ผนึกตราประทับทั้งหก, ผนึกทั้งแปด ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็ไร้ประโยชน์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคลื่นพลังสายฟ้า ในไม่ช้าพลังทั้งหมดก็ได้จางหายไป มันหายไปอย่างไร้ร่องรอย! เมื่อพลังป้องกันของฮั๊ววู่เด๋าจะต้องเผชิญหน้ากับพลังโจมตีของลู่โจว เมื่อทั้งสองฝั่งได้เข้าปะทะกันพลังป้องกันทั้งหมดของฮั๊ววู่เด๋าเป็นเพียงพลังอันไร้ค่าที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย หลังจากที่ถูกโจมตีไปฮั๊ววู่เด๋าก็ได้แต่กระอักเลือดเฮือกใหญ่ออกมา
การต่อสู้จบลงแล้ว ผลลัพธ์จากการต่อสู้ในวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วนั่นเอง
ลู่โจวได้แต่ส่ายหัว ‘การ์ดพิเศษอย่างการ์ดคลื่นพลังสายฟ้า มีโอกาสเพียง 10% เท่านั้นที่จะทำความเสียหายให้กับเป้าหมายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ นี่ฉันโชคดีจริงๆ อย่างงั้นหรอ? ถ้าหากเป้าหมายที่โดยไม่โชคร้ายจนเกินไป คงจะไม่มีใครเลยที่ถูกโอกาสเพียง 1% เท่านั้นพรากชีวิตไป’
ความเงียบได้เข้าปกคลุมห้องโถงใหญ่ ในตอนนั้นเองแม้แต่เสียงของเข็มเล่มเดียวตกลงสู่พื้น ทุกๆ คนจะต้องได้ยินอย่างชัดเจนแน่
ด้วนมู่เฉิงได้คลายมือหลังจากที่จับหอกราชันย์เอาไว้อย่างแน่นหนาอยู่นาน ด้วนมู่เฉิงไม่ได้รู้สึกโล่งใจหรือผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย เขากลับรู้สึกหงุดหงิดใจมากกว่า พลังผนึกตราประทับทั้งหกที่เป็นพลังป้องกันอันทรงพลังไม่แม้แต่จะสามารถป้องกันการโจมตีจากผู้เป็นอาจารย์ของเขาได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ทั้งๆ ที่ตัวด้วนมู่เฉิงพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ส่วนหมิงซี่หยินเขาไม่ใช่คนที่คิดมากอะไร เขารู้ดีอยู่แล้วว่าผู้เป็นอาจารย์ของเขาคนนี้จะต้องปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ นับตั้งแต่ที่อาจารย์ของเขาไล่ล่าสุดยอดฝีมือทั้งสิบได้ หมิงซี่หยินก็รู้ดีว่าอาจารย์ของเขาคนนี้จะต้องมีไพ่ตายเก็บเอาไว้อีกแน่ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถประเมินพลังที่แท้จริงของลู่โจวได้เลย
หยวนเอ๋อเองได้แต่ยกย่องชมเชยลู่โจว
ในตอนนั้นเองโจวจี้เฟิงและฝางซงเองรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเหมือนกับกบในกะลา พวกเขาได้แต่กลืนน้ำลายเท่านั้นในขณะที่เห็นฮั๊ววู่เด๋ากระเด็นกลับไป พวกเขาไม่ได้ตกใจเลยที่ฮั๊ววู่เด๋าจะพ่ายแพ้ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขากลับตกใจกับการโจมตีของลู่โจวมากกว่า พวกเขาตกใจในคลื่นพลังสายฟ้านั่นเอง
การใช้คลื่นสายฟ้าเป็นการควบแน่นพลังจากธรรมชาติให้กลายเป็นพลังที่ทรงพลังมากพอที่จะทำให้บัญชาสายฟ้าฟาดได้ มันเป็นทักษะที่หาได้ยากยิ่งและยังเป็นพลังที่น่ากลัวอีกด้วย คลื่นพลังสายฟ้าเป็นทักษะที่สูญหายไปเป็นเวลานานแล้วในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่มีใครได้เคยเห็นทักษะแบบนี้มาก่อนนับประสาอะไรกับการที่จะเห็นผู้ที่ใช้งานมันได้จริง
“คะ…คลื่นพลังสายฟ้า! ” ฮั๊ววู่เด๋าที่กระเด็นไปไกลไม่สามารถทนยืนได้อีกต่อไป เขาล้มลงไปกับพื้นก่อนที่จะเอาเข่ายันตัวเองเอาไว้ ฮั๊ววู่เด๋าที่สูญเสียการทรงตัวจะต้องใช้มือทั้งสองข้างพยุงตัวเองเอาไว้ด้วย ถึงแม้ว่าฮั๊ววู่เด๋าจะพ่ายแพ้ไป แต่ถึงแบบนั้นเขาก็อยากที่จะเชื่อตัวเองว่าได้พ่ายแพ้ไปแล้ว พ่ายแพ้ให้กับคลื่นพลังสายฟ้า ถ้าหากตัวเขารู้ว่าจีเทียนเด๋าสามารถเชี่ยวชาญการใช้คลื่นพลังสายฟ้าตั้งแต่แรก บางทีตัวเขาก็คงจะไม่เลือกที่จะมาศาลาปีศาจลอยฟ้าให้อับอายแบบนี้
“ท่านอาจารย์! ” ศิษย์ฮั๊ววู่เด๋ารีบวิ่งมาหาผู้เป็นอาจารย์
แต่ถึงแบบนั้นฮั๊ววู่เด๋าก็ได้โบกมือปฏิเสธความช่วยเหลือของศิษย์คนนี้ไป ตัวเขาไม่ได้กลัวที่จะสูญเสียอะไร ฮั๊ววู่เด๋ากลัวที่จะพ่ายแพ้ไปอย่างไร้ศักดิ์ศรีมากกว่า
คนที่แพ้ก็ต้องทำตามสัญญา
ลู่โจวได้ส่ายหัวก่อนที่จะใช้ความคิด ‘ถ้าหากเจ้านั่นเรียกว่าคลื่นพลังสายฟ้า เห็นทีก็คงจะต้องปล่อยไปตามนั้น’
เนื่องจากไม่มีใครรู้จักคลื่นพลังสายฟ้ามาก่อน เพราะแบบนั้นจึงมีคนที่จะเห็นมันจริงๆ ไม่มากนัก บางทีนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกๆ คนเชื่อว่าลู่โจวเพิ่งจะปล่อยคลื่นพลังสายฟ้าซึ่งเป็นเคล็ดวิชาจากโลกใบนี้ไป
ฮั๊ววู่เด๋าเริ่มไอออกมาระหว่างที่ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ตัวเขารีบคารวะลู่โจวด้วยสองมือก่อนที่จะเริ่มพูดออกมา “ข้าคิดมาตลอดว่าจะสามารถต้านทานการโจมตีของท่านได้ถึง 3 กระบวนท่าหลังจากที่ได้ฝึกฝนตัวเองมาอย่างหนักเป็นเวลากว่า 20 ปี แต่อนิจจา ข้ากลับประเมินพลังของตัวเองสูงเกินไป! ” ฮั๊ววู่เด๋าได้หัวเราะออกมา การหัวเราะของเขาเป็นการเยาะเย้ยให้กับตัวเอง
‘ม่านพลังของข้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพียงแค่ได้รับการโจมตีไป ข้าคิดมาตลอดว่าคงจะทนได้ถึง 3 กระบวนท่า! ‘ ฮั๊ววู่เด๋าได้หัวเราะออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะกระอักเลือดเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์! “
“ข้าไม่เป็นไร…” ถึงแม้ว่าฮั๊ววู่เด๋าจะเป็นคนพูดเอง แต่ถึงแบบนั้นสีหน้าของเขาก็ทำให้ทุกคนรู้ดี ทุกคนรู้ดีว่าปมในใจของเขามีแต่จะต้องเพิ่มพูนจนซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น หลังจากนั้นฮั๊ววู่เด๋าก็ได้พูดออกมา “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว! “
ลู่โจวพยักหน้า เขาได้เดินลงบันไดอย่างช้าๆ อีกครั้ง
ฮั๊ววู่เด๋ายังคงพูดต่อไป “ตราบใดสิ่งที่ท่านขอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสำนักหยุน ข้าเองก็จะไม่ปฏิเสธคำขอนั้น”
“ข้าเห็นแก่ว่าเจ้าเป็นคนที่ตรงไปตรงมา” ลู่โจวยังคงพูดต่อไป “ข้ามีคำถามที่อยากจะถามเจ้า ข้าอยากที่จะให้เจ้าตอบกลับมาตามความเป็นจริง”
“ข้าจะตอบตามความจริงเอง”
“ใครเป็นผู้บงการกวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์กัน? ” ลู่โจวถามตรงๆ ออกมาโดยที่ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา
เมื่อฮั๊ววู่เด๋าได้ยินคำถามนั้น หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาในทันที “เอ่อ…” ฮั๊ววู่เด๋าพูดตะกุกตะกักดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เต็มใจตอบกลับมา
“อะไรกัน? ไหนเจ้าบอกจะตอบคำถามของข้า? “
ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นดูหนักใจ เขาได้พูดตอบกลับมา “ไม่ใช่ว่าข้าเองไม่เต็มใจ แต่คำตอบของข้าเกี่ยวพันกับหลายฝ่าย”
“เจ้าเป็นอะไรไป? ในเมื่อเจ้าพ่ายแพ้ไป เจ้าก็ควรที่จะเชื่อฟังผู้ชนะสิ! ” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างไม่พอใจในระหว่างที่ชี้ไปยังฮั๊ววู่เด๋า
“ฮั๊ววู่เด๋า เจ้าน่ะเป็นผู้อาวุโสของสำนักหยุน แม้ว่าคำพูดของเจ้าจะไม่ใช่กฎทองคำก็ตาม แต่คำพูดของเจ้าควรค่าที่จะให้เชื่อถือได้มากกว่านี้ไม่ใช่หรอ? เจ้ากำลังกลับคำตัวเองแบบนี้ เจ้าเองยังอ้างตัวว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นศิษย์สาวกจากสำนักฝ่ายธรรมะได้อีกอย่างงั้นหรอ! ” หมิงซี่หยินพูดออกมาอย่างดูถูก
โจวจี้เฟิงที่เห็นแบบนั้นก็เลือกที่จะใช้ไม้อ่อนแทน โจวจี้เฟิงได้คารวะก่อนที่จะชิงพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโสฮั๊ว ข้ามีข้อเสนอ…คำถามนี้สำคัญกับท่านมาก ท่านผู้อาวุโสก็แค่ตอบคำถามนี้เท่านั้น ท่านปรมาจารย์ก็จะพึงพอใจแล้ว”
“เจ้านั่นพูดถูกแล้ว เจ้ากลัวว่าถ้าหากบอกเรื่องนี้ไปโลกจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างงั้นสินะ? แล้วทำไมเจ้าถึงได้รู้เรื่องนี้แล้วโลกถึงไม่ตกอยู่ในความสับสนด้วยล่ะ? ” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างรีบร้อน
“เอ่อ…” ฮั๊ววู่เด๋ารู้สึกราวกับว่าตัวเขาเป็นดั่งลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็ไม่รอด
“เลิกทำตัวขี้ขลาดซะ พูดในสิ่งที่เจ้าจะต้องตอบออกมาซะ! ถ้าเจ้าไม่คิดจะพูดออกมา อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะมีชีวิตรอดกลับไปได้! ” ด้วนมู่เฉิงได้ยกหาราชันย์ของเขาขึ้นมา ในตอนนั้นพลังลมปราณก็ได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ความไม่พอใจที่ต้องพ่ายแพ้ไปก่อนหน้านี้ได้รวมเข้ากับความโกรธเกรี้ยวที่ฮั๊ววู่เด๋าไม่ยอมตอบคำถามออกมา
ทุกคนในห้องใหญ่ต่างก็จ้องมองมายังฮั๊ววู่เด๋าในตอนนี้
ฮั๊ววู่เด๋าก้าวถอยหลังกลับไปก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงใจ “ข้าเคยให้สัญญากับใครบางคนเอาไว้ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ถ้าหากเป็นไปได้ข้าอยากให้ท่านคิดทบทวนด้วยท่านปรมาจารย์”
ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นกลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
หมิงซี่หยินได้ถ่มน้ำลายออกมา “หยุดพล่ามได้สักที! เจ้าน่ะไม่คิดที่จะทำตามข้อตกลงตั้งแต่แรกแล้วสินะ? เจ้ายังจะกล้าพอมาที่นี่เพื่อขอเผชิญหน้ากับท่านอาจารย์อีกอย่างงั้นหรอ? “
“…” หมิงซี่หยินได้จี้ใจดำได้ถูก คนที่เอ่ยปากรับคำสัญญาเองก็คือฮั๊ววู่เด๋า และคนที่ตัวเขาได้ไปทำสัญญาด้วยก็คือปรมาจารย์มหาวายร้ายที่ทั่วทุกคนจากใต้หล้าจะต้องรู้จักชื่อเขา ฮั๊ววู่เด๋าไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้คำพูดนี้เป็นข้ออ้างได้ สีหน้าของเขาที่ได้ฟังคำของหมิงซี่หยินเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดู
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพูดต่อไป “งั้นไม่เป็นไร”
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับผงะ พวกเขาจ้องมองไปที่ลู่โจวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ข้าจะให้เจ้าได้เลือกสองอย่าง อย่างแรกเจ้าจะต้องบอกกับข้าว่าใครกันแน่คือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังในเหตุกวาดล้างหมู่บ้านมังกรสวรรค์ อย่างที่สองเจ้าจะต้องเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าของข้าในฐานะผู้อาวุโส” ลู่โจวที่ได้พูดเสร็จก็ได้เริ่มใช้ความคิดกับตัวเองในใจ ‘เจ้านี่สามารถต้านทานการโจมตีจากหมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงได้ และเขายังเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการใช้ผนึกตราประทับทั้งหกอีกด้วย แม้ว่ามันจะเป็นเคล็ดวิชาแห่งเต๋า แต่ถ้าหากผู้ใช้สามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว มันจะเป็นทั้งการโจมตีและการตั้งรับที่ดีได้’
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฮั๊ววู่เด๋าไม่แม้แต่จะใช้พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีออกมา ตัวเขาต้องการเก็บพลังขั้นสุดยอดเอาไว้เพื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งที่สองและครั้งที่สามของลู่โจว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูปในการโจมตีครั้งแรกซะก่อน ที่สำคัญกว่านั้นดูเหมือนว่าลู่โจวจะไม่คำนึงถึงแตกต่างระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมเลย
เมื่อฮั๊ววู่เด๋าได้ฟังทางเลือกทั้งสองทาง ดวงตาของฮั๊ววู่เด๋าก็ได้เบิกกว้างขึ้น ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ตัวเขาเดิมทีมาจากสำนักหยุน ถ้าหากเขาเข้าร่วมสำนักฝ่ายอธรรม ก็เท่ากับว่าตัวเขาได้เลือกที่จะทำลายชื่อเสียงอันดีงามของตัวเองไป ในทางกลับกันเองเขาก็ไม่สามารถที่จะเปิดเผยความลับได้ ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นได้รู้สึกทรมานตัวเองอย่างแท้จริง ตัวเขาได้อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นี่คงจะเป็นความเมตตาที่ข้าพอจะหยิบยื่นให้เจ้าได้” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“…” ท่าทีของฮั๊ววู่เด๋ายังคงไม่ชัดเจน
“เจ้าน่ะได้ออกจากสำนักหยุนมาแล้ว มีอะไรที่เจ้าจะต้องวิตกเกี่ยวกับเรื่องน้ีอีกล่ะ? ” หมิงซี่หยินได้ถามออกมา
“ข้า…” ฮั๊ววู่เด๋าตะกุกตะกัก ตัวเขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าตาย นี่ถือว่าเป็นอะไรที่แย่ไปกว่าการที่จะเอาชีวิตของเขาไปซะอีก
ลู่โจวไม่รีบร้อนอะไร เขายังคงรอคอยคำตอบอย่างเงียบๆ ไม่ว่าฮั๊ววู่เด๋าจะเลือกอะไร ตัวเขาและศาลาปีศาจลอยฟ้าก็จะได้ผลประโยชน์อยู่ดี