ตอนที่ 1598 เพลิงหายนะ
.
ในวังจอมเทพ หลินฮวงคัดรางวัลที่เขาได้รับจากการเดินทางไปหุบเหวอย่างอดทน
ผลประโยชน์สูงสุดคือระดับพลังเขาที่ทะลวงผ่านสองชั้น เขาได้เลื่อนจากเทพแท้จริงขั้นแปดเป็นขั้นสิบ
แม้เขาจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดของขั้นสิบ เขาก็เชี่ยวชาญกฏกว่าพันห้าร้อยล้านประเภทแล้ว
ตามสถิติก่อนหน้า หลินฮวงเดาว่าเขาอาจต้องสะสมให้ถึงพันแปดร้อยล้านเพื่อถึงขีดจํากัด
นี่ไม่ยากสําหรับหลินฮวงเลย มันเป็นแค่เรื่องของเวลา
ในความเป็นจริง ตอนนี้เขาสามารถเริ่มคิดถึงวิธีเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ได้
แต่ทว่า เขาเก็บปัญหานั้นไว้ก่อนและเริ่มตรวจสอบผลประโยชน์ที่ได้
ตลอดหนึ่งเดือนของการฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพสวรรค์ต่างๆในหุบเหว นอกจากปล้นพลังกฏเทพ เขายังปล้นห่วงโซ่ลําดับเทพได้กว่าสองพัน ห่วงโซ่ลําดับเทพในเขตแดนเทพภายในตัวเขามีเกินสามพันแล้ว
เขาได้รับเศษเสี้ยวเขตแดนเทพกว่าห้าพัน
โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่ไม่กล้าหลอมเศษเสี้ยวเขตแดนเทพของสิ่งมีชีวิตหุบเหว เพราะมันยังมีพลังงานหุบเหวจํานวนมากอยู่ภายใน พลังงานเช่นนั้นปนเปื้อนมาก
แต่ทว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาสําหรับหลินฮวง
เพลิงนิรันดร์ที่ทิ้งไว้โดยนิ้วทองคําของฉีหมิงเซี่ยงสามารถดูดและแปลงพลังงานทุกชนิดได้รวมถึงพลังงานหุบเหว
คนอื่นคงกลัวพลังงานหุบเหว กังวลว่าอาจปนเปื้อน แต่ทว่า สําหรับเพลิงนิรันดร์ พลังงานหุบเหวช่างหอมหวาน
ทั้งหมดที่หลินฮวงต้องทําคือรอให้เพลิงนิรันดร์กลืนพลังงานหุบเหวจนหมด จากนั้นก็เริ่มหลอมและผสานเศษเสี้ยวเขตแดนเทพกว่าห้าพัน
นอกจากทรัพยากรเหล่านี้ที่เขาสามารถใช้ได้โดยตรง หลินฮวงยังได้รับวัตถุดิบจํานวนมากจากสิ่งมีชีวิตหุบเหว ไม่ใช่แค่นั้น ส่วนใหญ่คือวัตถุดิบระดับเทพสวรรค์
พวกมันถือเป็นของวิจัยระดับสูง หลายคนยังสามารถใช้เพื่อหลอมอาวุธและยา
ตามปริมาณและคุณภาพของวัตถุดิบที่เขาครอบครองตอนนี้ หลินฮวงรู้สึกว่าเขาจะได้รับราคาดี
โดยธรรมชาติ รายได้เขารอบนี้ยรวมถึงต้นนิพพานกว่าร้อย แต่หลินฮวงไม่วางแผนขายพวกัน
เวอชุโอโซได้ให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับต้นนิพพานมา เพียงแค่เขามองเขาก็ตระหนักทันทีว่าต้นไม้เหล่านี้มีค่ามากแค่ไหน ถ้าเขาไม่บังคับเก้าเถาวัลย์ให้จนตรอก อีกฝ่ายคงไม่คิดใช้พวกมันและพวกเขาก็คงไม่ได้พวกมันสักต้น!
นอกจากผลประโยชน์ผิวเผินเหล่านี้ หลินฮวงยังได้รับการ์ดทักษะกับการ์ดมอนสเตอร์หลายใบจากเสี่ยวเฮย
ท่ามกลางการ์ดมอนสเตอร์กว่าสิบ นอกจากเก้าเถาวัลย์เกราะเงินระดับเทพสูงสุด ผู้เป็นเทพสวรรค์ขั้นเก้า ยังมีการ์ดมอนสเตอร์ระดับกึ่งเทพสูงสุดสองใบ พวกมันคือความโลภจากเผ่ามารพุทธ และริษยา ทั้งสองครอบครองพลังต่อสู้ระดับสูง และก็ถือเป็นเทพสวรรค์ชั้นเจ็ด
หลังใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อคัดของ สุดท้ายหลินฮวงก็เอาของที่มีมูลค่าสูงสุดจากมิติเก็บของออกมา
วัตถุนี้คือสีแดง เป็นผลึกขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือทรงสามเหลี่ยม สีมันคล้ายกับทับทิมต้องแสง แต่รูปร่างมันเหมือนเศษกระจกแตกชิ้นใหญ่
ของชิ้นนี้ที่ไม่แผ่ร่องรอยพลังเทวะสักนิดคือค่าจ้างของเวอชุโอโซที่จ่ายให้เขาเศษเสี้ยวผนึกวิญญาณ
ผนึกวิญญาณคือสิ่งที่หลงเหลือของผนึกเต๋าหลังจ้าวเทวะตาย
เนื่องจากผนึกเต๋าอาจโดนบดขยี้เป็นชิ้นส่วนที่ต่างกัน แต่ละชิ้นจึงมีข้อมูลต่างกัน
ตัวอย่างเช่นชิ้นส่วนผนึกดาบที่หลินฮวงได้รับจากเวอชุโอโซก่อนหน้า ในความเป็นจริง ไม่ใช่ชิ้นส่วนผนึกดาบทั้งหมดที่จะมีมรดกเต๋าดาบ บางอันอาจมีมรดกเต๋าดาบสมบูรณ์ ขณะที่บางอันอาจมีมรดกเต๋าดาบไม่สมบูรณ์ และบางอันอาจมีแค่ทักษะดาบหรือภาพความทรงจําเกี่ยวกับการบ่มเพาะ
พูดง่ายๆ การหลอมชิ้นส่วนผนึกเต๋าก็เหมือนการเปิดกล่องลับ
คนโชคดีอาจได้รับมรดกสมบูรณ์จากเส้นทางบ่มเพาะหลักของจ้าวเทวะ คนที่โชคไม่ดีอาจได้แค่ภาพความทรงจํา
ทันทีที่หลินฮวงกลับสู่มหาพิภพ เขาก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเข้าวังจอมเทพ นอกจากคัดของ วัตถุประสงค์หลักของเขาคือเปิดกล่องลับ…ไม่สิ เพื่อหลอมชิ้นส่วนผนึกวิญญาณนี้
เขาเพ่งมองชิ้นส่วนผนึกวิญญาณในมือ แสงสีแดงภายในผลึกดูเหมือนลาวา มันยังคล้ายกับถ่านไฟที่ติดไฟ
หลินฮวงมีความคิดคร่าวๆถึงเส้นทางบ่มเพาะหลักของเต๋าดาบนี้ของจ้าวเทวะ
โดยไม่ลังเล เขาแผ่จิตเทวะออกไปและห่อหุ้มมันรอบชิ้นส่วนผนึกวิญญาณ วาดมันระหว่างคิ้ว
ภายใต้การนําของจิตเทวะ ชิ้นส่วนผนึกวิญญาณตกมาเหมือนอุกกาบาต มุ่งตรงเข้ามิติภายในตัวหลินฮวง
วินาทีที่มันตกเข้ามิติภายในตัว ผลึกก็เริ่มเผาไหม้อย่างแรง แผ่ประกายไฟนับไม่ถ้วน
ในเวลาเดียวกัน ลวดลายเทวะสีทองนับไม่ถ้วนก็สว่างบนผิวผลึก แสงจากมันยิ่งสว่างขึ้น
หลังลวดลายสว่าง ผลึกทั้งชิ้นก็เริ่มแสดงรายร้าว ไม่ใช่แคนั้น พอลวดลายเทวะยิ่งสว่าง รอยร้าวก็ยิ่งใหญ่
สุดท้าย ผลึกก็สลายอย่างสมบูรณ์ เปลี่ยนเป็นดาวสีแดงเลือด
ในขณะเดียวกัน ลวดลายเทวะก็หมุนอย่างรวดเร็วเหมือนงูสีทองตัวน้อยที่วิ่งใส่วิญญาณดาบของหลินฮวง
พวกมันเปลี่ยนเป็นกระแสแสงสีทองที่เจาะกึ่งกลางระหว่างคิ้วของวิญญาณดาบ
แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินฮวงรู้สึกปวดหัวและข้อความแปลกๆไร้สิ้นสุดก็พุ่งเข้ามาทันที
เขารีบใช้จิตเทวะตรวจดูว่ามีมรดกเคล็ดบ่มเพาะอะไรไหม แต่ทว่า เขาไม่คิดหาเคล็ดบ่มเพาะวิญญาณของเทพ เขากลับพบแค่เคล็ดบ่มเพาะธาตุไฟที่เรียกว่าเพลิงหายนะ
ขณะที่หลินฮวงกําลังรู้สึกผิดหวัง เขาก็เห็นประกายไฟส่องสว่างบนคิ้วของวิญญาณดาบ
“นี่ นี่คือประกายไฟของเพลิงหายนะ?!” ข้อความมรดกถูกส่งเข้าหัวของหลินฮวงทันที
หลังประกายไฟสว่าง มันก็เริ่มลุกลามจากคิ้วของวิญญาณดาบด้วยความเร็วสูง ภายในหนึ่งลมหายใจ มันก็ครอบคลุมทั้งวิญญาณดาบ
“เกิดอะไรขึ้น?!”
หลินฮวงตกใจตอนเห็น เขายังมึนงงเล็กน้อย
ความเจ็บปวดมหาศาลและความรู้สึกร้อนแผดเผาที่แผ่จากวิญญาณดาบยังทําให้เขาเจ็บปวดเหมือนจะตาย การแผดเผานี้ยังเจาะจงที่วิญญาณเทพของเขา
แต่ทว่า ไม่ช้าเขาก็เห็นฉากที่น่ากลัวยิ่งกว่า
ไฟจากเพลิงหายนะไม่เพียงลุกลามไปทั่วทั้งตัววิญญาณดาบแต่ยังเริ่มลุกลามไปพื้นที่นอกวิญญาณดาบ
วันเวลาผ่านไป ท่ามกลางความเจ็บปวดสุดระทม หลินฮวงมองไฟแผดเผาทุกสัดส่วนภายในตัวเขา
ไฟยังลุกลามมานอกร่างกายเขาจนกระทั่งกายเนื้อของเขาเริ่มไหม้
แม้กระทั่งกายพลังจิตของเขาก็ยังติดไฟทุกเส้น
ความรู้สึกแผดเผารุนแรงกระจายไปทุกเส้นประสาทในตัวหลินฮวง เขาคิดไม่ออกเลยถึงวิธีดับไฟ แต่ทว่า วลีหนึ่งก็แวบผ่านหัวเขา
“จิตวิญญาณแท้จริงจักไม่ตาย มันจะคืนชีพท่ามกลางหายนะนับไม่ถ้วน!”
ท่ามมกลางความสับสน หลินฮวงไม่อาจจําได้ว่าเขาไปเห็นวลีนี้ตอนไหน แต่ทว่า สุดท้ายเขาก็เริ่มสงบอารมณ์ตัวเอง เขาไล่ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดและเข้าสู่สภาวะว่างเปล่า
ร่างกายที่แผดเผาในวังจอมเทพเสียพลังชีวิตมันทีละนิด
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน..
ร้อยวัน สองร้อยวัน สามร้อยวัน…
พันวัน สองพันวัน สามพันวัน
ไฟแผดเผาอยู่3333วันเต็มก่อนจะมอดดับไป
ณ จุดที่หลินฮวงนั่งสมาธิอยู่นั้น มันเหลือเพียงร่างกายที่ไหม้เกรียม แม้กระทั่งเค้าโครงหน้าก็ยังไม่เหลือสภาพเดิม
หลังผ่านไปสักพัก พลังชีวิตกลุ่มหนึ่งพลันระเบิดจากร่างที่ไหม้เกรียม
ศพไหม้เกรียมที่นั่งสมาธิอยู่พลันลืมตาขึ้น