แม้ว่าด้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินจะดูแคลนเคล็ดวิชาแห่งเต๋า แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะขัดคำพูดอะไรของผู้ที่เป็นอาจารย์อย่างลู่โจว ยิ่งไปกว่านั้นศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนี้กำลังเสื่อมโทรมขึ้นไปทุกที การที่ได้กำลังใหม่มาเสริมทัพบางทีอาจจะทำให้ศาลาปีศาจลอยฟ้ากลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง
หมิงซี่หยินได้จ้องมองไปที่อาจารย์ของตัวเองก่อนที่จะคิดอะไรบางอย่าง ‘ท่านอาจารย์ไม่ได้ดูเหมือนกับคนที่กำลังจะสิ้นอายุขัยเลย เขาเหมือนกับคนที่ดูมีชีวิตชีวาที่เต็มไปด้วยพลังมากกว่า’
ฮั๊ววู่เด๋าเองก็ยังคงครุ่นคิดถึงทางเลือกที่ตัวเขาได้มาอยู่
ลู่โจวพูดออกมาด้วยน้ำเสียที่ทุ้มต่ำ “เจ้ามีสองทางเลือกที่จะให้ตัดสินใจ และเจ้ามีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเลือกได้ เจ้าเป็นคนแรกที่ได้รับอภิสิทธิ์มากมายจากศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงขนาดนี้ แต่ถึงแบบนั้นความอดทนของตัวข้าก็ยังมีจำกัดอยู่ ข้าต้องการคำตอบหลังจากที่นับเลขถึงสิบเสร็จ”
“แล้วถ้าหากข้าไม่ให้คำตอบล่ะ? ” ฮั๊ววู่เด๋าได้รวบรวมความกล้าก่อนที่จะเริ่มถามออกไป
ก่อนที่ลู่โจวจะได้พูดอะไรอีกครั้ง ในตอนนั้นหมิงซี่หยินก็ได้ชิงพูดออกมาซะก่อน “ถ้าหากเจ้าไม่ยอมให้คำตอบมา เจ้าก็คงจะเจอกับชะตากรรมเดียวกันกับฝานซุยเหวิน เจ้าจะต้องถูกคุมขังอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้าจนกว่าที่เจ้าจะคิดได้ เจ้าจะต้องถูกขังจนลืมวันลืมคืนไป เจ้าจะต้องทรมานยิ่งกว่าตาย”
“…”
“นอกจากนี้ศาลาปีศาจลอยฟ้าของเราก็ไม่ได้มีห้องมากมายอะไรนัก พวกเรามีศาลาทางทิศเหนือ, ใต้, ตะวันออก และตะวันตก แต่ถึงแบบนั้นที่อยู่อาศัยส่วนมากก็ล้วนแต่ทรุดโทรมไปหมดแล้ว ถ้าหากเจ้าตัดสินใจช้าบางทีเจ้าอาจจะต้องอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อน ถ้ำที่ทั่วทั้งปีมีอากาศที่หนาวเหน็บ นอกจากนี้เจ้าก็อย่าได้หวังเลยว่าจะหลบหนีไปได้ แม้ว่าเหล่ายอดฝีมือทั้งสิบจะมารวมตัวกันอีกครั้ง เจ้าพวกนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำลายม่านพลังป้องกันของศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้ได้! ” หมิงซี่หยินคลี่ยิ้มบนใบหน้าออกมา
คำพูดของเขาทำให้หัวใจของโจวจี้เฟิงและฝางซงเต้นแรงมากยิ่งขึ้น
‘คำพูดของศิษย์พี่สี่นั้นทรงพลังอย่างแท้จริง มันน่ากลัวซะยิ่งกว่าความตายซะอีก! ‘
ฮั๊ววู่เด๋าเป็นคนที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จมาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นเขากลับไม่ได้ยึดติดกับชีวิตอันยืนยาว ถ้าหากเขายึดติดกับชีวิตที่ยืนยาวจริงตัวเขาก็คงจะไม่เลือกที่จะมาที่นี่ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังสนใจเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่
“ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ข้าก็คงจะต้องเปิดเผยเรื่องนี้ให้กับผู้ฝึกยุทธทั้งหลายรู้เข้า ฮั๊ววู่เด๋าแห่งสำนักหยุนเป็นคนปลิ้นปล้อนกลับกลอกเชื่อถืออะไรไม่ได้ เจ้าคนน่าสมเพชนั่นมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าก็เพื่อที่จะเดิมพันแต่กลับแพ้การเดิมพันและไม่ยอมทำตามเงื่อนไข ช่างน่าสมเพชจริงๆ “
“…” ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ่งพูดไม่ออก มีหลายคนรู้ว่าตัวเขามาเยี่ยมเยียนที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ถ้าหากตัวเขาไม่ต้องมาที่นี่ ตัวเขาก็คงไม่ต้องลาออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสจากสำนักหยุน ทุกอย่างเกิดและจบลงจากปมในใจของตัวเขาเอง ฮั๊ววู่เด๋าไม่เคยคิดเสียใจเลย
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หัวเราะคิกคักก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าจะเริ่มนับเอง สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง หมดเวลา! เจ้าตัดสินใจเลือกอะไร? “
“…”
‘ใครเขานับเลขเร็วแบบนี้กัน? ‘
เวลาตัดสินใจของฮั๊ววู่เด๋าได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
สายตาของทุกคนในห้องโถงใหญ่รวมไปถึงลู่โจวได้จับจ้องไปที่ฮั๊ววู่เด๋า
ความเงียบเกิดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่อีกครั้ง
ในที่สุดฮั๊ววู่เด๋าก็ได้ส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่ “ลืมไปเลย! “
เมื่อเห็นแบบนี้ สาวกของฮั๋ววู่เด๋าก็ได้คุกเข่าลงทันที “ท่านอาจารย์ ท่านไม่ควร…”
ฮั๊ววู่เด๋าเหลือบมองไปที่ลูกศิษย์ของตัวเอง เขาไม่ได้ขับไล่ลูกศิษย์เหมือนกับครั้งก่อนๆ “เจ้ากลับไปที่สำนักหยุนซะ”
“ฮะ? “
“ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าไม่ใช่ศิษย์ของข้าอีกต่อไป มีผู้อาวุโสมากมายอยู่ที่สำนักหยุน ข้าเชื่อว่าหนึ่งในผู้อาวุโสจะต้องยินดีสอนเจ้าต่อ เมื่อเจ้ากลับไปได้ เจ้าก็บอกสำนักหยุนไว้ว่าฮั๊ววู่เด๋าน่ะได้ตายไปแล้ว”
“ท่านอาจารย์! “
“ไปซะ! “
ชายวัยกลางคนคนนั้นต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ฮั๊ววู่เด๋าก็ได้ใช้ขาของตัวเองเตะไปที่เขาซะก่อน “ข้าบอกให้ไสหัวไปซะ! ” เสียงตะโกนของเขาได้ผลักให้ชายวัยกลางคนคนนั้นกระเด็นถอยไป
ชายวัยกลางคนคนนั้นทำอะไรไม่ถูก เขารีบยืนขึ้นก่อนที่จะเคารพฮั๊ววู่เด๋าด้วยความเคารพ
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าน่ะจะลงจากภูเขาไปก็ได้…แต่ถ้าหากเจ้าอยากจะอยู่ก็จงขอร้องท่านอาจารย์ของข้าซะ ถ้าหากท่านอาจารย์ไม่คัดค้าน ภูเขาทองแห่งนี้กว้างใหญ่พอที่จะรับเจ้าเพิ่มได้อยู่แล้ว”
ชายวัยกลางคนคนนั้นได้พูดออกมาอย่างสั่นกลัว “ข้าต้องการออกจากภูเขาทอง ข้าจะออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
หมิงซี่หยินรีบลากชายวัยกลางคนคนนั้นออกจากห้องโถงใหญ่ไปในทันที
ฮั๊ววู่เด๋าผสานหมัดก่อนที่จะคารวะออกมา “ศิษย์ของข้าโง่เขลาเบาปัญญา ข้าหวังว่าท่านปรมาจารย์จะไว้ชีวิตเขาด้วย”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะนั่งลงและพูดตอบกลับไป “พวกเราก็แค่เลือกเส้นทางเดินที่แตกต่างกันเพียงเท่านั้น เอาล่ะเชิญนั่ง”
ลู่โจวได้พูดคำว่า ‘เชิญ! ‘ คำคำนี้ไม่เคยดังขึ้นในศาลาปีศาจลอยฟ้าเลย เห็นได้ชัดว่าลู่โจวให้ความสำคัญกับฮั๊ววู่เด๋ามากแค่ไหน
ฮั๊ววู่เด๋ารีบนั่งลงบนเก้าอี้
ลู่โจวมองฮั๊ววู่เด๋าด้วยสายตาที่คิดสงสัย หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดออกมา “เจ้าอยากจะเข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้ามากกว่าที่จะต้องการบอกความจริงสินะ…”
“โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“เจ้าไม่กล้วว่าจะทรมานเจ้าอย่างหนักเพื่อที่จะสืบหาความจริงให้ได้หรอกหรอ? ” ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างเยือกเย็น
ที่นี่คือศาลาปีศาจลอยฟ้า มันเป็นสถานที่ที่ปรมาจารย์มหาวายร้ายได้อาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำอันแสนชั่วร้ายขนาดไหนก็สามารถเกิดขึ้นที่นี่ได้ ไม่มีอะไรจะต้องน่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ฮั๊ววู่เด๋าได้ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับมา “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าก็คงจะร้องขอความตายได้เท่านั้น”
“เจ้าน่ะแตกต่างจากฝานซุยเหวิน เจ้าน่ะถูกควบคุมและไม่เกรงกลัวต่อความตาย เจ้าน่ะโชคดีกว่าเขาคนนั้นมาก” ลู่โจวพูดขึ้น
ฮั๊ววู่เด๋าได้แต่เงียบ เขาไม่ได้ตอบกลับอะไรไป
ในตอนนี้ทางเลือกของฮั๊ววู่เด๋าชัดเจน
“ติ้ง! คุณได้รับสาวกคนใหม่ ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ฮั๊ววู่เด๋า ค่าความจงรักภักดี 5%”
โจวจี้เฟิงและฝานซงได้เริ่มกล่าวทักทายสาวกคนใหม่อย่างมีมารยาท “สวัสดีท่านผู้อาวุโสฮั๊ว”
ใบหน้าของอันแก่ชราของฮั๊ววู่เด๋าแดงระเรื่อ เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับคำทักทายดีไหม ตัวเขารู้สึกกระอักกระอ่วน
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้กลับมาจากเชิงเขาไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขาเห็นฮั๊ววู่เด๋ามีท่าทีที่ดูอึดอัดใจ ตัวเขาก็ได้เลือกที่จะพูดออกมา “เจ้ากำลังกลัวคนทั้งโลกหัวเราะเยาะเย้ยสินะ การจะแก้ปัญหานั่นได้ง่ายนิดเดียว เจ้าก็เปลี่ยนชื่อซะสิ คิดซะว่าฮั๊ววู่เด๋าได้ตายไปแล้วในศาลาปีศาจลอยฟ้า”
“…”
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
หมิงซี่หยินพูดถูกแล้ว
“เอาเป็นว่าชื่อฮั๊ววู่หรือวู่ฮั๊วดีล่ะ? ” หมิงซี่หยินพูดออกมาอย่างประชดประชัน
“…”
ชื่อของฮั๊ววู่เด๋าได้ดูย้อนแย้งกับชื่อของจีเทียนเด๋าเล็กน้อย
“มันก็เป็นเพียงแค่ชื่อ ข้าไม่สนว่าจะถูกเรียกว่าอะไร…” ในตอนนี้ฮั๊ววู่เด๋ากำลังสับสน ตัวเขาเหมือนถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในดินแดนแห่งใหม่ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับความรู้สึกในตอนนี้
หยวนเอ๋อในตอนนั้นได้เดินกลับมา “ท่านอาจารย์ จดหมายจากเจียงอาเฉียนมาค่ะ”
“ส่งมา” ลู่โจวรู้สึกว่าจดหมายฉบับนี้จะต้องสำคัญ เพราะแบบนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ให้หยวนเอ๋ออ่านออกเสียงออกมา
หยวนเอ๋อได้ส่งจดหมายกับลู่โจวด้วยความเคารพ
ลู่โจวเปิดมันออกมา ในตอนนั้นเขาก็เริ่มอ่านจดหมาย
“ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุกวาดล้างหมู่บ้านมังกรสวรรค์คือองค์ชายองค์ที่สอง ส่วนผู้ที่ลงมือกวาดล้างแม่น้ำสวรรค์ก็คือนายพลเหว่ยซู่หยานแห่งฉางหนิง ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาก็คือผู้นำของกลุ่มอัศวินดำฝานซุยเหวิน ท่านผู้อาวุโสข้าน่ะได้ลงทุนลงแรงไปอย่างหนักเพื่อที่จะสืบเรื่องนี้มา…พูดตามตรงถ้าหากท่านไม่ได้ให้รางวัลตอบแทนเป็นดาบดีๆ สักเล่มข้าก็คงจะต้องรู้สึกเศร้ามากแน่”
ในตอนนี้เรื่องทุกอย่างได้ถูกคลี่คลายแล้ว แต่อย่างไรก็ตามสีหน้าของลู่โจวก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ในความจริงเขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าฝานซุยเหวินและฮั๊ววู่เด๋าคงจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ออกมาแน่ จดหมายของเจียงอาเฉียนเป็นเหมือนกับเครื่องยืนยันความสงสัยของตัวเขา ลู่โจวได้โบกมือ ในตอนนั้นจดหมายทั้งหมดก็ได้กลายเป็นฝุ่นผงไป
“ท่านอาจารย์ เจ้านั่นพูดอะไรบ้างคะ? ” หยวนเอ๋อถามออกมาอย่างอยากรู้
“เจ้านั่นได้บอกความจริงว่าใครกันเป็นผู้ลงมือกวาดล้างแม่น้ำสวรรค์…” ลู่โจวตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นฮั๊ววู่เด๋าก็รู้สึกตกใจจนเกือบจะตกจากที่นั่ง ใบหน้าของเขาซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาเบิกกว้างมากขึ้น
หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้พูดออกมาอย่างเฉยเมย “พาผู้อาวุโสฮั๊วไปพักก่อน”
“รับทราบ”
หยวนเอ๋อรู้สึกสับสน “ผู้อยู่เบื้องหลังนั้นทำให้ท่านอาจารย์เป็นกังวลได้ถึงขนาดนี้เลยหรอคะ? “
ลู่โจวพยักหน้าตอบกลับไป ถ้าหากผู้ที่ลงมือก่อเหตุเป็นคนธรรมดาหรือไม่ก็ชาวยุทธ ตัวเขาก็คงจะจัดการได้อย่างง่ายดายด้วยกฎของยุทธภพ แต่นี่กลับไม่ใช่แบบนั้น ลู่โจวไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจ้าชายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องของยุทธภพไม่สามารถที่จะใช้กับเจ้าชายได้ง่ายๆ เจ้าชายเองก็ไม่ควรจะเกี่ยวข้องกับคนธรรมดาเช่นกัน
ลู่โจวไม่ได้คิดจะดูถูกพลังอำนาจของเหล่าราชวงศ์จักรพรรดิ ท้ายที่สุดแล้วเหล่าราชวงศ์ก็เป็นผู้ดูแลให้ยุทธภพสงบสุขมาได้กว่าหลายปีด้วยกัน ทั้งทหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะต้องมีพลังยุทธที่สูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย พลังนั่นจะต้องสูงมากพอจนทำให้ยุทธภพสงบสุขได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮั๊ววู่เด๋าไม่อยากเปิดเผยเรื่องทั้งหมดนี้
ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็พูดออกมาอีกครั้ง “บอกเจียงอาเฉียนซะ ว่าข้าเตรียมดาบดีๆ ให้เจ้านั่นได้แล้ว ให้เจ้านั่นมาที่นี่เพื่อเก็บดาบเล่มนั้นไปเอง”