“นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยใช่ไหม?”
หลินฮวงชี้ไปทางป่าต้นนิพพาน หันหัวไปมองเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน
“จากที่ดู เก้าเถาวัลย์นั้นยังไม่ตายสนิท หรือมีบางอย่างปกป้องพื้นที่นี้อยู่”สีหน้าของจิ่วเจี้ยนทรยศต่อความรู้สึก ขณะที่เวอชุโอโซกับหลินฮวงนั้นคาดไว้แล้ว การได้รับชิ้นส่วนสุดท้ายของผนึกเจ้าปราสาทนั้นคงไม่ง่าย
“อืม ในเมื่อมันยังไม่ตายสนิท งั้นก็มาฆ่ามันอีก!ถ้ามีคนปกป้องพื้นที่นี้ เราก็จะกำจัดผู้พิทักษ์ให้หมด!”น้ำเสียงของเวอชุโอโซฟังดูสงบ แต่หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนสามารถได้ยินความเย็นชาที่แฝงในน้ำเสียงของเขา เห็นได้ชัดว่าเวอชุโอโซนั้นมุ่งมั่นที่จะได้รับชิ้นส่วนสุดท้ายของผนึกเจ้าปราสาทมาก
หลินฮวงกับเจี้ยนไม่คัดค้านต่อคำกล่าวของเวอชุโอโซ
เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร พวกเขาก็ต้องสู้ ไม่งั้นความพยายามที่ผ่านมาจะสูญเปล่า
ในชั่วพริบตา แสงสีฟ้าหมอกในป่าต้นนิพพานก็กระจายออกไป
เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์แท้จริงคืออะไร ทั้งสามจึงไม่กระโดดเข้าไปโดยประมาท
หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนพยายามโจมตีหลายครั้ง ไม่ว่ามันจะเป็นคลื่นกระบี่หรือคลื่นดาบ การโจมตีต่างอ่อนลงและสลายไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ส่งเขาพื้นที่หมอกฟ้า
หลังทดสอบไปแบบเปล่าประโยชน์สองสามรอบ ทั้งสามก็ตัดสินใจรออย่างอดทน
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ หมอกสีฟ้าหนาก็บดดบังการมองเห็นและจิตเทวะพวกเขาไว้สนิท
ไม่ช้า หมอกฟ้าก็เริ่มลดลง ราวกับมีบางสิ่งใจกลางป่าต้นนิพพานที่กำลังดูดมันด้วยความเร็วสูง
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที หมอกที่ปกคลุมแต่แรกก็หดตัวลงอย่างมากและทั้งป่าต้นนิพพานก็เผยออกมา
หลินฮวงกับอีกสองสามารถเห็นได้ชัดว่ามีพื้นที่ใจกลางไม่ถึงสิบเมตรที่ยังปกคลุมด้วยหมอกฟ้า
พอเห็นอย่างนั้น จิ่วเจี้ยนก็อดลงมืออีกครั้งไม่ได้ เขาส่งคลื่นกระบี่นับร้อยใส่หมอกฟ้า
แต่ทว่า ทันทีที่คลื่นเข้าหมอก พวกมันก็หายไป
พอหลินฮวงกับเวอชุโอโซเห็นสิ่งที่เกิด พวกเขาก็ไม่คิดพยายามอีก
ทั้งสามต่างมั่นใจแล้วว่าสิ่งมีชีวิตภายในหมอกคือศัตรูตัวสุดท้ายของพวกเขา
หลังผ่านไปประมาณสองถึงสามนาที หมอกฟ้าก็เริ่มลดลงอีกครั้ง ตอนมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามเมตร มันก็หยุดลดลงและควบแน่นเป็นร่างมนุษย์
ในขณะนั้น หลินฮวงกับอีกสองก็ตื่นตัวเต็มที่ เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
แต่ทว่า พวกเขาอดรู้สึกสับสนกับรูปร่างของหมอกฟ้าไม่ได้
นี่เพราะตัดสินจากรูปร่าง ศัตรูพวกเขาคราวนี้ไม่น่าจะใช้เก้าเถาวัลย์
ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นใครกันที่เป็นศัตรูพวกเขา?
ทั้งสามถูกจับด้วยความสงสัยเดียวกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ในที่สุดร่างมนุษย์ก็ขยับ มันก้าวไปข้างหน้าและชั้นหมอกสุดท้ายที่ห่อหุ้มตัวมันก็เริ่มสลาย
ยิ่งมันก้าวเดิน ร่างของมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
ตอนหลินฮวงกับอีกสองเห็นหน้าตาศัตรู ใบหน้าพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
“เกราะเงิน?!’
แม้เขาจะดูแตกต่างไปจากที่อธิบายไว้ในข้อมูลที่พวกเขามีเล็กน้อย ทั้งสามก็ระบุได้ทันทีว่านี่คือเกราะเงิน หนึ่งในราชาของโลกภายในนี้
ทั้งสามเกิดความรู้สึกสงสัยแบบเดียวกันผุดขึ้นในหัว เก้าเถาวัลย์ไม่ได้ฆ่าชายคนนี้ไปแล้วหรือ?!
ก่อนหน้านี้ตอนพวกเขาสังเกตเก้าเถาวัลย์เก็บเขตแดนเทพ พวกเขาก็รู้ว่าการต่อสู้ระหว่างเหล่าราชาได้จบลงแล้วและเก้าเถาวัลย์ก็คือผู้ชนะ
นั่นทำให้พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นเกราะเงินตรงหน้า
ตอนพวกเขาเห็นเกราะเงินปรากฏตัว หัวใจของพวกเขาก็ดำดิ่งเล็กน้อย
ไม่เหมือนเก้าเถาวัลย์ เกราะเงินคือศัตรูที่พวกเขาไม่อยากเผชิญหน้าเป็นพิเศษ
นี่เพราะชายคนนี้มีความสามารถป้องกันที่น่ากลัวมาก หลินฮวงกับอีกสองจะต้องใช้เวลานานกว่าจะฝ่าการป้องกันได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตัดสินจากกลิ่นอายปัจจุบันที่แผ่จากเกราะเงิน เขาดูเหมือนจะฟื้นตัวและอยู่ในสภาพสูงสุด แตกต่างจากสภาพของเก้าเถาวัลย์ที่พวกหลินฮวงต่อสู้ด้วย
หลินฮวงมั่นใจว่าเกราะเงินที่ยืนตรงหน้าพวกเขาตอนนี้สามารถเอาชนะเก้าเถาวัลย์ได้แน่
ดวงตาของทั้งสามสบกัน เห็นความไม่เต็มใจที่ส่งกลับมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาเริ่มลุกโชน
ไม่ว่าการต่อสู้จะยากลำบากแค่ไหน ทั้งสามก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ควรถอยไปทั้งอย่างนั้น
เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาใกล้สำเร็จแล้ว ทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำคือฆ่าเกราะเงินที่ยืนตรงหน้าพวกเขาและจุดประสงค์ของพวกเขาในการเข้าหุบเหวครั้งนี้ก็จะบรรลุ
ด้วยการโน้มน้าวนี้ในหัว ทั้งสามจึงโจมตีเกราะเงินโดยไม่ลังเล
หลินฮวงไม่เก็บรั้งไว้เลยในการโจมตีนี้ เหมือนกับก่อนหน้า ดาบของเขาผสานกับห่วงโซ่ลำดับเทพระดับลึกซึ้งทั้งสิบสองร่วมกับกฏสวรรค์เต๋าดาบ
คลื่นดาบสีแดงเลือดเหมือนแม่น้ำเลือด ซาดซัดใส่เกราะเงินด้วยพลังสะเทือนปฐพี
อีกด้าน จิ่วเจี้ยนเองก็ไม่คิดปกปิดอะไรเช่นกัน
เขาปลดปล่อยค่ายกลกระบี่ทั้งเก้าพร้อมกัน คลื่นกระบี่สีทองนับไม่ถ้วนรวมกันเป็นกระบี่ยักษ์หนึ่งเดียวที่แทงใส่เกราะเงิน
ไม่ไกลนัก เวอชุโอโซทำการประสานมือสองข้างในลักษณะซับซ้อน
ทีละหนึ่ง โซ่ดำก่อตัวในอากาศ เปลี่ยนเป็นงูดำยักษ์ที่พุ่งใส่เกราะเงิน
ในชั่วพริบตา งูขนาดมหึมาก็ขดตัวรอบแขนขาของเกราะเงิน ป้องกันเขาจากการขยับ
วินาทีต่อมา ดาบคล้ายแม่น้ำเลือดกับกระบี่ยักษ์ก็ไปถึงตัวเกราะเงิน
เพียงเมื่อทั้งสามคิดว่าการโจมตีของพวกเขาต้องกำจัดศัตรูได้แน่ บางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!
หมอกฟ้าแผ่ซ่านไปทั่วดวงตาของเกราะเงิน แขนทั้งสองของเขาออกแรง และพลังเทวะสีฟ้าก็อาบไปทั่วตัวเขาเหมือนคลื่น บดขยี้โซ่ดำที่หนาเท่าแขนคน
ชั่วพริบตาต่อมา เกราะเงินที่หลุดพ้นจากพันธนาการกลับไม่ขยับหลบเลบ เขาแค่ยกแขนสองข้างขึ้นอย่างสงบและเถาวัลย์สีฟ้าน้ำแข็งนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกจากฝ่ามือเขา เถาวัลย์จากหนึ่งฝ่ามือกลายเป็นคลื่นสึนามิ ในขณะที่อีกฝ่ามือเปลี่ยนเป็นดาบขนาดมหึมา พวกมันพุ่งใส่การโจมตีของหลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนตามลำดับ
ตอนพวกเขาเห็น หลินฮวงกับอีกสองก็ตะลึงงัน
ก่อนจะได้สติกลับ การโจมตีของทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกันแล้ว
คลื่นดาบแดงของหลินฮวงโดนคลื่นเถาวัลย์สีฟ้ากลิ่นกินภายในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
กระบี่ยักษ์ของจิ่วเจี้ยนปะทะกับดาบเถาวัลย์และแตกเป็นเสี่ยง ๆ
การโจมตีทั้งสองที่หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนภาคภูมิใจโดนทำลายอย่างง่ายดายด้วยเกราะเงิน ไม่สิ นั่นน่าจะเป็นเก้าเถาวัลย์!
วินาทีที่พวกเขาเห็นอีกฝ่ายปล่อยเถาวัลย์ หลินฮวงกับคนอื่นก็ตระหนักทันทีว่าศัตรูที่ดูเหมือนเกราะเงินแท้จริงแล้วคือเก้าเถาวัลย์!
แม้ทั้งสามจะไม่รู้ว่าเก้าเถาวัลย์อะไรกับเกราะเงิน แต่เก้าเถาวัลย์ก็ดูเหมือนจะไม่ปกปิดอะไร หลังบังคับทั้งสามให้ถอย เขากลับไม่รีบไล่ล่า เขายืนนิ่งและพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาฟังเหมือนเขากำลังแบ่งปันบางสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขกับเพื่อนสนิท
“ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้าทั้งสาม ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้ากลัวว่าข้าอาจตัดสินใจไม่ทันที่จะใช้ร่างของเกราะเงินเพื่อจุติใหม่ ข้าไม่คิดเลยว่าคราวนี้ การจุติจะราบรื่นกว่าที่ข้าคิดไว้!’