เก้าเถาวัลย์ตอนนี้ถูกคลื่นกระบี่ทองกลืนกิน
ในความเป็นจริง ค่ายกลกระบี่ของจิ่วเจี้ยนไม่ถือว่าอ่อนแอ พวกมันทรงพลังพอจะทำร้ายเทพสวรรค์ขั้นเก้า แต่ทว่า การโจมตีระดับนี้ยังไม่มากพอจะทำให้เก้าเถาวัลย์กังวล
ความคิดก่อขึ้นในหัวเขา และเถาวัลย์นับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นจากใต้ดิน พุ่งใส่คลื่นกระบี่ทอง
แทบจะในเวลาเดียวกับที่เขาตอบสนองต่อศัตรู เขาก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่ทรงพลังมาจากอีกทาง
เขาเงยหน้าขึ้นทันที มองไปทางแหล่งอันตรายใหม่ เขาเห็นกระจกตรงหน้าผู้บ่มเพาะดาบหน้ากากดำ กระจกเดียวกันนั้นได้ดูดซับการโจมตีเขา และส่งคลื่นพลังสีแดงกับดำสะท้อนกลับมา
ที่แปลกประหลาดกว่านั้น เขารู้สึกได้ชัดว่าคลื่นพลังนี้ที่สร้างโดยศัตรูมีร่องรอยของกลิ่นอายพลังเทวะเขา
“กระจกนั่นไม่ได้แค่ดูดการโจมตีข้า แต่ยังสะท้อนด้วย?!”เก้าเถาวัลย์ตกใจ เขารู้สึกอิจฉาความสามารถกระจกของหลินฮวง
เขาสามารถสัมผัสได้ชัดว่าพลังการโจมตีปัจจุบันของหลินฮวงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าของเขาเลย ความรุนแรงดังกล่าวมากเกินพอจะทำให้เขาบาดเจ็บ
พอเห็นว่าคลื่นพลังสีดำตัดแดงได้แหวกผ่านพายุคลื่นกระบี่ทองและกำลังจะโดนเขา เก้าเถาวัลย์ก็ใช้หอกดำอีกครั้งโดยไม่ลังเล
คลื่นพลังสีดำเริ่มรวมที่ปลายหอกและขยายอย่างรวดเร็ว ในเวลาแค่หนึ่งลมหายใจ มันก็ขยายไปจนเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังสีดำที่พุ่งผ่านอากาศ
วินาทีถัดมา คลื่นพลังทั้งสองก็ปะทะกัน หัวใจของเก้าเถาวัลย์เริ่มเต้นรัว เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่มาจากหลายทิศทาง
จิตเทวะของเขากระจายออกไปทันที สแกนสภาพแวดล้อม เขาเห็นร่างนับสิบลอยในความว่างเปล่า ล้อมเขาไว้ แต่ละร่างมีชุดคลุมดำกับหน้ากากดำ ทั้งหมดเป็นผู้บ่มเพาะดาบที่สะท้อนการโจมตีของเขาก่อนหน้า
สิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือมีกระจกดำควบแน่นอยู่ตรงหน้าทั้งหมด และคลื่นพลังสีดำตัดแดงก็พุ่งออกจากผิวกระจก
แต่ละการโจมตีทำให้เก้าเถาวัลย์รู้สึกอันตราย
แต่ทว่า เขาเยาะเย้ยและเหลือบมองเวอชุโอโซที่อยู่ไม่ไกล”คิดว่าข้าจะตกหลุมพรางเจ้าอีกหรือไง?”
“การจำลองของเจ้าดี มันทำให้สัมผัสของข้าสับสนได้ อย่างไรก็ตาม ภาพลวงตาก็แค่ภาพลวงตา มันจะไม่มีวันเป็นจริง!’
ทันทีที่เก้าเถาวัลย์พุดจบ คลื่นพลังนับสิบก็เกือบจะถึงตัวเขาแล้ว
แต่ทว่า เขากลับเลือกเมินพวกมัน
วินาทีต่อมา คลื่นพลังก็กลืนกินเขาไป
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น
แม้กระทั่งหลินฮวงก็ยังเลิกคิ้วพอได้ยินเสียงกรีดร้องนั่น เขามองไปที่เวอชุโอโซอย่างสับสน
“เจ้าทำได้ไง?”
“ข้าสามารถคัดลอกภาพในจินตนาการได้”คำอธิบายของเวอชุโอโซง่ายมาก
แต่ทว่า คำอธิบายนี้ไม่ตอบข้อสงสัยของหลินฮวง เขายังคงจ้องเวอชุโอโซ อดทนรอให้เขาอธิบายเพิ่ม
“ภาพในจินตนาการสามารถเปลี่ยนเป็นภาพจริงได้”เวอชุโอโซเงียบไป จากนั้นก็พูดต่อ
“มันคล้ายกับทักษะคอกลอกเปล่า?”หลินฮวงคิดถึงการ์ตูนยอดนิยมที่เคยอ่านบนโลก ซึ่งมันมีความสามารถเนตรวงแหวน
“มันไม่ใช่แค่การคัดลอกง่ายๆ”จิ่วเจี้ยนอดพูดแทรกไม่ได้ เขาชำเลืองมองเวอชุโอโซ
เวอชุโอโซพยักหน้าให้เขาและจิ่วเจี้ยนก็พูดต่อ”พูดให้ถูก สิ่งที่เรียกว่าภาพคือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกรอบเวลาที่กำหนด”
“ความสามารถนี้ของเวอชุโอโซเหมือนกับการาถ่ายภาพด้วยกล้องหรือบันทึกวิดิโอ มันจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในกรอบเวลานั้น”
“เดิมที มันเป็นแค่ความสามารถเทวะขยะที่ทำได้แค่ใช้บันทึกข้อมูลเท่านั้น แต่ทว่า โดยบังเอิญ ข้ารู้ว่าข้าสามารถแปลงภาพในจินตนาการให้เป็นจริงได้”เวอชุโอโซอธิบายต่อ
“ในการโจมตีเหมือนก่อนหน้า เจ้าจำลองได้มากสุดกี่ภาพ?”หลินฮวงถาม ไม่ใช่เพราะเขาสอดรู้สอดเห็นความสามารถของเวอชุโอโซ แต่เพื่อที่เขาจะได้ร่วมมือกันดีขึ้น
เวอชุโอโซลังเลแต่ก็ตอบ”หนึ่งคือขีดจำกัดของข้า”
เขาไม่ได้อธิบายไปมากกว่านั้น ที่ระดับความสามารถปัจจุบัน มากสุดคือเขาสามารถคัดลอกได้แค่ภาพที่ระดับต่ำกว่ากึ่งจ้าวเทวะ ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีก่อนหน้าของหลินฮวงถือเป็นจุดสูงสุดของเทพสวรรค์แล้ว ซึ่งถือว่าใกล้กับระดับกึ่งจ้าวเทวะ การคัดลอกภาพจริงหนึ่งภาพถือเป็นขีดจำกัดเขาแล้ว
“แล้วเจ้าใช้ความสามารถนี้ได้มากสุดกี่ครั้ง”หลินฮวงถามต่อ
“ถ้าข้าไม่แปลงสิ่งของเป็นภาพจริง ในทางทฤษฏี ข้าใช้ได้นับครั้งไม่ถ้วน”เวอชุโอโซตอบ”แต่ทว่า ถ้าข้าแปลงเป็นภาพจริงและใช้พวกมันเพื่อโจมตีด้วยความรุนแรงระดับเดียวกับก่อนหน้า ข้าจะใช้ได้มากสุดสามครั้งต่อวัน”
“อืม”หลินฮวงไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
เขารู้สึกอิจฉาความสามารถของเวอชุโอโซเล็กน้อย แต่ไม่ได้วางแผนขอรายละเอียดเพิ่ม เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถเทวะของทุกคนคือเรื่องส่วนตัว คำถามที่เขาถามคือสิ่งที่เขาต้องรู้เพื่อสู้กับศัตรู
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้ร่วมมือกับเวอชุโอโซมาและตอนนี้ก็คุ้นเคยกันดี เขาอาจลำบากใจเล็กน้อยที่จะถามคำถามแบบนี้
หลินฮวงเงยหน้าขึ้น มองไปในทิศทางที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคลื่นพลังนับไม่ถ้วน
“ถ้าการจู่โจมรอบนี้ยังจัดการมันไม่ได้ เราก็ควรเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในภายหลัง.”
โดยธรรมชาติ เก้าถาวัลย์ไม่สามารถได้ยินคลื่นเสียงระหว่างพวกหลินฮวง
เขาจ่ายราคาหนักพอสมควรจากการคิดว่าการโจมตีของเวอชุโอโซเป็นแค่ภาพลวงตา
เขาตระหนักว่าหนึ่งในคลื่นพลังลวงตากว่าสิบนั้นคือของจริงวินาทีที่โดนเข้า แต่ทว่า ตอนนั้น มันก็สายเกินไปแล้วที่เขาจะหลบ
การโจมตีครั้งนี้ของหลินฮวงเกือบเท่ากับการโจมตีเต็มกำลังของเก้าเถาวัลย์และเวอชุโอโซก็จำลองมันอย่างครบถ้วน
พอไม่เห็นหนทาง เก้าเถาวัลย์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากอดทน การโจมตีได้ผลาญพลังเทวะภายในตัวเขาไปเกือบหนึ่งในห้า
ไม่ช้า คลื่นพลังก็สลายหายไปและร่างของเก้าเถาวัลย์ก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากในควัน
เขาไม่หยิ่งเหมือนเดิม เขากลับดูน่าสมเพช ซึ่งทำให้พวกหลินฮวงลอบตื่นเต้น
หลังเสียท่า เก้าเถาวัลย์ก็ลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ เขาจ้องเวอชุโอโซเขม็ง
“ช่างเป็นวิชาที่สุดยอดยิ่งนัก!”จากน้ำเสียงของเก้าเถาวัลย์ มันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังกัดฟัน
“เจ้าก็พูดไป”เวอชุโอโซยอมรับ’คำชม’นี้
เก้าเถาวัลย์แค่นเสียง จากนั้นก็หันไปมองหลินฮวง ร่องรอยความมกลัวไหววูบผ่านดวงตาเขา
เทียบกับเวอชุโอโซ เขากลัวหลินฮวงกว่า
แม้มันจะเป็นเวอชุโอโซที่ทำให้เขาบาดเจ็บ แต่การโจมตีที่เวอชุโอโซเลียนแบบก็คือวิชาของหลินฮซง
ตามการต่อสู้ครั้งก่อน เขามีความเข้าใจบางอย่างถึงความสามารถของทั้งสามและตำแหน่งที่ยืน ปัจจุบัน ในหัวเขา ระดับความอันตรายที่มันมอบให้ทั้งสามคือ หลินฮวง-เวอชุโอโซ-จิ่วเจี้ยน
พูดให้ถูก หลินฮวงกับเวอชุโอโซเป็นแค่สองคนที่คุกคามเขาได้ จิ่วเจี้ยนนั้นแทบโดนเมิน
แน่นอน เขาไม่ได้มองข้ามจิ่วเจี้ยนไปอย่างสมบูรณ์
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บ่มเพาะกระบี่เป็นผู้บ่มเพาะที่มีความสามารถโจมตีรุนแรงสุด
บางที จิ่วเจี้ยนอาจจงใจบิดปังความสามารถเขา รอโอกาสโจมตีตอนที่เขาไม่ทันระวังตัว