หนวดนับไม่ถ้วนพันรอบสี่หน้าไว้น่น เหมือนรังไหมที่เจาะทะลุไม่ได้ ก่อตัวเป็นก้อนเนื้อขนาดมหึมากลางอากาศ
แต่ทว่า นี่ยังไม่ใช่จุดจบ ชั้นของหนวดบนผิวเนื้อยังเพิ่มไม่หยุด พวกมันห่อหุ้มเนื้อต่อไป ซึ่งขยายด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในขณะเดียวกัน ด้านในก้อนเนื้อที่ด้านนอกไม่สามารถเห็น พลังงานภายนอกและแหล่งกำเนิดแสงทั้งหมดโดนบดบัง ด้านในคือทะเลความมืดไร้สิ้นสุด
มันไม่ใช่แค่ประสาทสัมผัสทางสายตา สี่หน้าสามารถรู้สึกได้ชัดว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาค่อยๆโดนลบ
หนวดเหนียวนับไม่ถ้วนจู่โจมร่างกายของเขาในความมืดที่เขามองไม่เห็น
แต่ทว่า แม้เขาจะค่อยๆสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าไปทีละน้อย สี่หน้าก็ยังมีสัญชาตญาณรับรู้อันตราย ร่างของเขายังพึ่งพาสัญชาตญาณนี้ในการหลบอย่างบ้าคลั่งและป้องกันตัวเอง
ครั้งแรกที่ร่างกายของเขาหลบไม่ทันและโดนหนวดเหนียวเกาะติด สี่หน้าตกใจ
ประสาทสัมผัสของเขาแทบชาด้านหมด แต่เขารู้สึกได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้กำลังผลาญพลังเทวะของเขาด้วยความเร็วสูง
แม้เขาจะสามารถสลัดการพัวพันของหนวดได้อย่างว่องไว แต่หนวดเหนียวก็ค่อยๆเกาะติดตัวเขาเป็นครั้งที่สองและสาม ต่อให้พวกมันจะพันรอบเขาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนสลัดหลุด พวกมันก็จะนำพลังเทวะของเขาติดไปด้วยทุกครั้ง
‘จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะผลาญพลังเทวะของข้าไม่ช้าก็เร็ว’
พอรู้ได้ว่าร่างกายของเขากำลังเสียพลังเทวะ สี่หน้าก็ตระหนักว่ายิ่งเขายื้อ โอกาสแพ้ก็ยิ่งสูง
แม้เขาจะมีไพ่ตายที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ แต่นี่เป็นสถานการณ์ถึงชีวิต ถ้าเขาไม่ใช้ไพ่ตาย เขาอาจไม่มีโอกาสได้ใช้อีก
เมื่อตัดสินได้ เขาก็ไม่ลังเลอีก
หัวของเขาพลันเปลี่ยน ใบหน้าที่เดิมอยู่ทางขวาหัน90องศาจนตอนนี้มันหันไปข้างหน้า ตาเดี่ยวที่แต่เดิมปิดอยู่บนหน้าค่อยๆลืมขึ้น
ภายในตาข้างเดียวนั่น ไฟสีทองจางๆเบ่งบานออกมา
วินาทีที่ลืมตาขึ้น พลังเทวะภายในตัวสี่หน้าก็เริ่มพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงและจำนวนพลังเทวะก็เริ่มเพิ่มขึ้นเช่นกัน
10%!
20%!
30%!
..
สองเท่า!
สามเท่า!
…
พลังเทวะของสี่หน้าหยุดเพิ่มขึ้นหลังมันเพิ่มได้สี่เท่า
พลังเทวะสีทองไม่เพียงห่อหุ้มทั้งตัวเขา มันยังเล็ดลอดออกจากภายในตัวเขาเหมือนไฟ แผ่ขยายออกไปจากตัวเขาหนึ่งเมตร
รูปร่างของเขาคล้ายกับไฟสีทองที่ลุกโชน
ในชั่วพริบตา พื้นที่มืดมิดภายในเนื้อก็เปล่งแสงสว่างขึ้น
บนผนังสีแดงเลือดของเนื้อรอบตัวเขา สี่หน้าเห็นหนวดสีเนื้อนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมด้วยเมือกหนืด หนวดเหล่านี้ไม่แข็งกระด้างเหมือนที่เนื้อเยื่อยักษ์ปลดปล่อยก่อนหน้า ผิวสัมผัสของมันเหมือนกากตะกอนมากกว่า
“ช่างเป็นเทคนิคที่น่าขยะแขยงเสียจริง”สี่หน้าอดเยาะเย้ยออกมาเสียงดังไม่ได้
ขณะพูด เขาก็โจมตีเหมือนสายฟ้าฟาด
พอมองหนวดที่พุ่งใส่เขา เขาก็สูดหายใจลึก วินาทีต่อมา เขาก็อ้าปากและเป่า
ไฟสีทองไร้สิ้นสุดพวยพุ่งจากปากเขาทันที ภายในชั่วพริบตา พวกมันก็กระจายไปทั่วพื้นที่ภายในก้อนเนื้อ
วินาทีที่หนวดสีเนื้อสัมผัสกับไฟ พวกมันก็เปลี่ยนเป็นเถ้าถ่าน
หนวดเนื้อที่ห่อหุ้มไว้หายไปเหมือนหิมะละลายภายใต้แสงแดด
ไม่ช้า ไฟสีทองก็ลุกลามไปยังผนังด้านในของก้อนเนื้อ ผนังพังทลายราวกับโดนกรดกัดกร่อน พวกมันเปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำเขียวที่ไหลรินลง ปล่อยกลิ่นเหม็นเน่า
ไม่นานนัก รูหลายรูก็ไหมผ่านชั้นหนวดที่ประกอบเป็นก้อนเนื้อ ร่างสีทองพุ่งผ่านรูมา
“จิ๊ จิ๊ นี่คือไพ่ตายของเจ้างั้นหรือ?”เสียงของเนื้อเยื่อยักษ์ดังขึ้นทันที”ข้าเดาไว้แล้วว่ากลยุทธ์นี้คงกังขังเจ้าไม่ได้ แต่ข้าคิดแค่จะผลาญพลังเทวะเจ้าสักหน่อย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเด็ดเดี่ยวและใช้ไพ่ตายทันที’
“ถ้าเจ้าไม่ใช้กลยุทธ์นี้ เจ้าอาจมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีกหน่อย”สี่หน้าแค่นเสียงเย็น
เขาไม่คิดเปลืองน้ำลายคุยกับอีกฝ่าย อีกครั้ง เขาอ้าปากและสูดหายใจลึก พ่นไฟสีทองออกมาอีก
คลื่นไฟสีทองพวยพุ่งใส่เนื้อเยื่อยักษ์เหมือนคลื่นยักษ์..
“ไฟมังกร?!”เนื่อเยื่อยักษ์อุทาน
แน่นอน เขาจำได้ว่านี่คือไฟมังกรของมังกรแท้จริง ซึ่งจะแผดเผาทุกอย่างที่ขวางหน้า
เขาตระหนักทันทีว่าสี่หน้าสามารถหลุดพ้นการกักขังมาได้ไง
ไฟมังกรแท้จริงคือดาวข่มวิชาหุบเหวทั้งหมด
เนื้อเยื่อยักษ์คาดเดาได้ว่าสี่หน้าคงสามารถพ่นไฟมังกรได้เพราะเขาต้องกินมังกรแท้จริงเข้าไป จากนั้นสี่หน้าก็ยืมพลังของสายเลือดมังกรแท้จริงและสืบทอดความทรงจำ จำลองมันโดยการผสานการตรัสรู้ธาตุไฟ ไฟนี้มีคุณสมบัติบางอย่างของไฟมังกร แต่มันไม่อาจถือเป็นไฟมังกรแท้จริง ในแง่พลัง มันยังมีช่องว่าง
ต่อหน้ากลยุทธ์ที่ปราบปรามวิชาตัวเอง เนื้อเยื่อยักษ์กลับไม่ตื่นตระหนกเลย
เขามั่นใจมากว่าสี่หน้าต่องผลาญพลังเทวะจำนวนหนึ่งในตัวไปตั้งแต่สู้กับเนตรเพลิงก่อนหน้านี้ เนื้อเยื่อยักษ์ยังมั่นใจมากว่าโหมดไฟนี้ของสี่หน้าจะอยู่ได้ไม่นานมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพ่นไฟมังกรออกมาได้นานนัก
หลังตรวจสอบประเด็นเหล่านี้ เนื้อเยื่อยักษ์ก็คิดมาตรการโต้ตอบ นั่นคือ-ถ่วงเวลา!
ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือถ่วงเวลาให้นานพอและสี่หน้าก็จะหยุดพ่นไฟมังกร ท้ายที่สุด สี่หน้าก็จะหมดแรง
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเนื้อเยื่อยักษ์ลากถ่วงเวลาไปนานพอ เกราะเงินก็อาจสู้กับเก้าเถาวัลย์โดยตรงแล้วและช่วยเขากำจัดเถาวัลย์ที่พัวพันเหล่านี้
ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อเนื้อเยื่อยักษ์กับเกราะเงินสามารถพัวพันกับสี่หน้าและเก้าเถาวัลย์ได้ นางพญางูสามหางก็จะมีโอกาสหลบหนีและเข้าร่วมการต่อสู้ใหม่
ดังนั้น ไม่ว่ายังไง กลยุทธ์ถ่วงเวลาก็คือแผนที่มีประโยชน์สุดตอนนี้
พอมองดูทะเลไฟสีทองที่พวยพุ่งเข้าหา เนื้อเยื่อยักษ์กลับไม่หลบ เขารู้ดีว่าด้วยความเร็วของเขา เขาไม่มีทางหลบมันได้ เขาจึงไม่คิดหลบเลย
หนวดนับไม่ถ้วนยืดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ไม่ช้า หนองน้ำก็รวมกันตรงหน้าเขา
คลื่นยักษ์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากภายในหนองน้ำและกวาดไปยังคลื่นไฟด้วยโมเมนตัมที่ไม่น้อยหน้า
แม้เนื้อเยื่อยักษ์จะไม่ค่อยเชี่ยวชาญการตรัสรู้ธาตุน้ำนัก เขาก็เชี่ยวชาญการตรัสรู้ธาตุดินและโคลน ในระดับหนึ่ง มันอาจถือได้ว่าการอะไรที่ข่มธาตุไฟ
สิ่งเดียวคือพลังเผาไหม้ของการตรัสรู้ไฟด้วยลักษณะของไฟมังกรนั้นรุนแรงกว่า ไฟกลืนคลื่นโคลนยักษ์ไปทีละลูก
แต่ทว่า เนื้อเยื่อยักษ์ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะถ่วงเวลาแบบนี้
เขายังไม่เปลี่ยนไปใช้วิชาอื่น เขากลับใส่พลังเทวะต่อ สร้างคลื่นโคลนยักษ์ทีละลูกเข้าห้ำหันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ทางตันเป็นช่วงเวลาหนึ่ง
เนื้อเยื่อยักษ์เริ่มสงบลงเรื่อยๆ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการสุด ยิ่งเขายื้อได้ถ่วง มันยิ่งดีต่อเขา
อีกด้านหนึ่ง สี่หน้ากำลังขมวดคิ้วแน่น..