มีสายตาจับจ้องเขา
ไม่นานเขาก็เหลือบไปเห็นร้านกาแฟใกล้ๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ที่นี่มีร้านกาแฟด้วยเหรอ?!”
เมืองภูตผีแห่งนี้คล้ายกับเมืองมนุษย์มาก นั่นทำให้เขาเกิดสงสัยเล็กน้อยว่าผู้ครอบครองผนึกเจ้าปราสาทจะเป็นมนุษย์ หรือบางทีก็คงเป็นคนที่อยู่ในโลกมนุษย์มาสักพัก
เขาเดินไปร้านกาแฟ นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ในบริเวณกลางแจ้ง สั่งกาแฟหนึ่งแก้ว
ไม่ช้า พนักงานสาวหูกระต่ายก็นำกาแฟมาให้เขา
ถ้าเขาอยู่ที่อื่น หลินฮวงอาจไม่สามารถอดกลั้นและมองนางได้ แต่ทว่า เขาเห็นสิ่งมีชีวิตหลากหลายประเภทมาแล้ว เช่นนั้น สาวหูกระต่ายตรงหน้าเขาจึงดูธรรมดา
เขาไม่ลืมว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไรตอนสาวหูกระจายนำกาแฟมาเสิร์ฟ ประกายสีแดงพุ่งผ่านตาเขาตอนเขาสบตากับสาวหูกระต่าย
เขาสามารถอ่านความทรงจำของนางได้
เขาทำมันโดยการหยืบยิมทักษะของตัวตลก
แต่ทว่า สาวหูกระต่ายไม่รู้ตัว นางแค่วางกาแฟลงพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินออกไป
ในเวลาเดียวกัน หลินฮวงก็หยิบกาแฟขึ้นจิบ เริ่มดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากความทรงจำที่เขาอ่าน