Monster Paradise – ตอนที่ 1558

มันใช้เวลาแค่ชั่วขณะสำหรับหลินฮวงในการอ่านข้อมูลที่เขาได้รับจากความทรงจำของพนักงานสาวหูกระต่าย แต่ทว่า เขาไม่สามารถได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก

พนักงานสาวหูกระต่ายคือคนธรรมดาไร้ฐานการบ่มเพาะ ความทรงจำนางจึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะ

 

“คนธรรมดาในเมืองนี้ไม่มีความรู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้บ่มเพาะเลย?”หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด ตามสมมติฐานก่อนหน้า เขาคิดว่าน่าจะมีผู้บ่มเพาะอยู่มากในหมู่ประชากร นอกจากนี้ การต่อสู้ขนาดเล็กแม้เพียงเล็กน้อยจะทำให้เกิดความผิดปกติ

 

แต่ทว่า ในความทรงจำของสาวหูกระต่าย สำหรับนาง ความผิดปกติเหล่านี้ส่วนใหญ่ถทอเป็นปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศ เหตุการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้ส่วนน้อยถูกมองว่าเป็นเครื่องจักรที่มนุษย์สร้างขึ้น

 

ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ในความทรงจำของสาวหูกระต่าย ยกเว้นแผนที่ สามัญสำนึก และความรู้ของโลกปัจจุบันนี้

 

“มันดูเหมือนข้ายังต้องหาผู้บ่มเพาะก่อน..”หลินฮวงเคาะโต๊ะเบาๆด้วยนิ้ว ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบด้วยมือขวา

 

หลังขบคิดสักพัก เขาก็ปล่อยเมล็ดกาฝากไร้รูปร่างและไร้สีออกไปทุกทิศทาง

 

หลินฮวงไม่กล้าใช้จิตเทวะ แต่เขาสามารถใช้เมล็ดกาฝาก นี่เพราะมันยากสำหรับเมล็ดกาฝากที่จะโดนค้นพบถ้าไม่ใช้จิตเทวะ

 

แน่นอน เขาไม่กระจายพวกมันในวงกว้าง แต่กลับควบคุมเมล็ดกาฝากให้อยู่ในรัศมีห้ากิโลเมตรรอบตัวเขา

 

เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งเมล็ดกาฝากกระจายไปกว้าง ความเป็นไปได้สูงที่จะพบยอดฝีมือก็สูง แถม วัตถุประสงค์ของเขาคือรวบรวมข้อมูล เขาไม่อยากดึงดูดปัญหาที่ไม่จำเป็น

 

หลินฮวงดื่มกาแฟ จับตาดูภาพที่เมล็ดกาฝากนับร้อยส่งกลับมาเงียบๆ

 

ภายในห้านาที เขาสังเกตเห็นคนสองสามคนที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้บ่มเพาะ

 

เนื่องจากเขาไม่ใช้จิตเทวะในการตรวจจับ คนเหล่านี้จึงไม่มีความผันผวนพลังงานแผ่จากพวกเขาเลย หลินฮวงสามารถทำการคาดเดาพื้นฐานได้จากภาพที่เมล็ดกาฝากส่งมาเท่านั้น

 

สำหรับหลินฮวง เพื่อสังเกตแก่นแท้ ปราณ จิตวิญญาณและอื่นๆของคน มันเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ

 

หลังจับตามองคนที่มีศักยภาพเหล่านี้ หลินฮวงก็มีความคิดและละทิ้งแผนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาโดยตรง เขากลับควบคุมเมล็ดกาฝากให้แทรกซึมตัวของผู้ต้องสงสัย

 

มีคนสี่คนที่โดนแทรกซึมด้วยเมล็ดกาฝาก แต่ทว่า มีแค่หนึ่งคนที่เป็นผู้บ่มเพาะจริง ขณะที่คนอื่นเป็นแค่คนธรรมดา

 

หลินฮซงรู้สึกอายเล็กน้อยที่พบเรื่องนี้จากเมล็ดกาฝาก

 

แต่ทว่า เขาหน้าหนาพอและหายจากอาการนั้นอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มดึงข้อมูลที่เมล็ดกาฝากดึงจากความคิดของผู้บ่มเพาะ

 

ผู้บ่มเพาะตนนี้เป็นมอนสเตอร์ตะกอน

 

มอนสเตอร์ประเภทนี้คือสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนก้อนโคลนสีน้ำตาลเข้ม มันไม่มีแก่นแท้ ปราณ หรือจิตวิญญาณที่จำแนกได้เลย ต่อให้หลินฮวงยืนต่อหน้ามัน เขาก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้ามันได้

 

เหตุผลที่เขาจับมอนสเตอร์ตัวนี้เพราะมันคือมอนสเตอร์ตัวเดียวภายในระยะของเมล็ดกาฝากเขา

 

มอนสเตอร์ตะกอนตัวนี้คือเทพเสมือนขั้นเจ็ด ในที่สุดหลินฮวงก็สามารถสกัดข้อมูลมีประโยชน์จากความทรงจำมันได้

 

ในเมืองภูตผีแห่งนี้ อัตราส่วนของคนธรรมดาต่อผู้บ่มเพาะคือ 9:1 ผู้บ่มเพาะปะปนกับคนธรรมดาเหล่านี้อย่างกลมกลืน

 

สิ่งที่ทำให้หลินฮวงสงสัยมากขึ้นคือในความทรงจำของมัน ความสามารถต่อสู้ที่ต่ำสุดในหมู่ผู้บ่มเพาะในโลกนี้คือเทพเสมือน ไม่มีผู้บ่มเพาะที่ต่ำกว่านั้น บุคคลที่ต่ำกว่าเทพเสมือนคือคนธรรมดา

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ต้น คนธรรมดาจะโดนตัดขาดจากข้อมูลเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะในโลกนี้

 

คนธรรมดาไม่ชื่นชมผู้บ่มเพาะ หรือไม่เคารพพวกเขา พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีผู้บ่มเพาะอยู่ในโลกด้วย

 

ต่อให้คนธรรมดาเหล่านี้ได้เห็นบางสิ่งเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะโดยบังเอิญ พวกเขาก็จะลืมมันไปเอง

 

ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้บ่มเพาะ กฏที่ไม่ต้องพูดคือทักษะและความสามารถเทวะพวกเขาไม่ควรแสดงต่อหน้าคนธรรมดา และห้ามโจมตีพวกเขา

 

มอนสเตอร์ตะกอนไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงโจมตีคนธรรมดาไม่ได้ แต่ทว่า จากข้อมูลในความทรงจำมัน มันชัดเจนว่าเรื่องแย่ๆอาจเกิดถ้าพวกมันฆ่าคนธรรมดา

 

ดังนั้น คนธรรมดากับผู้บ่มเพาะจึงอยู่กันอย่างสันติในสภาพการอยู่ร่วมที่แปลกประหลาดเช่นนี้

 

หลินฮวงคิดว่าโครงสร้างทางสังคมดังกล่าวค่อนข้างน่าสนใจแม้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นโครงสร้างที่ประดิษฐ์ขึ้นมา

 

สิ่งที่ทำให้เขาสนใจมากขึ้นคือเมื่อเขาอ่านข้อมูล เขาก็ตระหนักว่าเมืองนี้แตกต่างจากเมืองอื่นที่เขาเคยเห็น

 

“มีโลกภายในที่เหมือนภาพกลับหัว”ขณะที่หลินฮวงพึมพำเสียงเบา ความอยากรู้ก็เปล่งประกายในดวงตาเขา

 

เขาดึงข้อมูลพิเศษเล็กน้อยจากความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอนได้

 

ตอนนี้ เขากำลังมองแค่พื้นผิวเมือง ในขณะเดียวกัน มีเมืองที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน

ทันทีที่ผ่านประตู ผู้บ่มเพาะจะเข้าโลกภายในเมืองนี้ได้

 

เมืองนั้นเหมือนกับเมืองนี้ทุกประการ แต่ทว่า ไม่มีคนธรรมดา มีแค่ผู้บ่มเพาะ

 

มีตลาดสำหรับการซื้อขาย และช่องทางรับข้อมูลต่างๆ ไม่ใช่แค่นั้น การฆ่าและการต่อสู้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

 

เทียบกับเมืองด้านบนแสนสงบสุข แม้จะมีกฏในโลกภายในนี้เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือการพัฒนาของความบ้าคลั่งและความปรารถนา

 

ผู้บ่มเพาะสู้กันอย่างขมขื่นด้านใน แต่ทันทีที่พวกเขากลับมาบนพื้นผิว พวกเขาจะกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของคนทั่วไป

 

ชีวิตแสนสงบสุขในโลกมนุษย์

 

หลินฮวงยังคาดเดาเงียบๆว่าผู้ถือผนึกของเจ้าปราสาทเมืองภูตผีอาจเป็นคนหลายบุคลิก

 

หลังอ่านความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอน สิ่งที่ทำให้หลินฮวงผิดหวังคือเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับผนึกเจ้าปราสาท หรือผู้ถือมัน

 

ความทรงจำของมันขาวโพลนสำหรับเรื่องนี้

 

แม้จะไม่มีเบาะแสชี้ตรงไป หลินฮวงก็ไม่รู้สึกท้อ อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็พบการดำรงอยู่ของโลกภายใน รวมถึงวิธีเข้า การหาเบาะแสเพิ่มเป็นแค่เรื่องของเวลา

 

เหนือสิ่งอื่นใด มอนสเตอร์ตะกอนเป็นแค่เทพเสมือน ถือเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในเมืองนี้ ถ้าหลินฮวงมองเมืองภูตผีเป็นเกม มอนสเตอร์ตะกอนก็แค่สิ่งมีชีวิตตัวน้อย

 

ด้วยการคิดแบบนักออกแบบเกม พวกเขาจะไม่เก็บข้อมูลสำคัญมากไว้ภายในมอนสเตอร์เช่นนี้

ตามแนวทางการออกแบบเกมทั่วไป ยิ่งมอนสเตอร์ทรงพลัง ข้อมูลยิ่งมาก

นอกจากนี้ เกมนี้ยังเป็นเกมใหม่ แผนที่ยังเป็นแบบลับ ซึ่งจะมอบรางวัลให้ผู้เล่นมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

 

หลินฮวงไม่กังวลเลยถึงการได้รับข้อมูลเพิ่มภายหลัง

 

จากความคิดของมอนสเตอร์ตะกอน เขาดึงพิกัดที่ใกล้สุดของทางเข้าโลกด้านใน โดยไม่ลังเล เขาหายตัวไปในพริบตา..

Monster Paradise

Monster Paradise

Type: Author:
800ปีก่อน มีประตูมิติกว่า3000ที่เปิดกว้างทั่วโลก ในขณะที่ดวงตาที่แตกต่างกัน3000ดวงเปิดกว้างขึ้น ฝูงสัตว์ประหลาดนับล้านก็ได้พรั่งพรูออกมาจากมัน บางตัวสามารถที่จะทำลายกำแพงเมืองด้วยการกระแทกเพียงครั้งเดียว : พวกมันมีร่างกายที่ใหญ่โตเท่ายักษ์และกินมนุษย์ บางตัวจะยึดติดกับมนุษย์ พวกมันจะดูดซับสารอาหารในร่างกายและทำให้มนุษย์เป็นทาส บางตัวจะแทรกซึมเข้าไปในเมืองมนุษย์ ปลอมตัวเป็นมนุษย์ธรรมดาขณะที่ดูดเลือดเพื่อความเป็นอยู่ของมัน ในเวลากลางคืน มนุษย์จะกลายเป็นด้านล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร โลกได้กลายเป็นสรวงสวรรค์สำหรับเหล่าสัตว์ประหลาด 800 years ago, 3000 dimensional gates opened across the entire world. In that moment, it was as if 3000 different colored eyes opened across the world as hordes of monsters swarmed out of these gates like tears. Some could destroy city walls with one strike; They had bodies the size of a giant and fed on humans Some latched onto humans, absorbing their bodies’ nutrients and enslaving humans Some infiltrated the humans’ cities, disguising themselves as normal human beings while feeding upon human blood to sustain themselves. In a night, the Human race fell to the bottom of the food chain. The world had turned into a paradise for monsters…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset