ซู่ฮ่องกงได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ใหญ่ ด้วยพลังความแข็งแกร่งที่ท่านมี ข้ามั่นใจมากว่าจะเปิดกล่องใบนี้ได้แน่ และเมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะพบกับสมบัติล้ำค่าที่ถูกซ่อนเอาไว้ มันจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าที่พวกเราไม่คาดคิดแน่? “
ยู่เฉิงไห่ได้ส่ายหัวของตัวเอง เขาไม่คิดว่าภายในกล่องจะมีอะไรที่ตัวเขาจะต้องรู้สึกสนใจได้ “นับตั้งแต่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเริ่มมองหาสาวก ท่านอาจารย์ก็ได้มอบอาวุธรวมไปถึงเคล็ดวิชาให้กับทุกๆ คน…นับตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของศาลาปีศาจลอยฟ้าก็เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ข้าไม่แปลกใจหรอกว่าจะมีสมบัติล้ำค่าอะไรอยู่ในนั้น”
“ถูกต้องแล้วศิษย์พี่…ศิษย์พี่ใหญ่ได้จัดการกับเหล่ายอดฝีมือมากมายด้วยดาบนิลโลหิตและเคล็ดวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด หลังจากนั้นศิษย์พี่ก็ก่อตั้งสำนักทางใต้ขึ้นมาได้และกลายเป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุทธภพได้ นอกจากนี้ยังมีเพลงดาบอันสมบูรณ์แบบของศิษย์พี่รองเช่นกัน นอกเหนือจากเพลงดาบกุยหยวนที่สมบูรณ์แบบของเขาแล้วไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานศิษย์พี่รองคนนั้นได้ ศิษย์พี่ร้องได้ทำลายของล้ำค่าในยุทธภพไปมากมายหลายชิ้นด้วยกันอย่างไร้ปรานี” ซู่ฮ่องกงได้พูดชื่นชมผู้เป็นศิษย์พี่ทั้งสองออกมา
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ยินแบบนั้นได้หันไปหาซู่ฮ่องกงในทันที
หัวใจของซู่ฮ่องกงเต้นรัว ในตอนนั้นเขาก็รีบพูดเสริมออกมาอย่างเร่งรีบ “เอ่อ…แม้ว่าเพลงดาบกุยหยวนจะทรงพลังมากก็ตามทีแต่ถึงแบบนั้นมันก็เทียบเท่ากับเคล็ดวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืดของศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นได้พูดออกไป “แม้ว่าศิษย์น้องรองมักจะขัดแย้งกับข้า แต่ถึงแบบนั้นข้าคนนี้ก็ยังเป็นศิษย์พี่ของเขาอยู่”
“ถูกต้องแล้ว ถูกต้องที่สุด ความใจกว้างของศิษย์พี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นเลียนแบบได้เลย” ซู่ฮ่องกงรู้ดีว่ายู่ฉางตงได้จัดการกับเฉินเหวินเจี๋ย คนจากยู่ฉางตงไป เฉินเหวินเจี๋ยเป็นหนึ่งในสามผู้คลั่งไคล้ดาบ เขาคนนี้เชี่ยวชาญการใช้เพลงดาบระดับสูง เฉินเหวินเจี๋ยถือว่าเป็นผู้ช่วยที่มีประโยชน์คนหนึ่งของยู่เฉิงไห่ ถึงแม้ว่าผู้ที่เป็นลูกน้องจะถูกสังหารไป แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรยู่ฉางตง ถ้าหากไม่เรียกสิ่งนี้ว่าใจกว้างแล้วก็คงจะไม่สามารถเรียกใครได้ว่าใจกว้างอีกต่อไป
ในฐานะยอดฝีมือ ยู่เฉิงไห่ได้รับคำชื่นชมเยินยอมาแล้วหลายครั้งต่อหลายครั้ง ตัวเขารู้สึกชินชาแล้วนั่นเอง “ไปบอกคนของเจ้าให้จัดที่นี่ให้เรียบร้อยซะ”
ซู่ฮ่องกงรีบสั่งการเหล่าสาวกทั้งหลายในทันที “เก็บกวาดให้เรียบร้อยซะ ศิษย์พี่ใหญ่ข้าอยากที่จะพักผ่อนแล้ว! “
คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือยู่เฉิงไห่ เขาเป็นศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้าผู้ที่ขับไล่กองทัพจากสำนักเที่ยงธรรมทั้งกองทัพด้วยกระบวนท่าเพียง 2 กระบวนท่าเท่านั้น นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าสำนักทางใต้ผู้ที่มีวรยุทธลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งรู้ได้
เพราะแบบนั้นจึงไม่มีใครเลยที่จะกล้าขัดคำสั่งนี้ สาวกทั้งหมดของหุบเขาพยัคฆ์จึงรีบเก็บกวาดฐานที่มั่นในทันที
…
เวลาสามวันได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
ในเช้าของวันใหม่ แสงอาทิตย์ก็ยังคงสาดส่องอยู่บนหุบเขาพยัคฆ์เช่นเคย
ในตอนนี้ฐานที่มั่นของหุบเขาพยัคฆ์ได้ถูกจัดระเบียบจนดูเรียบร้อยและสะอาดตามากขึ้นแล้ว
แต่ถึงแบบนั้นต้นไม้ส่วนใหญ่ที่ถูกลูกหลงจากพลังโจมตีไปก็ได้ถูกถอนไปหมดแล้ว และเพราะแบบนั้นสถานที่แห่งนี้จึงดูแห้งแล้งมากขึ้นกว่าเดิม
หมิงซี่หยินในตอนนี้กำลังใกล้หุบเขาพยัคฆ์มากขึ้นเรื่อยๆ ที่หมิงซี่หยินมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะทวงกล่องลึกลับคืนตามคำสัญญา แต่ถึงแบบนั้นสภาพแวดล้อมที่อยู่ที่นี่ก็ดูแปลกไป และเมื่อเห็นแบบนั้นหมิงซี่หยินจึงตัดสินใจที่จะตรวจสอบรอบๆ ดูก่อน ในระหว่างที่สำรวจตัวเขาก็พบเข้ากับความจริงบางอย่างเข้า “มีการต่อสู้ของยอดฝีมือเกิดขึ้นที่นี่อย่างงั้นหรอ? “
หมิงซี่หยินไม่ใช่คนโง่เขลา เขารู้ได้ทันทีว่าความเสียหายที่มากขนาดนี้จะต้องเป็นความเสียหายที่ยอดฝีมือสร้างขึ้นแน่ หลังจากนั้นเขาก้ได้แต่มองไปยังหุบเขาพยัคฆ์ที่อยู่ใกล้ๆ
“เจ้าศิษย์น้องแปด เจ้าน้องโง่คนนั้น ข้าได้แต่หวังว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ละนะ” หมิงซี่หยินรู้สึกกังวลเล็กน้อย ตัวเขาได้ใช้ปลายเท้าเคาะไปที่พื้นเบาๆ ก่อนที่จะพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงหุบเขาพยัคฆ์สภาพแวดล้อมที่นี่ดูแตกต่างไปจากเดิมเยอะ หมิงซี่หยินเห็นต้นไม้ทั้งหมดรอบๆ หุบเขาถูกถอนรากถอนโคนไปจนเกือบหมด
“ฮืม? รถม้าลอยฟ้าของสำนักเที่ยงธรรมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน? ” มีรถม้าที่ถูกทำลายคันหนึ่งอยู่ระหว่างทาง รถม้าคันนั้นมีชื่อของสำนักเที่ยงธรรมปรากฏอยู่ หมิงซี่หยินยังคงใช้ความคิดต่อไปจนกระทั่งได้พบกับสาวกของหุบเขาพยัคฆ์ทั้งสองคน
สาวกทั้งสองคนได้โค้งคำนับให้กับหมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านหมิงซี่หยิน ท่านหัวหน้าของพวกเรารอพบท่านมานานแล้ว”
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับผงะ เขาได้ถามกลับไปในทันที “รอพบข้ามานานแล้วอย่างงั้นหรอ? ” นอกเหนือจากสิ่งที่ได้ฟังดูประหลาดแล้ว หมิงซี่หยินก็รู้สึกประหลาดใจที่สาวกทั้งสองคนเองก็จดจำตัวเขาได้
หมิงซี่หยินได้ลูบคางก่อนที่จะครุ่นคิดเรื่องนี้ต่อไป ‘บางทีชื่อเสียงของข้าอาจจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งหุบเขาแล้วก็เป็นได้ หรือว่าการมาครั้งล่าสุดจะทำให้เหล่าสาวกของศิษย์น้องแปดประทับใจกัน? ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ทำไมศิษย์น้องแปดถึงรู้ว่าตัวข้าจะปรากฏตัวในช่วงเวลาแบบนี้ได้? ‘
“ใช่แล้ว ท่านศิษย์พี่ใหญ่ได้บอกให้พวกเรามารอรับท่าน”
“ท่านศิษย์พี่ใหญ่? ” หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับขมวดคิ้ว “”อย่าบอกข้านะว่าเป็นยู่เฉิงไห่ เจ้าสำนักทางใต้น่ะ
“ถูกแล้วท่านหมิงซี่หยิน”
“…” หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นสูญเสียความเยือกเย็นทั้งหมดที่มีในทันที เขาได้แต่เกาหัวก่อนที่จะพูดออกมา “เอ่อ ข้าเพิ่งจะนึกออกว่ามีเรื่องที่จะต้องทำ เอาไว้ข้าจะมาเอากล่องทีหลังก็แล้วกัน”
“เอ่อ…ท่านหมิงซี่หยิน…ท่านหมิงซี่หยิน…”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมาส่งข้า ข้ารู้ทางออกดี” หมิงซี่หยินรีบโบกมือก่อนที่จะถอยกลับอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เขากำลังจะถอยกลับไปได้ ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังกึกก้องดังไปทั่วหุบเขาพยัคฆ์ซะก่อน
“ศิษย์น้องสี่ ทำไมเจ้าถึงรีบออกหนีแบบนั้นกัน? พวกเราไม่ได้พบกันนานแล้วนะ ข้าน่ะนึกถึงช่วงสมัยก่อนจริงๆ ในตอนนี้ข้าเตรียมเหล้าและอาหารพร้อมแล้ว หรือว่าเจ้าอยากที่จะทำร้ายความรู้สึกของข้าด้วยการจากไปกัน? “
หมิงซี่หยินได้ยินเสียงของยู่เฉิงไห่อย่างชัดเจน หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูซีดเซียวลงในทันที ‘บ้าเอ๊ย! ข้าโชคร้ายอะไรแบบนี้! ‘
“ท่านหมิงซี่หยิน เชิญทางนี้ด้วย! “
หมิงซี่หยินทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่ยินยอมเดินตามเหล่าสาวกทั้งสองคนไปยังฐานที่มั่น
เป็นแบบที่ยู่เฉิงไห่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ในตอนนี้เขากำลังรออยู่ที่ฐานที่มั่นพร้อมกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารแล้ว หมิงซี่หยินที่เพิ่งจะมาถึงได้พบกับศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองที่กำลังรอคอยอยู่บนโต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว ตัวเขาได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะตัวนั้น ‘ไม่มีอะไรที่ข้าจะต้องกลัว ขนาดข้าอยู่ใกล้กับท่านอาจารย์มาโดยตลอดข้ายังไม่เป็นไร และเหตุใดข้าจะต้องกลัวศิษย์พี่ใหญ่คนนี้ด้วย? ‘
หมิงซี่หยินคารวะผู้เป็นศิษย์พี่ก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่ได้เจอกันนานเลยศิษย์พี่ใหญ่”
ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดเองลุกขึ้นมาก่อนที่จะทักทายอย่างสุภาพ “ศิษย์พี่สี่! “
ยู่เฉิงไห่เองก็พูดออกมา “ศิษย์น้องสี่ พวกเรามาดื่มกันเถอะ รีบรินเหล้าให้ศิษย์น้องข้าเร็วเข้า! ข้าจะไม่ยอมให้ใครออกไปแน่จนกว่าพวกเราจะเมา”
“…” หมิงซี่หยินได้โบกมือปฏิเสธไป “ศิษย์พี่ใหญ่ น้ำใจของศิษย์พี่กว้างใหญ่ราวกับผืนมหาสมุทร แต่ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะมาแข่งขันกับศิษย์พี่ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาเอากล่องกลับไปเท่านั้น ข้าจะรีบกลับไปรายงานกับท่านอาจารย์ ศิษย์น้องแปด กล่องของท่านอาจารย์ข้าอยู่ไหนกัน? “
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นรีบพูดขึ้น “ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนไปไหน…กล่องใบนั้นอยู่หลังข้าเอง รีบมานั่งเถอะ”
“…” หมิงซี่หยินในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป เขาตัดสินใจนั่งลง คงจะดีกว่าถ้าหากไม่ต่อต้านศิษย์พี่ใหญ่คนนี้ เมื่อหมิงซี่หยินนั่งลง จอกเหล้าของเขาก็เต็มไปด้วยเหล้าไปในทันที
ทันใดนั้นเองยู่เฉิงไห่ก็ได้พูดขึ้น “ศิษย์น้องสี่ ข้าได้ยินมาว่าท่านอาจารย์ชอบว่าร้ายข้าบ่อยๆ จริงไหม? “
“ไม่มีทาง! ใครกันที่บอกข่าวเท็จให้กับศิษย์พี่ใหญ่แบบนี้ได้? ” หมิงซี่หยินเบิกตากว้างอย่างตื่นตกใจเมื่อได้ฟังแบบนั้น
“อย่ากังวลไปเลย ถ้าหากข้ามองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นไม่ได้ข้าก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าหรอกนะ” เสียงยู่เฉิงไห่ฟังดูอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น แต่ถึงแบบนั้นน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความสุขุมมากอยู่ดี
ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงตอนนี้ ซู่ฮ่องกงไม่ได้หยุดกินเลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็พยายามที่จะพูดออกมา “ถูกแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่น่ะเป็นคนใจกว้างเสมอ”
“ศิษย์น้องสี่ ในตอนนี้บนภูเขาทองเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ? “
หมิงซี่หยินถอนหายใจก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา “ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก…ท่านอาจารย์น่ะแก่มาแล้ว ผู้คนจากทั่วยุทธภพเองก็จ้องที่จะทำลายศาลาปีศาจลอยฟ้าของพวกเราอยู่ตลอดเวลา”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “แล้วท่านอาจารย์ล่ะเป็นยังไงบ้าง? เขายังใจร้อนเหมือนเดิมไหม? “
เมื่อได้ยินแบบนั้นซู่ฮ่องกงก็ได้หยุดกินไปในทันที เขากำลังเฝ้ามองหมิงซี่หยินอย่างไม่ละสายตา
“ท่านอาจารย์ยังสุขสบายเช่นเดิม” หมิงซี่หยินกัดฟันแน่นก่อนที่จะพูดต่อไป “ส่วนอารมณ์ของท่านอาจารย์เองก็ดีขึ้นมาเช่นกัน”
“ข้าเองก็พอจะได้ยินมาบ้าง” ยู่เฉิงไห่ยกขวดเหล้าก่อนที่จะเทลงจอก “ข้าได้ยินมาว่าท่านอาจารย์มอบอาวุธระดับสรวงสวรรค์เคียวพื้นพิภพให้แก่เจ้า”
หมิงซี่หยินตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “ท่านเองยังรอบรู้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะศิษย์พี่ใหญ่”
“แม้ว่าข้าจะออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปนานแล้ว แต่หัวใจของข้าน่ะยังอยู่ที่นั่นเสมอ….” ยู่เฉิงไห่พูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“ข้าอยากมีอะไรที่อยากจะถามท่านตรงๆ ศิษย์พี่ใหญ่”
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน เจ้าพูดออกมาเถอะ ไม่มีจำเป็นจะต้องเก็บมันเอาไว้หรอก”
“ในตอนที่ท่านอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า ในตอนนั้นศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่ในยุคทอง ไม่มีใครหน้าไหนที่จะกล้ามาท้าทายพวกเราได้ ข้าอยากจะรู้เสมอมาว่าเพราะเหตุใดกันที่ท่านถึงออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าของพวกเราไป ท่านทำแบบนั้นเพราะอะไรกันศิษย์พี่ใหญ่? ” หมิงซี่หยินได้ถามออกมาอย่างจริงจัง มันเป็นคำถามที่ตัวเขาก็ได้ถามสีวู่หยาศิษย์น้องเจ็ดของเขาแล้ว แต่ถึงแบบนั้นศิษย์น้องก็ได้ให้คำคลุมเครือกลับมาเท่านั้น หมิงซี่หยินได้แต่คิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเขาคนนี้จะตอบตรงคำถาม