ซู่ฮ่องกงในตอนนั้นได้สู้กับสำนักเที่ยงธรรมอย่างองอาจ เพราะแบบนั้นเหล่าสาวกทุกคนจึงนับถือตัวเขาเป็นเหมือนกับหัวหน้าอย่างแท้จริง
เหล่าสาวกของหุบเขาพยัคฆ์ที่คุกเข่าอยู่ต่างก็สบตากัน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้ก้มคำนับซู่ฮ่องกงอย่างไม่ลังเล “ขอบคุณครับท่านหัวหน้า”
ซู่ฮ่องกงถึงกับผงะ ‘เจ้าพวกนี้ถึงกับร้องไห้ทันทีที่จะต้องจากกับข้าอย่างงั้นหรอ คำพูดของข้าซาบซึ้งขนาดนั้นเลย? ‘
“ไปได้แล้ว! “
เหล่าสมาชิกหุบเขาพยัคฆ์ได้ยืนขึ้นก่อนที่จะแยกย้ายจากกัน
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้โบกมือ เถาวัลย์ที่เคยขวางทางอยู่ได้หายไปในทันที สำหรับหมิงซี่หยินตัวเขาไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องต่อสู้กับสาวกพวกนี้ ยังไงซะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทุกคนก็เคยเป็นลูกน้องของซู่ฮ่องกง เพราะแบบนั้นแล้วการปล่อยพวกนี้ไปคงจะดีต่อศิษย์น้องมากกว่า
“ลืมเรื่องฐานที่มั่นชั้นต่ำของเจ้าไปซะ เจ้าน่ะกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ากับข้า” หมิงซี่หยินที่เห็นใบหน้าของซู่ฮ่องกงไม่เต็มใจเท่าไหร่นักจึงได้พูดเพื่อจะปลอบประโลม
“ศิษย์พี่…ข้าทำทุกอย่างมาก็เพื่อสิ่งนี้ ข้าน่ะรู้จักทุกอย่างแม้แต่พืชพรรณที่อยู่ที่นี่”
“เป็นอย่างงั้นหรอ หุบปากได้แล้ว! ” หมิงซี่หยินได้กลอกตา ‘ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้านี้จะยังอวดรู้ในตอนที่พ่ายแพ้แบบนี้! ‘
ซู่ฮ่องกงได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ “พวกเราไปกันเถอะ…”
ทั้งสองได้ออกจากหุบเขาพยัคฆ์ไป
ทั้งสองได้เดินจากไปพร้อมกัน ในขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับ ในตอนนั้นหมิงซี่หยินก็ได้คิดถึงตอนที่ได้ซัดฝ่ามือไปที่หลังของซู่ฮ่องกง “ศิษย์น้องแปด…เจ้าใส่อะไรกันแน่? “
ซู่ฮ่องกงรีบดึงเสื้อคลุมที่ได้ปกปิดเสื้อที่สวมใส่อยู่เอาไว้ “ศิษย์พี่…ข้าสวมใส่เสื้อคลุมตัวนี้เอาไว้”
หมิงซี่หยินส่ายหัวก่อนที่จะพูดตอบกลับ “พอแล้ว เจ้าพยายามที่จะซ่อนมันเอาไว้สินะ ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าศิษย์น้องเจ็ดจะให้ของดีกับเจ้าแบบนี้”
“…”
“ข้ารู้สึกประทับใจจริงๆ ที่เจ้าไม่ถูกพวกสำนักฝ่ายธรรมะจัดการเอา” หมิงซี่หยินที่พูดเสร็จก็ได้ยกนิ้วโป้งให้
“ข้าเองก็มีดีนะศิษย์พี่”
พวกเขาทั้งสองได้บินขึ้นไปบนอากาศด้วยกัน
…
ในตอนนั้นเอง
“ติ้ง! จับศิษย์ทรยศซู่ฮ่องกงสำเร็จได้รับรางวัล: 1,000 แต้มบุญ”
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น ตัวเขาตั้งใจที่จะให้หมิงซี่หยินไปสืบเรื่องแผนของศิษย์คนที่เจ็ดเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าหมิงซี่หยินจะสามารถจับศิษย์คนที่แปดกลับมาได้แบบนี้ แน่นอนว่าการที่ซู่ฮ่องกงถูกจับนับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขา เมื่อเป็นแบบนี้ซู่ฮ่องกงก็จะไม่สามารถสร้างปัญหาได้อีกต่อไป
ลู่โจวเหลือบมองไปที่เมนูระบบ
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่า: มนุษย์
วรยุทธ: ขั้นมหาราชครู
แต้มบุญ: 13,312
อวตาร: อวตารปัญจแห่งการเกิดใหม่
อายุขัยที่เหลือ: 5,988 วัน
ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพรชฆาต x1, การ์ดป้องกันไร้ที่ติด x2, การ์ดประกันชีวิต x7, กรงผนึกกักขัง x4, เครื่องรางขัดเกลา x2, การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x1, วิซซาร์ด (กำลังพักผ่อน) , บี่เอี๊ยน
อาวุธ: อาวุธนิรนาม, ห่วงแห่งรัก (เจ้าของเดิม: ยี่เทียนซิน) , กระบี่ตัดชีวา, สายสะพายแห่งนิพพาน, ถุงมือนักสู้
เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
เป็นเวลากว่าสองวันแล้วที่วิซซาร์ดยังคงพักผ่อนอยู่
ลู่โจวส่ายหัว บางทีมันอาจจะใช้พลังมากจนเกินไปในตอนที่ต่อสู้กับสิบคนทรง ลู่โจวได้แต่สงสัยว่ามันจะพักฟื้นอีกนานแค่ไหน
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ร้านค้าในระบบอีกครั้ง
ในตอนนี้มันไม่มีกล่องลึกลับจำกัดเวลาอีกต่อไป
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ค่าความโชคดีที่เพิ่งจะได้มาจากการจับฉลากนำโชค หลังจากที่จับได้ค่าความโชคดีจากการจับฉลากนำโชคไป ในตอนนี้ลู่โจวมีค่าความโชคดีทั้งหมด 19 แต้ม
“ผู้อาวุโสฮั๊วขอเข้าพบค่ะ! ” มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก
ฮั๊ววู่เด๋าได้เดินมาจากด้านนอก ท่าทีของเขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด การต่อสู้ของเขากับนักบุญแห่งดาบของลั่วฉีซานทำให้ฮั๊ววู่เด๋าสูญเสียพลังเกือบทั้งหมดไป ตัวเขาได้เดินเข้ามาในห้องโถงก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับลู่โจว
ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างสับสน “ผู้อาวุโสฮั๊ว เป็นอะไรรึเปล่า? “
ฮั๊ววู่เด๋าได้คารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าได้คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมากว่าหลายวัน ในตอนนี้ข้ายังมีอะไรบางอย่างที่ยังตัดใจไม่ได้…” ฮั๊ววู่เด๋าพูดต่อไป “ข้าอยากจะขออะไรเกี่ยวกับฝานเชียว”
“โอ้? “
“ฝานเชียวเป็นผู้ที่มาจากสำนักหยุน เขาได้ทำตามคำสั่งของข้า ท้ายที่สุดแล้วข้าเองเป็นผู้ผิด เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฝานเชียว…” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดต่อไปอย่างมั่นใจ
ลู่โจวไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับไป ในตอนนั้นเสียงของต้วนมู่เฉิงที่เต็มไปด้วยความโกรธก็ได้ดังขึ้นมาซะก่อน “ผู้อาวุโสฮั๊ว ข้าคงจะให้อภัยกับเรื่องที่ท่านขอไม่ได้หรอกนะ! “
ฮั๊ววู่เด๋าได้หันไปมองต้วนมู่เฉิง เขาในตอนนี้กำลังเดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับหอกราชันย์ที่มีอยู่ในมือ ร่างกายอันกำยำที่รวมเข้ากับอาวุธระดับสรวงสวรรค์ทำให้ตัวเขาดูน่าเกรงขามมาก
“ฝทนเชียวได้แอบอ้างเป็นท่านอาจารย์ ตามกฏของพวกเรา เจ้านั่นจะต้องถูกตัดออกเป็นแปดส่วนก่อนที่จะเอาไปให้สุนัขกิน! ในตอนนี้ท่านผู้อาวุโสฮั๊วกำลังเข้าข้างคนนอกมากไปรึเปล่า? ” ต้วนมู่เฉิงได้ถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
ใบหน้าของฮั๊ววู่เด๋าซีดเซียวลง
ต้วนมู่เฉิงไม่สนใจก่อนที่จะพูดต่อไป “ข้าไม่สนใจเรื่องระหว่างท่านกับลั่วฉีซานหรอก แต่ข้าไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยตัวฝานเชียวไป”
ต้วนมู่เฉิงได้ฟาดหอกราชันย์ลงบนพื้น
ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ยินแบบนั้นพูดออกไปอย่างสำนึกผิด “ตัวข้าในตอนนี้ได้ออกมาจากสำนักหยุนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้าได้ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับฝานเชียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…”
“เยี่ยมมาก! ผู้อาวุโสฮั๊ว ถ้าหากท่านพูดแบบนั้นแล้วท่านก็ควรที่จะสังหารเขาด้วยมือตัวเองเพื่อเป็นการตัดสัมพันธ์กับสำนักหยุน! ” ต้วนมู่เฉิงได้พูดขึ้น
“…” ฮั๊ววู่เด๋าถึงกับพูดไม่ออก ต้วนมู่เฉิงในตอนนี้กำลังทำตัวเป็นเหมือนยาพิษที่กำลังกัดกร่อนชีวิตของตัวเขา ด้วยเหตุผลบางอย่างฮั๊ววู่เด๋ารู้สึกกระวนกระวายใจทุกครั้งที่ได้พบกับเขา
การประมือกันบ่อยครั้งไม่ได้ช่วยความสัมพันธ์แต่อย่างใด นับตั้งแต่ที่ต้วนมู่เฉิงเลือกตัวเขาเป็นคู่ฝึก ต้วนมู่เฉิงก็ได้ขอให้ตัวเขาประลองด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงแม้ว่าจะประมือกันบ่อยครั้งแต่ต้วนมู่เฉิงก็ไม่เคยชนะเลย ฮั๊ววู่เด๋าได้แต่สงสัยว่าต้วนมู่เฉิงรู้สึกไม่ชอบหน้าอะไรตัวเขาไหม ที่เป็นแบบนี้คงเป็นเพราะตัวเขาพ่ายแพ้สินะ?
“ลืมไปซะเถอะ…” ฮั๊ววู่เด๋าได้คารวะให้กับลู่โจว “ข้ายินดีที่จะรับโทษเอง”
ลู่โจวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาเดินลงบันไดไปโดยที่เอามือไขว้หลัง ตัวเขาได้จ้องมองไปยังฮั๊ววู่เด๋าก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ข้าจะปล่อยฝานเชียวไป”
เมื่อได้ยินแบบนั้นดวงตาของต้วนมู่เฉิงก็ได้เบิกกว้างขึ้น
ฮั๊ววู่เด๋าตกตะลึง
“ท่านปรมาจารย์…”
ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรออกมา ลู่โจวก็ได้พูดออกมาซะก่อน “แต่มีเงื่อนไขหนึ่ง…”
“ท่านปรมาจารย์ได้โปรดบอกข้ามาเถอะ…แม้ว่าข้าจะออกจากสำนักหยุนไปแต่ถึงแบบนั้นคำพูดของข้าก็พอจะมีน้ำหนักกับพวกเขาอยู่ ข้าแน่ใจว่าจะต้องมีผู้อาวุโสคนอื่นยอมช่วยข้าแน่” ฮั๊ววู่เด๋าคิดว่าลู่โจวต้องการอะไรจากสำนักหยุน
“ข้าต้องการแมกโนเลียสีดำ” ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับตกตะลึง
ต้วนมู่เฉิงเองก็ถึงกับผงะเช่นกัน
ดวงตาของฮั๊ววู่เด๋าเบิกกว้างขึ้น “ท่านปรมาจารย์ ดอกแมกโนเลียสีดำเป็นของล้ำค่าอย่างแท้จริง ข้าไม่คิดว่าสำนักหยุนจะยอมแลกเปลี่ยนของสิ่งนี้เพื่อตัวฝานเชียวแน่…”
ลู่โจวได้โบกมือก่อนที่จะพูดต่อไป “ไม่จำเป็นจะต้องปฏิเสธเงื่อนไขของข้าในทันที เก็บไปคิดดูก่อนเถอะ”
ไม่ว่าใบหน้าของฮั๊ววู่เด๋าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ตัวเขาก็รู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมาได้ ตัวเขาได้คารวะลู่โจวอย่างเคารพก่อนที่จะเดินจากไป
ต้วนมู่เฉิงได้คารวะก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ตาแก่นี่ไม่ได้ภักดีกับเราเลย ทำไมพวกเราถึง…”
“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก” ลู่โจวโบกมือก่อนที่จะพูดต่อ “ให้เวลาเขาให้มากกว่านี้”
ต้วนมู่เฉิงไม่กล้าที่จะทักท้วงอะไรเลย ตัวเขาได้แต่ถามออกมา “ทำไมท่านอาจารย์ต้องการแมกโนเลียสีดำหรอครับ? “
“จุดตันเถียนของหยวนเอ๋อยังไม่ถูกเบิกทะลวง…ดอกแมกโนเลียสีดำเป็นสมบัติล้ำค่าของยุทธภพ มันจะช่วยเบิกทะลวงจุดตันเถียนของผู้ฝึกยุทธได้”
“ด้วยพลังวรยุทธที่ท่านอาจารย์มีในตอนนี้ก็น่าจะทะลวงจุดตันเถียนของศิษย์น้องเล็กได้ ทำไมท่านถึงต้องใช้ดอกแมกโนเลียสีดำด้วย? “
“การใช้กำลังทะลวงจุดตันเถียนไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่ากับการใช้แมกโนเลียดำหรอกนะ” ลู่โจวได้อธิบายออกมา
“ศิษย์เข้าใจแล้ว”
ในตอนนี้เองหยวนเอ๋อก็ได้เดินกลับมายังห้องโถงใหญ่ เมื่อเธอมาถึงเธอก็ได้หัวเราะคิดคักก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่สี่กลับมาแล้ว! “
ที่ด้านนอกของศาลาปีศาจลอยฟ้า
หมิงซี่หยินและซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ
ท่าทางของซู่ฮ่องกงในตอนที่เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ดูเขินอายยิ่งกว่าท่าทางการเดินของเจ้าสาวในวันแต่งงานซะอีก
หมิงซี่หยินจ้องมองไปที่ตัวเขาก่อนที่จะพูดขึ้น “เลิกลากเท้าเดินได้แล้ว เจ้าอยากที่จะให้ข้าแบกเจ้าไปด้วยเลยไหมล่ะ? “
“ไม่ ไม่ ไม่…ข้า…ข้าก็แค่อยากเข้าห้องน้ำเพียงเท่านั้น” ซู่ฮ่องกงมองไปรอบๆ ตัว สภาพแวดล้อมทั้งหมดดูคุ้นตาสำหรับตัวเขามาก สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เห็นศาลาปีศาจลอยฟ้า ที่ที่ตัวเขารู้สึกเกรงกลัวมากที่สุด