ด้านนอกป่าทึบ การต่อสู้ระหว่างสามราชา เนื้อเยื่อยักษ์ เนตรเพลิงกับเกราะเงิน และหุ่นเชิดเทพสวรรค์นับพันถึงจุดจบ
ตอนพวกเขาเข้าใจวิธีฆ่าหุ่นเชิด ทั้งสามก็โจมตีโดยไม่ออมมือและกำจัดหุ่นเชิดเทพสวรรค์จนสิ้น
ด้วยความสามารถของพวกเขา ซึ่งใกล้เคียงกับกึ่งจ้าวเทวะ การฆ่าหุ่นเชิดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยาก
ไม่ช้า หุ่นเชิดเทพสวรรค์ก็โดนกำจัดจนสิ้น
ด้านนอกป่าทึบ ไม่เหลือเนื้อหรือเลือดสักหยด ทั้งหมดที่หลงเหลือคือร่องรอยการต่อสู้บนพื้น
แต่ทว่า หลังฆ่าหุ่นเชิดทั้งหมด สามราชากลับไม่เข้าป่าทันที
ป่าคือรังของเก้าเถาวัลย์ ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายจะวางกับดักไว้มากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น เก้าเถาวัลย์คือมอนสเตอร์ที่เก่าแก่สุดในโลกภายใน ไม่มีใครรู้ว่าเขามีประวัติยืนยาวแค่ไหน นั่นเป็นเหตุผลหลักให้เกราะเงินกับอีกสองราชากลัวเขาและผลที่ตามมาของการสู้กับเขา
ขณะที่พวกเขากำลังลังเล เนตรเพลิงก็พูดขึ้น
“ถ้าเราไม่ลงมือตอนนี้ มันจะสายเกินไป นางพญางูได้ใช้กระบวนท่าช่วยชีวิตตัวเองไปแล้ว”จากระยะไกล เขาเห็นหมอกม่วงที่ปล่อยมาโดยนางพญางูและตระหนักว่านางคงทนไม่ได้อีก
ทันทีที่เนตรเพลิงพูด เกราะเงินก็พุ่งเข้าป่าทึบ
เหตุผลที่เขารีบเช่นนี้ก็เหมือนกับสี่หน้า เขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางพญางูสามหาง
ในความเป็นจริง สามราชาที่เหลือล้วนตระหนักถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างทั้งสาม
นี่ยังเป็นสาเหตุให้สี่หน้าไม่พอใจมากสุด เพราะภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางพญางูสามหางกลับเลือกเกราะเงินแทนที่จะเป็นเขา
ด้วยความสัมพันธ์ระดับนี้ของพวกเขา ปัญหาของสี่หน้าจึงไม่อยู่ที่ว่านางพญางูรักใคร แต่เขาไม่สามารถทนความอัปยศเช่นนั้นได้
เกราะเงินพุ่งเข้าไปเพื่อพยายามช่วยนางพญางูสามหาง แต่ไม่ใช่เพราะเขารักนางสุดหัวใจ แต่เพราะเขารู้ว่าเขาต้องแสดงท่าทีแบบนี้
ในด้านหนึ่ง มันเพื่อให้นางพญางูได้เห็นการกระทำของเขาและยืนยันว่านางตัดสินใจถูก ในอีกด้านหนึ่ง เขาอยากให้เนื่อเยื่อยักษ์กับเนตรเพลิงเห็นว่าเขาเป็นพันธมิตรที่พึ่งพาได้
เขารู้เต็มอกว่านางพญางูเลือกเขาไม่ใช่เพราะเขาโดดเด่นกว่าสี่หน้า แต่เพราะเทียบกับสถานการณ์ .3 ต่อ 3 พวกเขาสามารถกำจัดศัตรูสองคนได้เร็วกว่าถ้าเป็น 4 ต่อ 2 ผู้หญิงนางนี้แค่ต้องการได้รับทรัพยากรมากขึ้น
สำหรับพวกเขา เพื่อให้สามารถรั้งตำแหน่งราชา ผลประโยชน์คือทุกอย่าง ตอนจำเป็น พวกเขาสามารถสวมรอยยิ้มเข้าหากันและร่วมมือกับศัตรูที่ฆ่าครอบครัวตัวเองโดยตาไม่กะพริบ
สำหรับมิตรที่มีประโยชน์ เขามีความผูกพันด้วยเล็กน้อย ไม่ต้องสงสัยว่านั่นจะไม่ส่งผลต่อการเลอืกหรือการตัดสินใจของเกราะเงินเลย
เกราะเงินดูเหมือนจะรีบวิ่งเข้ารังของเก้าเถาวัลย์ แต่เอาจริงๆแล้วเขาระวังตัวเต็มที่ พร้อมป้องกันกับดักของเก้าเถาวัลย์ทุกเมื่อ
ทันทีที่เกราะเงินก้าวเท้าเข้าป่าทึบ เก้าเถาวัลย์ก็เปิดฉากโจมตี
ศัตรูที่ก้าวเท้าเข้าดินแดนของเก้าเถาวัลย์คือโอกาสที่ยากจะได้มา โดยธรรมชาติ เขาย่อมไม่ปล่อยผ่านโอกาสโจมตีไปง่ายๆ
ในชั่วพริบตา ป่าทึบทั้งหมดก็กลายเป็นโลกแห่งเถาวัลย์ เถาวัลย์ไม่เพียงแต่บดบังท้องฟ้า แต่ยังครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางนิ้ว
จากมุมมองบุคคลที่สาม เกราะเงินเปรียบเสมือนกรรเชียงเล็กๆที่ลอยในมหาสมุทรกว้างใหญ่ โดนคลื่นซัดอย่างไร้ปราณีตอนนี้ เรือกรรเชียงลำน้อยอาจพลิกคว่ำและโดนทำลายได้ทุกเมื่อ
แต่ทว่า ในความเป็นจริง เกราะเงินไม่แสดงความกลัวเลย ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว มันเต็มไปด้วยความมั่นใจและไม่กังวลถึงการโจมตีที่มาจากเถาวัลย์เลย
ร่างของเขาเล็ดลอดผ่านทะเลเถาวัลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลบเลี่ยงพวกมัน ทุกครั้งที่เจอกับการโจมตีที่หลบไม่พ้น เขาจะส่งหอกในมือออกไปกำจัดพวกมัน
เป็นเวลาสักพัก แม้การหลบหนีจากพื้นที่นี้จะยาก เขาก็สามารถป้องกันตัวเองได้และไม่มีอะไรให้ห่วง เขาติดอยู่ในทางตัน
แต่ทว่า เขาไม่กระวนกระวายเลย สำหรับว่านางพญางูสามหางจะตายไหม เขาไม่ได้กังวลเรื่องนี้เกินไปนัก
เขาได้แสดงเจตนามาช่วยเหลือแล้ว ไม่ว่าเขาจะช่วยนางได้หรือไม่ก็ล้วนขึ้นอยู่กับโชคของนางพญางูเอง
แม้จะตกอยู่ภายใต้การโจมตีของเถาวัลย์นับไม่ถ้วน เขาก็ยังค่อยๆรุกคืบอย่างมั่นคง
อย่างน้อยในสายตาของคนนอก เขาก็ดูทุ่มเทมาก
ในความเป็นจริง เขาไม่มีเจตนาเสี่ยงชีวิตเพื่อนางพญางู เขาดูเหมือนจะรุกช้ามาก แต่จริงๆแล้วเขากำลังรอให้พวกพ้องมาช่วยเขา
เก้าเถาวัลย์เป็นยอดฝีมือที่เก่าแก่สุด และพวกเขาก็กำลังสู้ในดินแดนของอีกฝ่ายที่อีกฝ่ายเหนือกว่า แต่ทว่า เท่าที่เกราะเงินคิดคือไม่ว่าความสามารถของเก้าเถาวัลย์จะร้ายกาจเพียงใด เขาก็ไม่สามารถสู้กับคนสามคนได้เพียงลำพัง
ถึงแม้เก้าเถาวัลย์จะอยู่ในอาณาเขตของตัวเอง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับมือกับยอดฝีมือระดับเดียวกันสามคนได้เพียงลำพัง
เกราะเงินรู้เรื่องนี้ดี นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงไม่รีบร้อนเลย
ในขณะเดียวกัน ตามที่เขาคาดไว้ กองหนุนมาถึงในไม่ช้า
หลังเกราะเงินพุ่งเข้าป่าทึบด้วยตัวเอง เนื้อเยื่อยักษ์กับเนตรเพลิงก็ลังเลครู่หนึ่งก่อนตามเข้าป่าไปเช่นกัน
ทันทีที่ทั้งสองเข้าร่วม เกราะเงินก็สามารถสัมผัสได้ชัดว่าแรงกดดันลดลงไปมาก
เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสามคือคู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน ไม่ว่าเก้าเถาวัลย์จะเก่งกาจแค่ไหน เขาก็ต้องแบ่งความสนใจมาสู้กับอีกสองด้วย
แต่ทว่าก่อนเกราะเงินจะได้ยินดี เขาก็ได้ยินเสียงของเก้าเถาวัลย์
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเจ้าสามคนจะมาหน้าบ้านข้าเอง นั่นช่วยข้าประหยัดแรงได้มาก!”เสียงของเก้าเถาวัลย์ดูพอใจ”เจ้ารู้ไหม ทุกคนในโลกต่างคิดว่าป่าทึบนี้คือรังที่ข้าสร้างด้วยตัวเองเพราะความเบื่อหน่าย แต่ทว่า มีไม่มากที่รู้ว่านี่คือเขตแดนเทพของข้า!”
สิ่งที่เก้าเถาวัลย์พูดทำให้ทุกคนตกตะลึง
ในเวลาเดียวกัน สภาพแวดล้อมของป่าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ต้นไม้แต่ละต้นค่อยๆกลายเป็นเถาวัลย์แก่ แม้กระทั่งพืชกับดอกไม้ก็ยังเปลี่ยนเป็นเถาวัลย์เส้นบาง
ในชั่วพริบตา ทั้งป่าก็เปลี่ยนเป็นโลกแห่งเถาวัลย์
เถาวัลย์ทั้งหมดเหล่านี้มีความหนากับขนาดต่างกัน บางอันยังมีสีต่างกัน
“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของข้า!”
เสียงของเก้าเถาวัลย์ดังจากทุกทิศทางราวกับเถาวัลย์กำลังพูด
“มีแค่เขตแดนเทพของจ้าวเทวะถึงสามารถเรียกได้ว่าอาณาจักร นี่คืออาณาจักรแบบใดกัน?เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นจ้าวเทวะหรือไร?!”เสียงเยาะเย้ยของเนื้อเยื่อยักษ์ดังขึ้น
ข้างมัน เกราะเงินกับเนตรเพลิงยังหัวเราะลั่น
มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะตลกหรือไม่ แต่ตอนนี้ สิ่งที่พวกมันต้องทำคือสนับสนุนกัน
“อีกสักพัก พวกเจ้าจะหัวเราะไม่ออก”เสียงของเก้าเถาวัลย์ฟังดูโกรธเล็กน้อย
ทันทีที่พูดจบ เถาวัลย์นับไม่ถ้วนก็พุ่งใส่ทั้งสาม
เถาวัลย์เหล่านี้บางส่วนมีพลังลำดับเทพ ขณะที่บางส่วนมีการตรัสรู้ธาตุ แทบทุกการโจมตีเทียบเท่าได้กับการโจมตีเต็มกำลังของเทพสวรรค์ขั้นเก้า
เกราะเงินกับอีกสองไม่ได้รับมือการโจมตีซึ่งๆหน้า พวกเขากลับเลือกใช้การหลบเป็นกลยุทธ์หลัก ไม่เคยหยุดนิ่งในจุดเดิม
ทั้งสามนั้นคล้ายกับเรือกรรเชียงเล็กๆสามลำที่ลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรปั่นป่วน เสี่ยงที่จะจมได้ทุกเมื่อ