ถ้าหากโชคร้ายมากพอ แม้แต่พริกติดฟันทั้งวันก็ไม่สามารถเอาออกได้ ซู่ฮ่องกงรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเขาโชคร้ายเป็นพิเศษ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะพบอาจารย์ขอตัวเองอยู่ที่แท่นบูชาหยกเขียวแห่งนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ตัวเขาจะรู้สึกตกใจและหวาดกลัว
ในเวลาเดียวกันผู้ฝึกยุทธที่ไล่ตามซู่ฮ่องกงมาก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน
ในตอนนั้นกรงสี่เหลี่ยมได้ตกลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่จะตรงไปยังที่ที่ซู่ฮ่องกงอยู่
‘หวังว่ามันจะโดนนะ ขอให้ฉันโชคดีด้วยเถอะ! ‘ ลู่โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองออกมา “ถ้าโชคดีแบบนี้ฉันน่าจะลองจับฉลากนำโชคดูซะหน่อย…”
“ท่านอาจารย์ ท่านจะจับอะไรหรอ? “
ลู่โจวไม่ได้สนใจหยวนเอ๋อ ตัวเขากำลังจดจ่ออยู่กับผลลัพธ์จากการใช้ผนึกกรงกักขัง ในตอนที่กรงเริ่มขยายขนาดขึ้นมา ในตอนนั้นอยู่ดีๆ มันก็ได้หายไปในพริบตา ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่สำเร็จอย่างงั้นหรอ!
ผู้ฝึกยุทธที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างตกตะลึง
ใบหน้าของลู่โจวเปลี่ยนสีไป การ์ดใบนี้ทำให้ตัวเขาต้องใช้แต้มบุญทั้งหมด 200 แต้มด้วยกัน และในตอนนี้มันก็สูญเปล่าไปแล้วนั่นเอง
‘ฉันควรจะใช้อีกครั้งไหม? แล้วถ้าหากมันพลาดขึ้นมาอีกล่ะ? โอกาสสำเร็จในการใช้มีเพียง 30% เท่านั้น ถ้าหากพลาดแล้วพลาดอีกฉันจะต้องเสียแต้มบุญไปฟรีๆ แน่’
ในขณะที่ลู่โจวกำลังคิดถึงทางเลือกที่เหลืออยู่ ในตอนนั้นศิษย์คนที่แปดของเขาอย่างซู่ฮ่องกงกับคิดต่างออกไป ‘ท่านอาจารย์คิดจะปล่อยให้ข้าหนีรอดได้สินะ! ‘
‘จะต้องหนี หนีให้เร็วกว่านี้! ‘ ซู่ฮ่องกงรีบบินเข้าไปในส่วนลึกของป่าอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่ซู่ฮ่องกงใช้เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้เลย!
ลู่โจวมีสัตว์ขี่ในตำนานอย่างบี่เอี๊ยนอยู่ ถ้าหากตัวเขาต้องการที่จะไล่ล่าซู่ฮ่องกง ลู่โจวจะต้องสามารถตามทันได้แน่ แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวจะต้องใช้การ์ดพิเศษของเขาจับกุมศิษย์ทรยศคนนี้ โอกาสในการจับกุมสำเร็จนั้นไม่ได้มีมากมายอะไร และถึงแม้ว่าจะให้หยวนเอ๋อช่วยแต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่ได้มีพลังมากพอที่จะเอาชนะศิษย์คนที่แปดคนนี้ได้ ลู่โจวต้องการให้หยวนเอ๋ออยู่ใกล้ๆ เพื่อที่จะปกป้องตัวเขามากกว่า และเป็นเพราะความรู้สึกผิดหวังที่ได้มาจากการจับฉลากนำโชคทำให้ลู่โจวรู้สึกแย่ในตอนนี้ ‘ลืมมันไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวค่อยตามไปจับมันทีหลัง คนทรยศนั่นก็แค่โชคดีเท่านั้น! ฉันจะต้องจับมันให้ได้ก่อนที่จะลองเสี่ยงโชคอีกครั้ง! ‘
การจะจับซู่ฮ่องกงได้ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับลู่โจว ตัวเขามีทั้งเวลาและโอกาสมากมายที่จะจับศิษย์ทรยศคนนี้ แต่ในตอนนี้ลู่โจวจะต้องปล่อยศิษย์คนนี้ไปก่อน ตัวเขามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นจะต้องทำ
“ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์! เร็วเข้า! เจ้าคนทรยศนั่นกำลังหนีไป! ” หยวนเอ๋อรีบตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ
“ไม่เป็นไร ปล่อยเจ้านั่นไปก่อน” ลู่โจวโบกมือก่อนจะพูดต่อไป “ข้ามีเรื่องที่จะต้องสะสางก่อน”
“ค่ะ” หยวนเอ๋อจ้องมองซู่ฮ่องกงหายตัวไปในป่า ตัวเธอรู้สึกเสียดายมากที่จับศิษย์ทรยศคนนี้ไม่ได้
ในระหว่างที่ลู่โจวเดินไปยังแท่นบูชาหยกเขียวต่อไป ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธที่ไล่ตามซู่ฮ่องกงเมื่อครู่นี้ก็ได้เรียกตัวเขาซะก่อน “ท่านปรมาจารย์! “
ลู่โจวหันไปมองเจ้าของเสียงที่ดังขึ้น “นั่นเจ้าเองอย่างงั้นหรอ? “
ชายคนนั้นยืนอยู่ใกล้ๆ กับสนามการต่อสู้ ที่รอบตัวของชายคนนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เย่อหยิ่ง ตัวเขาไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับความวุ่นวายที่อยู่รอบตัวเลย ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นเขาคือด้วนชิง ยอดฝีมือลำดับที่สามของวิหารปีศาจ ลู่โจวเคยพบชายคนนี้แล้วที่แท่นบูชาพิธีศักดิ์สิทธิ์ของเมืองรูหนาน แต่ในตอนนี้มันแปลกมาก ที่แห่งนี้มีคนสำคัญจากวิหารปีศาจถึงสองคนด้วยกัน พวกนี้มาทำอะไรกันแน่?
“สวัสดีท่านผู้นักบวชผู้อาวุโส ข้าน้อยด้วนชิงเอง” เมื่อด้วนชิงที่กำลังไล่ตามไปสังเกตเห็นบี่เอี๊ยนและกรงสีทองที่เรืองแสงอยู๋ที่กลางอากาศ ในตอนนั้นเขาก็นึกออกได้ทันทีว่าเจ้าของของพวกนี้เป็นใครกัน นักบวชผู้อาวุโสที่ตัวเขาเคยเจอจะต้องอยู่ที่นี่ด้วยแน่ และเพราะแบบนั้นด้วนชิงจึงตัดสินใจเลิกที่จะไล่ตามไป
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองอย่างใจเย็น “วิหารปีศาจขัดแย้งกับสำนักฝ่ายธรรมะมาอย่างเนิ่นนาน พวกเจ้าทั้งสองก็เป็นเหมือนกับน้ำกับไฟที่ไม่ถูกกัน ไหนเลยเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน? “
ด้วนชิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตอบกลับไปอย่างเคารพ “เจ้าสำนักวิหารปีศาจได้สั่งให้พวกเรามาที่นี่กับเขาก็เพื่อที่จะมาหารือวิธีที่จะกำจัดปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้น และเพราะเหตุนั้นข้าเลยได้มาอยู่ที่นี่” หลังจากพูดจบด้วนชิงก็ได้หันไปมองทางซ้ายและทางขวาก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าน้อยไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบกับท่านนักบวชผู้อาวุโส”
ลู่โจวโบกมือไป ในตอนนั้นเขากำลังเฝ้ามองดูการต่อสู้อยู่ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ใกล้ที่จะจบลงเต็มที ฝ่ายตรงข้ามกำลังถูกผลักให้ถอยกลับไป
“แล้วที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ” ลู่โจวได้ถามออกไปอย่างสงสัย
ด้วนชิงหัวเราะเบาๆ ออกมา วิหารปีศาจพยายามที่จะเก็บความลับเรื่องนี้ไม่ให้คนภายนอกได้ล่วงรู้ได้ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะระมัดระวังมากแค่ไหนสุดท้ายแล้วก็มีคนพบพวกวิหารปีศาจได้ และเพราะถูกบุกโจมตีของซู่ฮ่องกงความความลับที่รักษาเอาไว้จึงได้ถูกทำลายไปด้วย จนถึงตอนนี้ความลับทุกอย่างไม่ใช่ความลับอีกต่อไป “การเคลื่อนไหวของพวกเราชาววิหารปีศาจถูกล่วงรู้ได้ และเพราะแบบนั้นราชาปีศาจจึงพยายามยุยงให้พวกเราชาววิหารปีศาจและพวกชาวยุทธฝ่ายธรรมะจะต้องเข้าห้ำหั่นกัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายตรงนี้เข้า ดูเหมือนว่าศึกนี้จะทำให้สูญเสียหนักทีเดียว”
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าพร้อมกับใช้ความคิด ‘ไม่มีทางที่ซู่ฮ่องกงจะคิดแผนอะไรแบบนั้นได้ นี่จะต้องเป็นฝีมือของศิษย์คนที่เจ็ดอย่างสีวู่หยาอย่างแน่นอน เจ้านั่นจะต้องเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ครั้งนี้’
ลู่โจวมองไปที่ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่ยังต่อสู้กันอยู่ ดูเหมือนว่ารอบตัวเขาในตอนนี้จะมีผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
ด้วนชิงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ทำไมท่านไม่โจมตีเจ้าราชาปีศาจนั่นในทีเดียวล่ะท่านนักบวชผู้อาวุโส ถ้าหากพวกเราจับเจ้านั่นได้ ชื่อเสียงของวิหารปีศาจเองก็จะถูกชำระล้าง! “
“ถูกชำระล้าง? ” ลู่โจวถามออกมาอย่างสงสัย
“วิหารปีศาจเป็นสำนักฝ่ายอธรรม แต่ในตอนนี้พวกเรากำลังร่วมมือกับสำนักฝ่ายธรรมะ พวกเรามั่นใจมากกว่าจะต้องถูกหัวเราะเยาะโดยชาวยุทธคนอื่นๆ แน่ แต่ถ้าหากพวกเราจับราชาปีศาจได้ พวกเราก็จะมีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่! และถ้าหากทำแบบนั้นได้พวกสำนักฝ่ายธรรมะเองก็จะให้ความสนใจไปกับราชาปีศาจนั่น”
ในตอนนี้ท่าทีของลู่โจวเองก็ยังคงเรียบเฉย ด้วนชิงไม่สามารถอ่านอารมณ์ของลู่โจวได้เลย ลู่โจวได้ลูบเคราก่อนที่จะตอบกลับมา “เป็นแผนที่ดีนิ สำนักฝ่ายอธรรมจับชาวยุทธฝ่ายอธรรมด้วยกันเองนี่มันโจรชัดๆ น่าสนใจจริงๆ “
ด้วนชิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำชมของลู่โจว ตัวเขาเกาหัวก่อนที่จะพูดกลับไป “ท่านนักบวชผู้อาวุโส ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้สังหารยอดฝีมือจากสำนักของพวกเราไปถึงสองคนด้วยกัน ถ้าหากพวกเราจับราชาปีศาจนั่นได้ พวกเราจะไม่ถูกใครครหาแน่! “
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา “เจ้านั่นแหละโจร! “
ถ้าหากผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ที่ทำให้ด้วนชิงรู้สึกอับอายแบบนี้ เขาจะต้องโกรธขึ้นมาแล้ว แต่ถึงแบบนั้นการโกรธขึ้นมาก็คงจะใช้กับนักบวชผู้อาวุโสได้ การทำแบบนั้นคงจะไม่ได้ฉลาดอะไรเท่าไหร่นัก สิ่งเดียวที่ตัวเขาเลือกที่จะทำออกไปคือการพูดเออออออกไปนั่นเอง “ท่านพูดถูกแล้ว ท่านพูดถูก….” ด้วนชิงเป็นคนที่มีไหวพริบมาก แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่หน้าซื่อใจคดเหมือนกับคนทั่วไป หลังจากนั้นไม่นานด้วนชิงก็ได้ถามออกมาอีกครั้ง “แล้วท่านนักบวชผู้อาวุโสมาทำอะไรที่นี่กัน? “
“ฮั๊ววู่เด๋าล่ะอยู่ไหนกัน? ” ลู่โจวเลือกที่จะถามออกมาอย่างใจเย็น
“ฮั๊ววู่เด๋า? ผู้อาวุโสจากสำนักหยุน? เจ้านั่นอยู่ที่นี่ด้วยอย่างงั้นหรอ” ด้วนชิงพูดออกมาอย่างประหลาดใจ
“วิหารปีศาจไม่รู้เรื่องนี้อย่างงั้นหรอ? “
“ข้าน้อยแค่มากับท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน” ด้วนชิงตอบกลับมา
ลู่โจวมองไปที่ด้านบนแท่นบูชาหยกเขียวก่อนที่จะพูดออกมา “คนพวกนั้นอยู่ที่นั่นสินะ? “
ด้วนชิงส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ในตอนที่ราชาปีศาจก่อความวุ่นวายขึ้นมา เจ้าสำนักข้าก็ได้จากไปแล้ว”
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะใช้ความคิด ‘เจ้าคนทรยศนั่นกำลังทำลายแผนฉัน’ เขาโบกมือให้กับบี่เอี๊ยนก่อนที่จะขึ้นขี่มันตรงไปที่แท่นบูชาหยกเขียว
…
ในตอนนั้นเองที่มุ่มหนึ่งของป่าใกล้ๆ กับแท่นบูชาหยกเขียว
ซู่ฮ่องกง ลูกศิษย์คนที่แปดก็ได้ทรุดตัวลงกับพื้น เขาเอาแต่เช็ดหยาดเหงื่อที่ไหลออกมาจากใบหน้าเท่านั้น ตัวเขายังคงหายใจอย่างหอบหืดเพราะความกลัวยังคงเกาะกินใจเขาอยู่ สีหน้าเศร้ามองของเขาได้แสดงออกบนใบหน้าอย่างเด่นชัด แต่ในสุดท้ายซู่ฮ่องกงก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ “ทำไมท่านอาจารย์มาที่นี่? ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เอาไว้เลย! ศิษย์พี่เจ็ด รีบออกมาเถอะ! “
ศิษย์คนที่เจ็ดสีวู่หยาเดินออกมาจากป่าอย่างช้าๆ ในตอนนั้นเขาส่ายหัวก่อนที่จะพูดขึ้นมา “เหลือเชื่อจริงๆ ข้าไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะมาถึงที่นี่ได้เช่นกัน”
“ข้าไม่สน นี่เป็นแผนของศิษย์พี่! ข้าต้องการค่าตอบแทน! ” ซู่ฮ่องกงยื่นแขนออกมา ตัวเขารอของที่จะต้องได้อยู่นั่นเอง
สีวู่หยายิ้มก่อนที่จะตอบกลับมา “ก็ได้ ก็ได้…มันเป็นความผิดของข้าเอง สำนักแห่งความมืดของข้าจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายของหุบเขาพยัคฆ์เป็นเวลาหนึ่งปีเอง”
“ต้องเป็นแบบนี้สิ” ตอนนี้ซู่ฮ่องกงรู้สึกดีขึ้น เขาเกาหัวก่อนที่จะพูดออกไปอีกครั้ง “ศิษย์พี่ ทำไมพวกเราถึงจะต้องเจอความยากลำบากถึงขนาดนี้กัน แผนนี้มันมีไว้เพื่ออะไรกันแน่? “