ดินแดนหุบเหวภัยพิบัติยังเต็มไปด้วยบรรยากาศน่าขนลุกเช่นเคย
หลินฮวงกับพรรคพวกเลือกกลับเส้นทางเดิม
ภายใต้การนําของถูทงและหลานหลิง ทั้งห้าเขตอาณาเขตของตะกละก่อน
เทียบกับก่อนหน้า ทั้งห้าผ่านได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาก็ผ่านอาณาเขตของตะกละไปได้
แต่ทว่า ในเวลาหนึ่งชั่วโมงสั้นๆนี้ หลินฮวงฆ่าพวกตะกละไปกว่าสองร้อย ประสิทธิภาพการฆ่าของเขาไม่ต่ําไปกว่าตอนแรกที่ต้องใช้เวลาเต็มวัน
หลังผ่านอาณาเขตของตะกละ พวกเขาก็เดินทางกลับเส้นทางเดิม ผ่านอาณาเขตของความ โลภริษยาและความโกรธ
จํานวนกฏเทพที่หลินฮวงปล้นมาเพิ่มขึ้น
กว่าสี่ชั่วโมงต่อมา สุดท้ายทั้งห้าก็ออกดินแดนหุบเหวภัยพิบัติได้
ตามเส้นทางในความทรงจํา ไม่ช้าหลานหลิงก็พบวงกตแมลงปีศาจที่ทั้งห้าเข้าตอนมาถึงหุบเหว
สีหน้าของถูทงกับหลานหลิงดูไม่สบายใจพอจ้องวงกตแมลงปีศาจ
ไม่มีใครในหุบเหวเต็มใจเข้าวงกตแมลงปีศาจ
เหตุผลหนึ่งคือมีอสูรเผ่าแมลงมากมายภายในวงกต คนเราสามารถหมดแรงตายได้แค่สู้กับพวกมัน
อีกเหตุผลคือทันทีที่เข้าวงกต มันยากมากที่จะหาทางออกและออกมาแบบเป็นๆ
โชคดี หลินฮวงกับคนอื่นไม่ต้องการหาทางออก ทั้งหมดที่พวกเขาต้องทําคือหาพิกัดที่ทั้งห้าใช้ เพื่อเคลื่อนย้ายเข้าไปในวงกตแมลงปีศาจตอนแรก
มีจุดบอดมิติมากมายในหุบเหวที่เชื่อมต่อกับโลกต่างๆ
เวอซุโอโซยังบันทึกจุดบอดมิติมากมายไว้ แต่ทว่า ปัญหาคือมีเรื่องเกิดขึ้นกับพิกัดตอนพวกเขาเคลื่อนย้ายเข้า เช่นนั้น พวกเขาจึงถูกส่งไปยังพื้นที่นอกแผนที่ที่เวอชุโอโซคุ้นเคย
นอกจากจุดบอดมิติที่ทั้งห้าใช้เข้ามา พวกเขาไม่รู้เลยว่าจุดบอดอื่นอยู่ไหน ต่อให้พบจุดบอดมิติอื่น พวกเขาก็ไม่กล้าใชเพวกเขาไม่รู้ว่ามันจะนําพวกเขาไปที่ใด
ดังนั้น ตัวเลือกดเยวของพวกเขาคือกลับไปจุดที่พวกเขาเข้ามา
จุดนั้นดันอยู่ในวงกตแมลงปีศาจด้านหน้าพวกเขา
ครั้งนี้ พวกเขาไม่ต้องฝืนฝ่าเข้าไป
วงกตแมลงปีศาจต่างจากสถานที่อื่น แค่จํานวนสิ่งมีชีวิตอย่างเดียวก็มากพอทําให้พวกเขาหมดแรงตาย
ยิ่งไปกว่านั้น โครงสร้างภายในของวงกตแมลงปีศาจซับซ้อนมาก ถ้าพวกเขากระตุ้นศัตรูและโดนเผ่าแมลงไล่ล่า มันยากมากที่พวกเขาจะหาพิกัดถ้าพวกเขาตื่นตระหนกและไปผิดทาง
ตามแผนที่พวกเขาหารือระหว่างทาง ทั้งห้าจะใช้ภาพลวงตาของเวอชุโอโซเพื่ออําพรางตัวเองเป็นหนอนเท้าดาบห้าตัว
หนอนเท้าดาบคือกลุ่มลาดตระเวนทั่วไปในวงกตแมลงปีศาจ
“ภาพลวงตาของข้ามีผลจํากัดเฉพาะเทพสวรรค์ขั้นเก้า หวังว่าเราจะโชคดีนะ” เวอชุโอโซเตือ นล่วงหน้า
หลังทั้งห้าอําพรางตัวเสร็จ พวกเขาก็ตรงไปทางเข้าวงกตทีละคน
“เราถือว่าโชคดี” ถูทงถอนหายใจโล่งอกตอนตระหนักว่าไม่มีแมลงแถวนี้
“ทางนี้” หลานหลิงชี้และรีบนําทาง
แม้พวกเขาจะรู้สึกใจร้อน แต่ทั้งห้าก็ไม่กล้าเผยจุดบกพร่องที่อาจทําให้ศัตรูรู้ตัว พวกเขาทําได้ แค่เคลื่อนที่ช้า ๆ ตามความเร็วลาดตระเวนปกติของหนอนเท้าดาบ
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างราบรื่นดี
พวกเขาเจอแมลงบางตัวระหว่างทาง และก็ยังเดินผ่านจุดรวมตัวของแมลง แต่ไม่โดนพบ
แต่ทว่า ตอนพวกเขาพบด้วงยักษ์ เวอชุโอโซกลับแนะนําให้พวกเขาซ่อนในนั้น
ตลอดทาง พวกเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่เจอกับอสูรแมลงที่มีพลังจิตทรงพลังจนมองพวกเขาออก มันปลอดภัยกว่าที่จะซ่อนตัวในตัวของด้วงยักษ์เน่าเปื่อย
ทั้งห้าไม่ค้าน จริง ๆ แล้ว ทั้งห้าจําได้ว่าพวกเขาเองก็เคยซ่อนในตัวด้วงยักษ์เมื่อเดือนก่อนตอนเข้าวงกตแมลงปีศาจ
ด้วงยักษ์แสนน่าสงสารตัวนี้ต้องทนชะตากรรมเดียวกับเพื่อนร่วมเผ่ามัน
หลังเวอชุโอโซควบคุมสิ่งมีชีวิตด้วยทักษะลวงตา หลินฮวงก็เฉือนเปิดท้องมัน ทั้งห้าปิดกลั้นประสาทสัมผัสกลิ่นและคลุมตัวเองด้วยจิตเทวะ จากนั้นก็มุดเข้าไปในตัวด้วงที่บละคน ลดกลิ่นอายพวกเขาให้ได้มากสุดเท่าที่จะทําได้
ภายใต้การควบคุมของเวอชุโอโซ ด้วงยักษ์หมุนตัวและค่อยๆ เคลื่อนไปในทิศทางที่ทั้งห้าเคยมา
ด้วงยักษ์เน่าเปื่อยเหล่านี้ไม่ได้รับการต้อนรับในวงกตนัก
พวกมันมีสติปัญญาต่ํา และพวกมันก็เดินช้ามาก กลิ่นเหม็นเน่าเปื่อยรุนแรงยังแผ่จากตัวพวกมัน และพวกมันก็ยังมีพิษร้ายแรงอีกด้วย โดยปกติ ไม่มีแมลงตัวใดเต็มใจเข้าใกล้พวกมัน
วงกตแมลงปีศาจยอมรับการอยู่ของด้วงยักษ์เพราะพวกมันกินขยะที่แมลงตัวอื่นทิ้ง พวกมันคือพวกกินเศษขยะของทั้งวงกต
พวกมันจะเร่ร่อนในหมู่เผ่าแมลงต่างๆทุกวันเพื่อค้นหาเศษอาหารเหลือ
ไม่ว่าพวกด้วงยักษ์จะไปไหน แมลงทุกตัวจะไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มของหลินฮวงซ่อนตัวในตัวของด้วงยักษ์ และพวกเขาก็พบว่าครั้งนี้ง่ายกว่าเดิมมาก
มันยังให้ความรู้สึกเหนียวหนืดและน่าขยะแขยงเหมือนเดิม
ตอนนี้ที่พวกเขาชินแล้ว หลินฮวงจึงมีความคิดไร้สาระในหัว”ถ้าไม่ใช่เพราะกลิ่นเหม็นรุนแรงของการเน่าเปื่อย พิษกัดกร่อนอนุภาคพลังงานหุบเหว และความเหนียดเหนอะหนะนี้ เจ้าตัว นี้สามารถถือได้ว่าเป็นสัตว์ขีชั้นเลิศ อย่างน้อยมันก็เดินได้อย่างมั่นคง ทําให้เรารู้สึกเหมือนกําลังลอยเลย
สมาชิกทั้งห้าของกลุ่มเงียบไปนานในท้องของด้วงยักษ์
นอกจากหลานหลิงที่พูดบอกทางเป็นครั้งคราว คนอื่นไม่พูดอะไร
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทุกคนไม่มีกะจิตกะใจจะคุย ทั้งหมดที่ต้องการคือไปถึงจุดหมาย ให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกจากสภาพแวดล้อมเช่นนี้
“พวกเจ้ามีแผนจะทําอะไรหลังเราออกไปจากที่นี่?”หลินฮวงอดทําลายความเงียบไม่ได้
“ปิดประตูบ่มเพาะเพื่อหลอมผนึกเจ้าปราสาท จากนั้นก็เลื่อนเป็นเทพสวรรค์” คําตอบของเวอชุโอโซเรียบง่าย
เมื่อเห็นว่าเวอชุโอโซไม่คิดพูดอีก ถูทงก็พูดต่อ” ข้าเองก็จะปิดประตูบ่มเพาะเพื่อ ทะลวงเป็นเทพสวรรค์เช่นกัน”
“ข้าด้วย” หลานหลิงพูดตาม
“ข้าเองก็เห็นแจ้งบางอย่างในการเดินทางครั้งนี้” จิ๋วเจี้ยนเหลือบมองหลินฮวงตอนเขาพูด “ข้าเตรียมจะปิดประตูบ่มเพาะสักพักเพื่อทําความเข้าใจ ข้าจะคิดถึงการยกระดับพลังข้าทีหลัง”
“ แล้วเจ้ายังวางแผนจะอยู่ในเคียวแห่งความตายต่อไหม?”เวอชุโอโซถามหลินฮวง
“ข้าคิดว่าเคียวแห่งความตายค่อนข้างดี” หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม” พวกเขามีทรัพยากรและเชื่อถือได้ ข้าไม่ต้องกังวลอะไร”
“เจ้าสนใจมาเยี่ยมสโมสรหน่อยไหม?”เวอชุโอโซใช้คลื่นเสียงเพื่อถามเรื่องนี้
หลินฮวงตกใจตอนได้ยินทันทีทันใด เขารีบถามผ่านคลื่นเสียง” สโมสรมีสาขาในมหาพิภพด้วยเหรอ?”
“มีสิ มีสาขาอยู่ทุกโลกที่มีสมาชิกสโมสร” หลังพูด เวอชุโอโวก็รู้สึกว่าเขาไม่ระวังพอ เขาจึงพูด เสริม “มีโลกแค่หยิบมือที่มีสมาชิกหนึ่งหรือสองคน ดังนั้นจึงไม่มีสาขาอะไรที่นั้น จํานวนสมาซิกต่ําเกินไป”
“มีสมาชิกมากแค่ไหนในสาขาของมหาพิภพ?” หลินฮวงถาม
“นับรวมเจ้ากับข้า มีห้าคนที่ยังมีชีวิต” เวอชุโอโซอธิบาย”มีคนสองคนที่เป็นเหมือนเจ้า พวกเขาเป็นคนท้องถิ่น ส่วนอีกคนเป็นเหมือนข้าร่างแยกของสิ่งมีชีวิตกลับชาติมาเกิดใหม่”
“แล้วระดับพลังของพวกเขาละ?” หลินฮวงถามเพิ่ม
“นอกจากเราสองคน พวกเขาล้วนเป็นจ้าวเทวะ” คําตอบของเวอชุโอโซทําให้หลินฮวงเงียบไป
หลังพิจารณาสักพัก หลินฮวงก็ส่ายหัว” สําหรับตอนนี้ ข้าจะยังไม่ติดต่อทั้งสาม”
เขาไม่มั่นใจว่าจะมีสายจากไรเดอร์ในหมู่ทั้งสามไหม
ในความเป็นจริง แม้เขาจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเวอชุโอโซบ้างตลอดการเดินทางนี้ เขาก็ยังไม่เชื่อใจเวอชุโอโซอย่างสมบูรณ์และยังไม่ตัดเขาออกจากการเป็นไรเดอร์
นอกจากนี้ ก่อนเขาจะมีความสามารถป้องกันตัวเอง เขาไม่อยากเปิดเผยตัวและดึงความสนใจของพวกไรเดอร์ โดยเฉพาะไรเดอร์ระดับจ้าวเทวะ
“ดีมาก ข้าเข้าใจ” เวอชุโอโซดูเหมือนจะอ่านความคิดของหลินฮวง”ถ้าเจ้าไม่ ไปเจอพวกเขาเอง ข้าก็ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนพวกเขาให้เจ้าฟังได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจว่าทําไม”
“ข้าเข้าใจ” หลินฮวงพยักหน้า
การสนทนาระหว่างทั้งคู่กินเวลาแค่ชั่วขณะ จิ่วเจี้ยนกับคนอื่นจึงไม่รู้ตัว
ตอนนี้ที่หลินฮวงได้เปิดเรื่อง ทั้งห้าจึงฝืนคุยกัน
หลังผ่านไปประมาณสองชั่วโมง มีเรื่องน่าหวาดเสียวบ้าง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายด้วงยักษ์ก็พาทั้งห้าไปยังจุดที่พวกเขาได้กําหนดพิกัดไว้ตอนเข้ามา
หลังเวอชุโอโซเตือนทุกคน ทั้งห้าก็ออกจากตัวด้วงยักษ์ที่ละคน
เวอชุโอโซยังระมัดระวังและไม่ลบภาพลวงตาที่อําพรางทั้งห้า
พวกเขาเหลือบมองด้วงยักษ์ สุดท้ายก็ไม่ฆ่ามัน พวกเขากลับปล่อยให้เวอชุโอโซลบความทรงจํามันและส่งมันไปตามทา
ไม่นานหลังด้วงยักษ์ไป เวอชุโอโซก็นําตัวกระสวยอวกาศขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์ออกมาและทําการประสานมือ
วินาทีต่อมา กระสวยก็ฉีกเปิดวังวนมิติในความว่างเปล่า
แทบจะในเวลเดียวกัน ทั้งวงกตแมลงปีศาจเริ่มสั่นสะเทือนอย่างแรง กลิ่นอายน่ากลัวฟูงพรวดขึ้นจากใต้ดิน
“ราชินีแมลงตื่นแล้ว?!”
หลินฮวงกับคนอื่นรีบก้าวเข้าไปในวังวนมิติโดยไม่ลังเล กลัวว่ามันจะสายเกินไป
ทันทีที่วังวรปิด กรงเล็บแหลมก็แทงทะลุผ่านชั้นอากาศและกระทบจุดที่วังวนหายไป
หลังจากนั้น เสียงกรีดร้องแหลมก็ดังสะท้อนไปทั่วทั้งวงกตแมลงปีศาจ