จากระยะไกล เก้าเถาวัลย์ได้เห็นถึงการต่อสู้ทั้งหมดระหว่างสี่หน้ากับเนื้อเยื่อยักษ์ เขาเองก็ได้ยินที่สี่หน้าพูดกับเนื้อเยื่อยักษ์ตอนวินาทีสุดทท้าย
แม้เขจะไม่เข้าใจการสลับหน้าของสี่หน้า เก้าเถาวัลย์ก็พอเดาได้หลายอย่าง
เขารอให้สี่หน้าดึงเนื้อเยื่อยักษ์ขึ้นจากใต้ดินและกลืนกินจนหมดก่อนใช้คลื่นเสียงถาม
“สี่หน้า ตอนนี้เจ้าเป็นมิตรหรือศัตรู?”
สี่หน้าเขายาวหันมามองทางเก้าเถาวัลย์และแสยะยิ้ม
“สี่หน้าคือสี่หน้า ข้าคือข้า ข้าไม่สนใจในการต่อสู้ของเจ้า!”
“ถ้าพวกมันถือครองผนึกจเปราสาท ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสี่หน้าหรือไม่ พวกมันจะโจมตีเจ้าในไม่ช้า”เก้าเถาวัลย์ไม่อยากยอมแพ้ เขายังอยากลองดึงสี่หน้ามาอยู่ข้างๆ
เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าสี่หน้าจากไปทั้งอย่างนั้น เก้าเถาวัลย์จะต้องสู้กับศัตรูสองคนด้วยตัวเองหลังจากนี้-เกราะเงินกับนางพญางูสามหาง
“ถ้าวันนั้นมาถึง ข้าจะฆ่าพวกมันเอง”สี่หน้าเขายาวยังไม่ขยับ
“งั้นก็ตามใจเจ้า”เก้าเถาวัลย์เงียบไป สุด้าย เขาก็ไม่พูดมาก”ถ้าเจ้าอยากไป งั้นก็ไป”
ถ้าเขาเสียพันธมิตร ก็ปล่อยให้เป็นไป ครั้งนี้ เขาไม่อยากตอแยคนี่รงพลังยิ่งกว่าสี่หน้า สิ่งที่ดีสุดคือปล่อยไป
เมื่อเห็นทางออกของเขตแดนเทพก่อตัวไม่ไกล สี่หน้าเขายาวก็ไม่คิดเสียน้ำลาย และพุ่งไป
ด้านนอกเขตแดนเทพ จิตสำนึกของเก้าเถาวัลย์จ้องมองสี่หน้าเขายาวเคลื่อตัวออกพื้นที่ป่าหนาแน่นอย่างรวดเร็ว และอดถอนหายใจไม่ได้
เขาสัมผัสได้ว่าสี่หน้าเขายาวกระตือรือร้นที่จะไป เขายังเดาว่าสี่หน้าเขายาวอาจเจอกับปัญหาบางอย่างกับร่างกายเนื่องจากเขาเพิ่งยึดร่างกายของสี่หน้ามา ตอนนี้ เก้าเถาวัลย์ได้พิจารณาว่าเขาควรคว้าโอกาสนี้กำจัดสี่หน้าเขายาวไหม แต่ทว่า เขาก็เลือกละทิ้งความคิดนี้ในที่สุด
ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากมันไม่ใช่งานง่ายที่จะฆ่าสี่หน้าเขายาวแม้จะในสภาพไม่มั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น เก้าเถาวัลย์มีศัตรูทรงพลังอีกสองในรังตัวเอง
เทียบกับภัยคุกคามในอนาคต การกำจัดภัยคุกคามปัจจุบันที่เขาเผชิญสำคัญสุด
พอเห็นแบบนั้น ในเขตแดนเพที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ มันก็เหลือแค่นางพญางูสามหาง ที่ยังซ่อนตัวในเมฆม่วงกับเกราะเงิน ผู้ค่อย ๆ มุ่งหน้ามาหาเขา เก้าเถาวัลย์ตัดสินใจเร็วมาก
ร่างของเขาซึ่งเปลี่ยนเป็นงูเหลือมขนาดยักษ์นับหมื่นได้ถอยห่างจากเมฆม่วงและพุ่งใส่เกราะเงินโดยตรง
นางพญางูสามหาง ผู้เฝ้าดูโลกภายนอกอย่างใกล้ชิดรู้สึกโล่งใจหลังเห็นแบบนี้ นางไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเลยเพราะกลัวว่าเก้าถวัลย์จะคอยจับตาดูนาง นางรู้ว่าเขาต้องโจมตีนางทันทีที่นางขยับแม้เพียงเล็กน้อย
ถึงแม้เขาจะไปแล้ว นางพญางูสามหางก็ยังไม่กล้าเผยตัว
นางกลัวว่าคู่ต่อสู้ของนางจะไปไม่ไกลนักและอาจหันกลับมาจัดการนาง
“กลิ่นอายของเนื้อเยื่อยักษ์หายไปแล้ว เขาต้องตายแล้ว กลิ่นอายของสี่หน้าแปลกไปมาก แม้กระทั่งไม่คุ้นเคยและหายไป ข้าสงสัยว่าเขาคงตายไปพร้อมเนื้อเยื่อยักษ์”
ในโลกเถาวัลย์แห่งนี้ วิชาตรวจจับทั้งหมดรวมถึงจิตเทวะต่างโดนเถาวัลย์ปิดกั้น ทุกคนทำได้แค่สัมผัสว่ากลิ่นอายยังอยู่ไหม รวมถึงความผันผวนของการต่อสู้
นางพญางูสามหางบอกได้ว่าสนามรบเหลือใครผ่านกลิ่นอาย สำหรับผู้ที่กลิ่นอายหายไป นางไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาออกจากเขตแดนเพหรือโดนฆ่าตาย
“พวกเดียวที่เหลือในสนามรบตอนนี้คือเก้าเถาวัลย์ เกราะเงินกับตัวข้า ถ้าเกราะเงินตาย…”
คิ้วของนางพญางูสามหางขมวดแน่น นางไม่คิดเลยว่าจากสี่ต่อสอง สถานการณ์ที่ต้องชนะแน่จะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าสี่หน้า ผู้ที่นางหลับนอนด้วยมาหลายปีจะครอบครองความสามารถฆ่ายอดฝีมือทั้งสองอย่างเนื้อเยื่อยักษ์กับเนตรเพลิงด้วยตัวเอง
ความคิดของนางพญางูสามหางล่องลอยไปชั่วขณะ แต่ในไม่ช้านางก็ได้สติ นางกำลังรอโอกาสออกจากเมฆม่วง
ไม่นานนัก นางก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของการต่อสู้จากระยะไกล
นางเดาว่าเก้าเถาวัลย์กับเกราะเงินอาจเริ่มสู้กันแล้ว
“เก้าเถาวัลย์นั่นไม่สนใจข้าเลย?!”
แม้นางจะเคือง นางพญางูสามหางก็มีความสุขเล็กน้อย
ความสุขนี้เกิดจากเพราะเก้าเถาวัลย์ไม่เลือกใช้กำลังสลายเมฆม่วงและฆ่านางก่อนเกราะเงินจะมาถึง
แต่ทว่า หลังพิจารณาแล้ว นางก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเก้าเถาวัลย์ถึงตัดสินใจแบบนั้น
เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถของเกราะเงินนั้นทรงพลัง แทนที่จะใช้ความพยายามเพื่อททำลายการป้องกันของเมฆม่วง เก้าเถาวัลย์อยากทุ่มสุดตัวสู้กับเกราะเงินกว่า
“เจ้าจะต้องชดใช้ที่ดูถูกข้า!”ความดุร้ายส่องผ่านตาของนางพญางูสามหาง
หลังสัมผัสได้ว่าการต่อสู้ไกลออกไปยังดำเนินไปชั่วขณะหนึ่ง นางพญางูสามหางก็ปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ
แต่ทว่า ทันทีที่นางเคลื่อนไหว เถาวัลย์ก็พุ่งออกมาจากทุกทิศทางและฟาดใส่นาง
นางพญางูสามหางตกตะลึง ปฏิกิริยาแรกของนางคือคิดว่าเก้าเถาวัลย์กลับมา แต่ว่า ในไม่ช้านางก็ตระหนักว่าไม่ใช่ เขาแค่การควบคุมเถาวัลย์จากระยะไกลให้โจมตีนาง
“เจ้าอยากขังข้าไว้ที่นี่เพื่อป้องกันข้าไปสมทบกับเกราะเงิน?!”นางพญางูสามหางหรี่ตาเล็กน้อยและเดากลยุทธ์ของอีกฝ่ายได
ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องไม่อยากสู้กับศัตรูสองคนลำพัง
เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถของเกราะเงินแข็งแกร่งมาก ในการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้แพ้ได้
เมื่อนางพิจารณา นางพญางูสามหางก็ตัดสินใจหดเมฆม่วง หลังมั่นใจว่าความผันผวนการต่อสู้อยู่ทางไหน นางก็พุ่งไปทางนั้น หลบการโจมตีที่ห้อมล้อมนางไว้
ทันทีที่นางเคลื่อนไหว นางก็สัมผัสได้ถึงอันตรายรุนแรง
วินาทีต่อมา นางก็รู้สึกว่าเถาวัลย์พันรอบหางหนึ่งของนาง นางพยายามสลัดมันอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ตระหนักว่าวินาทีที่นางหยุด เถาวัลย์ก็พัวพันรอบนางมากขึ้น
นางหันไปมอง แต่พบว่าไม่มีเถาวัลย์อื่นในบริเวณที่นางพัวพันอยู่เลย นางใช้จิตเทวะตรวจและตระหนักว่าเถาวัลย์จริง ๆ แล้วเป็นเส้นไหมที่บางกว่าเส้นผมถึงหมื่นเท้า
ตอนนั้นเอง เสียงคุ้นหูก็ดังด้านหลังนาง”ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจออกมา!”
ตอนนางได้ยินเสียง ใบหน้าของนางพญางูสามหางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
นางหันไปมอง เห็นงูเหลือมยักษ์ที่สร้างจากเถาวัลย์นับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองนาง
นางยังสัมผัสได้ว่าความผันผวนการต่อสู้ได้หายไปแล้ว
“เก้าเถาวัลย์!เจ้าหลอกข้า!”
“ข้าจะหลอกล่อให้เจ้าออกจากเมฆม่วงนั่นได้ยังไงถ้าข้าไม่ใช้กลอุบาย”น้ำเสียงของเก้าเถาวัลย์สงบ
“งั้นข้าก็คือเป้าหมายของเจ้ามาตั้งแต่ต้น?!”นางพญางูสามหางพลันตระหนัก
“เจ้าจะพูดแบบนั้นก็ได้”เก้าเถาวัลย์ไม่ปฏิเสธ
“งั้นเจ้าก็แกล้งทำเป็นสู้กับเกราะเงิน ปล่อยให้ข้าคิดว่าเจ้าไม่สามารถสู้กับข้าพร้อมกันได้เพื่อล่อข้าออกจากเมฆม่วง เจ้ายังจงใจโจมตีข้าเพื่อแกล้งบังคับให้ข้ากลับเข้าเมฆม่วง ดังนั้นข้าจึงมีความรู้สึกว่าต้องเร่งไปสมทบกับเกราะเงินและเก็บเมฆม่วงโดยไม่ลังเล…ร้ายกาจมาก!”นางพญางูสามหางพูดอย่างไม่พอใจ ตอนนี้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเก้าเถาวัลย์เล่นกลอุบายอะไรกับนาง
“น่าเสียดายที่เจ้าคิดได้ช้าไป!”
ทันทีที่เก้าเถาวัลย์พูดจบ เส้นไหมนับไม่ถ้วนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ห่อหุ้มนางพญางูสามหาง ก่อตัวเป็นรังไหมสีขาวยักษ์ วินาทีต่อมา รังไหมก็พลันเปลี่ยนรูป ราวกับว่าผ้าเช็ดตัวโดนบิดด้วยมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น
ตอนนั้นเอง หยดสีม่วงแดงเริ่มกระจายไปทั่วรังไหมขาว ตอนแรก มันดูเหมือนกลีบดอกไม้สีม่วงแดงกำลังตกลงบนผ้าขาวผืนหนึ่ง แต่ทว่า ผ้าทั้งผืนก็เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วเหมือนโดนย้อม
ของเหลวสีม่วงแดงเริ่มไหลซึมออกมา…