หยวนเอ๋อถึงกับหัวเราะไม่ออก บางทีหยวนเอ๋ออาจจะมีชินกับสถานการณ์แบบนี้ไปแล้วก็ได้ เธอได้เดินไปหาลู่โจวก่อนที่จะกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาไป “ท่านอาจารย์…คนพวกนี้ล้วนแต่เกรงกลัวต่อท่านมาก”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะมองไปยังทิศทางที่แม่น้ำสวรรค์ตั้งอยู่ จากการคำนวณของเขาหมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงจะต้องมาถึงในตอนนี้ และฮั๊ววู่เด๋าเองไม่ช้าก็เร็วเขาก็คงจะต้องได้เจอแน่ ถ้าหากฮั๊ววู่เด๋าเป็นคนที่รู้ความจริงที่ว่าใครกันแน่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์กวาดล้างหมู่บ้านมังกรสวรรค์ได้เรื่องก็คงจะง่ายกว่านี้มาก ในตอนนี้คนที่พอจะรู้อะไรมากที่สุดก็คือฮั๊ววู่เด๋านั่นเอง
ผู้ใช้เวทมนตร์จากพระราชวังเป็นผู้ที่เจ้าเล่ห์มาก คนคนนั้นสามารถใช้สุดยอดเวทมนตร์คาถาลงบนผิวของแม่น้ำสวรรค์ได้ คนคนนั้นยังสามารถสังเกตการณ์โดยใช้รถม้าสีแดงลอยได้อีกด้วย เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์คาถาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถสั่งเฉินซู่ได้อีกด้วย เฉินซู่เป็นหนึ่งในสามเทพมือธนู เขาจะต้องมีสถานะและพลังอำนาจที่สูงส่งเป็นอย่างมากแน่นอน
หลังจากที่ต่อสู้กันตรงแม่น้ำสวรรค์ คนจากพระราชวังคนนี้จะต้องระมัดระวังตัวและรอบคอบขึ้นมากแน่ จางอาเฉียนเองก็มีความสัมพันธ์กับทางพระราชวัง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าใกล้คนคนนั้นได้ ถ้าหากเป็นแบบนี้แล้วการจะสืบหาผู้ใช้เวทมนตร์คาถาคนนั้นสำหรับลู่โจวที่เป็นคนนอกได้แทบที่จะไม่มีหวังเลย
“ฮั๊ววู่เด๋า…” ลู่โจวพึมพำกับตัวเอง
“เจ้าสำนักของพวกเราคงกำลังยุ่งอยู่กับการรับมือที่ว่า…ได้โปรดท่านนักบวชผู้อาวุโสโปรดรอด้วยเถอะ! ” จางชูผู้อาวุโสลำดับที่ห้าพูดก่อนที่จะโค้งคำนับให้
ลู่โจวมองเขาไปอย่างไร้อารมณ์ก่อนที่จะเพิกเฉยไป ‘จางชูเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นเขากลับเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักได้ ดูเหมือนว่าสำนักฝ่ายธรรมะจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับแต่ก่อนแล้วสินะ…’
ด้วนชิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้เดินออกมาก่อนจะพูดขึ้น “ทุกๆ ท่านในตอนนี้การต่อสู้ที่ด้านล่างได้จบลงแล้ว ทำไมพวกเราไม่เริ่มพูดคุยต่อไปเลยซะล่ะ? “
“เป็นข้อเสนอแนะที่ดี! ” จางชูได้พยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างงั้นเห็นทีข้าจะเดินทางไปก่อนเอง! ” ด้วนชิงไม่ได้สนใจเหล่าสาวกคนอื่นๆ ที่อยู่บนแท่นบูชาหยกเขียว ในตอนนี้ตัวเขาได้พูดกับจางชูเท่านั้น
ลู่โจวจ้องมองไปที่ชายคนนี้อีกครั้ง ‘แปลกจริงๆ ‘
ด้วนชิงที่กำลังจะจากไปได้หันมาหาลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความเคารพ “ท่านนักบวชผู้อาวุโส ข้าต้องมีธุระที่จะต้องไปทำ เห็นทีข้าน้อยจะต้องขอตัวก่อน”
“ช้าก่อน” ลู่โจวพูดออกมาอย่างใจเย็น
“ท่านผู้อาวุโสมีคำแนะนำที่จะบอกกับข้าน้อยอย่างงั้นหรอ? ” ด้วนชิงไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตากับลู่โจว
“ข้ามีอะไรบางอย่างที่อยากจะแนะนำเร็นบู้ผิง”
“ข้าน้อยจะเป็นผู้ส่งข้อความนั่นเองท่านนักบวชผู้อาวุโสเอง” ด้วนชิงพร้อมรับฟังด้วยความเคารพ
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่พยักหน้าพร้อมกับเริ่มเอ่ยปากพูด “ปกป้องวิหารปีศาจและคำนึงถึงแต่เรื่องของตัวเองซะ ถ้าหากไม่ทำแบบนั้นเจ้านั่นแหละที่จะเดินไปสู่ความตายด้วยตัวเอง”
ด้วนชิงที่ได้ยินคำพูดนี้รู้สึกตกใจมาก เขาไม่เข้าใจว่าลู่โจวกำลังจะหมายความว่าอะไร แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะถามหาความหมายของมัน ด้วนชิงได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกไป “ข้าขอขอบคุณมากท่านนักบวชผู้อาวุโส! ข้าขอตัวก่อน” ด้วนชิงได้คารวะลู่โจวก่อนที่จะเดินทำหน้าเหล่าสาวกจากวิหารปีศาจออกจากแท่นบูชาหยกเขียวไป
ลู่โจวมองดูเวลาอีกครั้ง เวลานี้ตัวเขาจะต้องไปแล้วเช่นกัน ด้วยความเร็วของหมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิง ถ้าหากพวกเขาไม่ต้องแบกคนอื่นมาด้วยป่านนี้ก็คงจะถึงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์ทั้งสองคนเพิ่งจะฝึกฝนตัวเองถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะแบบนั้นแล้วความเร็วของศิษย์ทั้งสองจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณแน่
เมื่อลู่โจวกำลังจะจากไป ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของเหล่าสาวกดังขึ้นมาจากที่ด้านหลังของเขาซะก่อน “แล้วเหตุใดกันที่ท่านนักบวชผู้อาวุโสถึงได้ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนถึงแท่นบูชาหยกเขียวด้วยล่ะ? “
เหล่าสาวกได้หลีกทางให้กับชายผู้ที่เป็นเจ้าของเสียง
“จางฉิวชู? ” จางชูพบเจ้าของเสียงปริศนาเมื่อครู่แล้ว เขาคนนั้นก็คือจางฉิวชู เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของสำนักฝ่ายธรรมะ
ลู่โจวจำคนคนนี้ได้อย่างคลุมเครือ ชายคนนี้สามารถเอาชนะหมิงซี่หยินได้เมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นหมิงซี่หยินได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา หมิงซี่หยินเองก็เคยรู้สึกหดหู่เพราะเรื่องนี้ ในตอนนั้นหมิงซี่หยินจึงเก็บตัวเพื่อฝึกฝนตัวเองอย่างพากเพียร ในตอนนี้เวลาได้ผ่านพ้นไปกว่าหลายปีแล้วพลังวรยุทธของจางฉิวชูเองจะต้องเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
จางฉิวชูได้เดินต่อไปอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินไปใกล้ๆ กับลู่โจว ตัวเขาได้จ้องมองลู่โจวก่อนที่จะได้พูดออกมา “สวัสดีท่านนักบวชผู้อาวุโส”
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรเขา เขาจ้องไปที่หยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดออกมา “พวกเราไปกันได้แล้ว”
“อืม”
“ท่านนักบวชผู้อาวุโส? ” จางฉิวชูได้เรียกลู่โจวออกมาอย่างงงงวย ดูเหมือนว่าลู่โจวจะเลือกเย็นชากับตัวเขา
ทันใดนั้นเองเหล่าสาวกที่อยู่บนแท่นบูชาหยกเขียวก็ได้อุทานออกมา
“มีใครกำลังมา! “
ทุกๆ คนต่างก็เงยหน้ามองทิศทางที่จางฉิวชูชี้
“หืม? “
ในตอนนี้จางฉิวชูจำลู่โจวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย รูปลักษณ์ของลู่โจวเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากเป็นลูกศิษย์ของเขาทั้งสองคนจางฉิวชูจะต้องจำได้อย่างแน่นอน ศิษย์ทั้งสองคนของเขาอย่างหมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งทำให้การฝึกฝนของจางฉิวชูก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่เป็นแบบนั้นเพราะตัวเขาสามารถเอาชนะศิษย์คนที่สี่อย่างหมิงซี่หยินได้นั่นเอง ตัวเขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อหมิงซี่หยินบินตรงมาหาตัวเขาแบบนี้
“หมิงซี่หยิน? เจ้านั่นกำลังมาที่แท่นบูชาหยกเขียว?! “
“นั่นมันหมิงซี่หยิน? “
“ศิษย์คนที่สี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า หมิงซี่หยิน! “
สาวกที่อยู่บนแท่นบูชาหยกเขียวต่างก็รู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นแบบนี้ เนื่องจากพลังวรยุทธที่พวเขามีล้วนแต่ต่ำต้อยด้วยกันทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะส่งเสียงดูหมิ่นหมิงซี่หยินไป ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักรวมไปถึงผู้อาวุโสอีกหลายคนไม่ได้อยู่ที่นี่อีกด้วย แต่โชคดีที่พวกเขายังมีจางฉิวชู ผู้ที่เคยต่อกรกับหมิงซี่หยินและเอาชนะเขามาได้แล้ว นี่ถือเป็นโอกาสทองที่พวกสำนักฝ่ายธรรมะได้รับมันมาจากสรวงสวรรค์
ใบหน้าของลู่โจวเองก็ยังดูเฉยเมยเมื่อได้เห็นหมิงซี่หยิน แต่ถึงแบบนั้นในตอนนี้ภายในใจของเขากำลังคิดสงสัยอยู่ ‘ด้วนมู่เฉิงล่ะ เขาควรจะมาด้วยนิ? แล้วเจ้านั่นอยู่ที่ไหนกัน? ‘
ในตอนนั้นเองจางฉิวชูก็ได้บินขึ้นไปบนกลางอากาศ เขาหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดกับหมิงซี่หยิน “สวรรค์อยู่ข้างข้าแล้ว วันนี้ข้าจะจับจอมวายร้ายแบบเจ้าให้ได้ นับตั้งแต่จากนี้จะไม่มีใครกล้ามาดูถูกพวกเราสำนักฝ่ายธรรมะอีกต่อไป! “
“ท่านผู้อาวุโสจางอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราจะต้องจับจอมวายร้ายนั่นได้แน่”
“ท่านผู้อาวุโสชนะแน่! “
จางฉิวชูพยักหน้า ในตอนนั้นเองเขาก็ได้หันไปพูดกับลู่โจวที่อยู่ข้างๆ “ท่านนักบวชผู้อาวุโส ข้าขอฝากที่นี่ให้กับท่านช่วยดูแลด้วย”
ลู่โจวโบกมือขึ้นมาแต่ไม่ได้ตอบกลับ
เหล่าสาวกจากแท่นบูชาหยกต่างก็บินขึ้นไปกลางอากาศ มีเพียงผู้มีวรยุทธต่ำต้อยเท่านั้นที่จะอยู่ดูสถานการณ์ที่แท่นบูชาหยกเขียวต่อไป
ดวงตาของจางฉิวชูเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้เห็นหมิงซี่หยิน
ลู่โจวรีบกระโดดขึ้นไปบนหลังของบี่เอี๊ยน เขาลูบเคราตัวเองอย่างใจเย็น “ทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์แล้ว”
หยวนเอ๋อกระโดดขึ้นไปบนหลังของบี่เอี๊ยนเช่นกัน “อะไรคือสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้คะ? “
“จางหยวนฉานและชะตาของฮั๊ววู่เด๋าไงล่ะ และแน่นอนว่าชะตาของศิษย์พี่สี่ของเจ้าด้วย”
บี่เอี๊ยนคำรามก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนอากาศ ในเวลาเดียวกันนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้บินเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้หมิงซี่หยินมองเห็นแท่นบูชาหยกเขียวอยู่ในสายตาแล้ว ตัวเขาได้หันไปมองรอบตัว ที่แห่งนี้เป็นดินแดนของสำนักฝ่ายธรรมะ
“ท่านอาจารย์อยู่ที่ไหนกัน? ” หมิงซี่หยินเกาหัวในขณะที่หันไปมองรอบๆ ตัวเขาชะลอความเร็วเพื่อที่จะเตรียมลงสู่พื้น เขาได้จ้องมองไปข้างๆ ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองออกมา “ศิษย์พี่สามน่าจะมาถึงแล้วนิ! ถ้าหากเขาไม่ได้เอาหอกราชันมาด้วย ตอนนี้เขาก็คงมาถึงเร็วกว่าข้าไปแล้ว” หมิงซี่หยินที่รู้สึกว่าตัวเองได้ชัยชนะได้หัวเราะออกมาอย่างยินดี
หมิงซี่หยินยังคงรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ในตอนนั้นเสียงร้องอันโหยหวนก็ได้ดังมาจากแท่นบูชาหยกเขียว
“หมิงซี่หยิน! “
หมิงซี่หยินมองไปข้างหลัง ในตอนนั้นเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้ว หมิงซี่หยินจำชายคนนั้นได้ดี “จางฉิวชูอย่างงั้นหรอ? “
“มีเส้นทางมากมายที่จะทำให้เจ้าต้องอยู่สุขสบาย แต่ถึงแบบนั้นเจ้ากลับเลือกเส้นทางนี้ ประตูนรกได้เปิดรอเจ้าแล้ว! ” จางฉิวชูลอยขึ้นไปบนอากาศ เขาได้ใช้ปลายนิ้วชี้มายังหมิงซี่หยิน ในดวงตาของเขาเองเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความตื่นเต้น
หมิงซี่หยินโบกมือก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะมาสู้กับเจ้า…เจ้าน่ะเห็นท่านอาจารย์ของข้าแล้วรึยัง? “
จางฉิวชูตกใจไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาก็ได้เอ่ยปากถามออกมาอย่างหนักแน่น “เจ้าคิดว่าจะใช้ชื่อของอาจารย์เจ้าข่มขู่ให้ข้าคนนี้กลัวได้อย่างงั้นหรอ? วันนี้ข้าจะกำจัดเจ้าในตัวแทนของความยุติธรรมเอง! “
“ช้าก่อน” หมิงซี่หยินโบกมือขึ้นมา “ข้าขอถามเจ้าอย่างจริงจังอีกครั้ง เจ้าน่ะเห็นอาจารย์ของข้าไหม? “
จางฉิวชูรู้สึกโดนหมิงซี่หยินยั่วยุ ในตอนนั้นเขาก็ได้ตอบกลับมาอย่างใช้อารมณ์ “ถ้าหากข้าเห็นเจ้านั่น ข้าก็คงจะจัดการไปแล้ว! “
ซู่วววว!
ในตอนนั้นเองพลังลมปราณรอบตัวก็ได้ถูกดูดไป
จางฉิวชูได้พนมมือขึ้นมาหลังจากนั้นคลื่นพลังเต๋ามุทราก็ได้ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้
พลังลมปราณยังคงพุ่งสูงขึ้น
นี่มันพลังยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์!
ในตอนนั้นเองที่แท่นบูชาหยกเขียวในที่สุดหมิงซี่หยินก็ได้ร่อนลงบนพื้น
หมิงซี่หยินมองไปรอบๆ ตัวๆ ตัวเขาไม่พบผู้เป็นอาจารย์อย่างลู่โจวอยู่เลย ‘นี่ข้าโดนท่านอาจารย์หลอกอีกแล้วหรอ! ‘