มีทางเข้าและทางออกไปยังโลกภายในของเมืองภูตผี หลินฮวงพบทางที่ใกล้สุดตามพิกัดในความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอน
พิกัดนี้ตั้งอยู่ในตรอกซอยทรุดโ?รม
เมื่อหลินฮวงมาถึงพิกัด เขาไม่เข้าไปในตรอกซอยทันที เขากลับสังเกตสภาพแวดล้อมก่อน
อาคารเก่าเหล่านี้ดูเหมือนจะอยู่มาอย่างน้อย 30-40 ปี เทียบกับตึกระฟ้าที่เขาเห็นก่อนหน้า พวกมันดูเหมือนของโบราณ
บางอาคารทรุดโทรมเหมือนพร้อมจะพังถล่ม ไม่มีสักชีวิตในนั้นอีก
แต่ทว่า ยังมีอาคารเก่าบางแห่งที่มีประชากรอาศัย
เมื่อหลินฮวงปรากฏตัวในชุดคลุมดำ เขาไม่ดึงดูดความสนใจของคน
มีเพียงไม่กี่คนที่เหลือบมองเขา จากนั้นก็หันไปทำธุระของตัวเอง
หลังตรวจสภาพแวดล้อม และตระหนักว่าไม่มีใครจ้องเขา ในชั่วพริบตา หลินฮวงก็เข้าตรอกซอยที่เขาเห็ฯจากความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอน
ตรอกซอยกว้างไม่ถึงเมตรและแคบมาก ถ้าเขาไม่เห็นภาพในความทรงจำมอนสเตอร์ตะกอน มันคงยากมากที่เขาจะจินตนาการว่าทางเข้าและออกของโลกภายในมาอยู่ในสถานที่แบบนี้
หลินฮวงหยุดชะงักหลังเดินได้ยี่สิบเมตรในตรอกซอย เขากระจายจิตเทวะเล็กน้อย สายตาหยุดกับจุดสีดำน่าสงสัยบนกำแพงทางขวา
จุดดูเหมือนจุดเล็กๆจางๆจากปากกาลูกลื่น มันยังเล็กกว่าเมล็ดพืชซะอีก
แต่ทว่า หลินฮวงรู้ว่ามันไม่ใช่หมึกของปากกา แต่เป็นทางเข้าและออกโลภายใน คนที่ไร้จิตเทวะจะไม่สามารถเห็นมันได้เลย
เขายื่นนิ้วออกไป จิ้มบนจุดดำ จากนั้นก็ส่งจิตเทวะเข้าไป
เมื่อจิตเทวะไหลผ่าน จุดดำที่แทบมองไม่เห็นไร้นัยสำคัญก็เริ่มขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูง ภายในเวลาแค่หนึ่งลมหายใจ เส้นผ่านศูนย์กลางของจุดก็เกินกว่าสองเมตร เปลี่ยนเป็นวังวนสีดำ
เมื่อเขาเห็นวังวนที่ก่อตัวอย่างสมบูรณ หลินฮวงก็ถอนมือและก้าวเข้าไป
ทันทีที่ตัวของเขาผสานเข้าไปในวังวน วังวนดำก็หดลงทันที ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจเช่นกัน มันก็กลับเป็นจุดสีดำขนาดเท่าเดิม
วินาทีต่อมา สีมันก็จางหาย มันค่อยๆล่องหน ราวกับมันไม่มีอยู่มาก่อน
หลินฮวงแหงนหน้ามองหลังเขาเคลื่อนย้ายผ่านทางเข้า คิวของเขาเลิกขึ้น
เขายังอยู่ในตรอกแคบและสภาพแวดล้อมเดิม เขายังยืนอยู่ ณ จุดเดิมก่อนก้าวผ่านมาด้วยซ้ำ
แต่ทว่า ในไม่ช้าเขาก็เห็นถึงความแตกต่าง แม้จะไม่ใช้จิตเทวะ เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างมากใกล้ๆ ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีหลายคนอีกด้วย
ยังมีกลิ่นอายบางคนภายในระยะใกล้เคียงง รวมกันที่ปลายตรอกซอย
หลินฮวงเงยหน้าขึ้นสบกับลูกตาขนาดยักษ์ที่มีรูม่านตาสามรูม่านตาลอยในอากาศ มันกำลังก้มมองจากที่สูงเหนือตรอก
เขาสังเกตเห็นลูกตานี้ แต่ไม่เห็นรูปลักษณ์มอนสเตอร์เต็มตัว แต่ทว่า เขาสามารถเห็นความดูถูกในดวงตามัน
วินาทีต่อมา หลินฮวงพลันปรากฏตรงทางเข้าตรอก
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีแดงก็ยิงออกจากแขนเสื้อเขา เจาะผ่านลูกตาทันที
เสียงร้องน่าสังเวชดังขึ้น
จากนั้นหลินฮวงถึงเห็นว่ามีมอนสเตอร์สี่ตัวขวางทางเข้าออกตรอกไว้อยู่
พวกที่สอนแนมเขาโดยกราปล่อยลูกตาคือมอนสเตอร์คล้ายมนุษย์
ความแตกต่างที่ใหญ่สุดระหว่างพวกมันกับมนุษย์คือมันไม่มีหัว มีแค่หนวดที่ยื่นจากคอมัน และแต่ละหนวดก็มีลูกตาขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับปลายมัน ลูกตาทั้งเจ็ดลอยในอากาศ พวกมันดูแปลกมาก
หลินฮวงไม่รู้ว่ามอนสเตอร์ตัวนีี้เป็นสายพันธ์ุใด เขาไม่เคยเห็นอะไรที่คล้ายกันในสารานุกรมมอนสเตอร์
สำหรับมอนสเตอร์อีกสามตัว หนึ่งในนั้นดูเหมือนกิ้งก่าจับตาดูขนาดใหญ่ เกล็ดทั้งตัวมันเป็นสีดำมันวาว มัเพียงดวงตาหกดวงบนหน้าผากที่เป็นสีเขียวเข้ม
มอนสเตอร์อีกตัวเป็นศพมนุษย์โบราณ สูงเกือบสามเมตร มันเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์ตอนยังมีชีวิต มันยืนบนหลังคาของอาคารตรงข้าม
มอนสเตอร์ที่เหลือคือนกที่ลดเป็นโครงกระดูก หลินฮวงไม่สามารถเดาได้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นสายพันธ์ุ่ไหนตอนมันยังมีชีวิต มันบินวน้หนือหัวพวกเขา ขณะที่ลากเป็นเส้นไฟยาวสองสาย
ต่อหน้าทั้งสี่ที่ขวางถนน หลินฮวงไม่ตื่นตระหนกเลย
เขาได้รู้จากความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอนแล้วว่ามีโอกาสสูงที่เด็กใหม่จะโดนโจมตีตอนเข้าโลกภายใน
มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ซ่อนตัวตรงทางเข้าและทางออกของโลกภายในแต่ละแห่งเพื่อรอสังหารเด็กใหม่
นอกจากนี้ยังมีคนอื่นที่แอบซุ่มดู เหนือสิ่งอื่นใด ความบันเทิงในเมืองนี้มีจำกัด
ตามความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอน สถานที่ที่ปลอดภัยแห่งเดียวคือตรอกซอยที่ทางเข้าออกตั้งอยู่ ทันทีที่เดินออกตรอกซอก มันอาจมีคนมาขวางทางพวกเขา
ดังนั้น หลินฮวงจึงเลือกโจมตีก่อน
ถ้ามีคนขัดขวางเป้าหมายเพื่อฆ่า มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีการโต้ตอบ
นี่ได้รับอนุญาตโดยกฏของโลกภายใน
ตราบเท่าที่พวกเขาไม่โจมตีในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านของเมืองภายใต้การเฝ้าระวังของทหารเมือง มันย่อมไม่มีใครสนใจ
หลังเห็นมอนสเตอร์ลูกตาถูกตรึง กรีดร้องอย่างน่าสมเพชขณะที่ตัวมันเริ่มสลาย สีหน้าของผู้สกัดกั้นอีกสามก็เผยให้เห็นถึงความตกใจ
ผู้สังเกตการณ์หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“นกโง่และพรรคพวกของมันเจอของแข็งเข้าแล้ว”
“เด็กใหม่นั่นร้ายกาจ!”
หลินฮวงไม่มองมอนสเตอร์ลูกตา เขาเหลือบมองมอนสเตอร์อีกสามตัว”เจ้า แน่ใจนะว่าอยากสู้กับข้า?”
ทันทีที่เขาพูด เสียงร้องโหยหวนของมอนสเตอร์ลูกตาก็หยุด ตัวของมันสลายไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับหลินฮวง มอนสเตอร์ลูกตาเป็นแค่เทพแท้จริงขั้นเจ็ด มันไม่ถือเป็นศัตรูด้วยซ้ำ เขาไม่ใช้พลังลำดับเทพในการโจมตีก่อนหน้า แค่พลังกฏเทพล้วนๆ
ที่เหลืออีกสามก็ไม่ได้ทรงพลังไปกว่ามอนสเตอร์ลูกตา มีผลประโยชน์น้อยมากในการฆ๋าพวกมัน เขาจึงไม่อยากโจมตี
มอนสเตอร์อีกสามไม่โง่ พวกมันท่องอยู่ในีน้มาหลายปีและเห็นยอดฝีมือมามาก แม้ความสามารถที่หลินฮวงแสดงจะเป็นแค่ส่วนน้อย พวกมันก็รู้ดีว่าพวกมันไม่สามารถทำให้คนตรงหน้าโมโหได้
“ข้าไม่ได้ตั้งใจสู้ ข้าแค่สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายเจ้าดูไม่คุ้นเคย ข้าจึงมาดู”ศพน้ำแข็งพูดก่อน เนื่องจากมันยืนอยู่ไกลสุด มันจึงสมเหตุสมผลที่บอกว่าแค่มาดู
“้ข้าด้วย ข้าแค่อยากรู้และคิดว่าจะมาดู’กิ้งก่าสีดำสนิทรีบร้อง
หลินฮวงไม่พูดอะไร เขาแหงนหน้ามองนกกระดูกที่ยังวนเวียนบนท้องฟ้า
นกกระดูกสังเหตเห็นว่าหลินฮวงมองมัน และมันก็กลัวจนลดความเร็วการกระพือปีกมันจนเกือบตกลงจากฟ้า”ขะ-ข้าหลงทาง ขะ-ข้าบังเอิญ-บะ-บินผ่านมาแถวนี้”
ผู้สังเกตการณ์ต่างพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของหลินฮวงทำให้พวกเขาประหลาดใจ เขาแค่พยักหน้าเบาๆและตอบ”โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว”
แทบทุกคนมีความคิดเดียวกันผุดในหัว’เจ้าเชื่อคำพูดนั่นจริงเรอะ?!’
แต่วินาทีต่อมา หลินฮวงก็ก้าวไปข้างหน้า ปรากฏบนหลังนกกระดูกโดยตรง
นกกระดูกตกตะลึง คิดว่ามันกำลังจะตาย แต่ได้ยินเสียงของหลินฮวงในหูมัน
“พาข้าไปยังที่ที่เจ้าอาศัย”