ในตอนนี้บนภูเขาทองเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมายหลายอย่าง และเพราะแบบนั้นเหล่าสาวกทั้งหลายจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากภูเขาทองได้อย่างอิสระ และเมื่อฝานซงเห็นผู้มาเยือนคนใหม่ทำให้ตัวเขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมชาติ
หมิงซี่หยินตอบกลับแค่เพียงพยักหน้าเท่านั้น
ฝานซงได้เดินกลับไปหาซู่ฮ่องกงเพื่อที่จะเฝ้ามองเขาจากระยะประชิด
‘เขาคนนี้อวบอ้วนและไม่สูงจนเกิน เขายังดูเงียบงัน นอกจากนี้เขายังดูขี้แพ้อีกด้วย’
“ข้ามีชื่อว่าฝานซง พี่ชายท่านนี้ไม่ทราบว่ามีชื่อว่าอะไรกัน? ” ฝานซงได้ถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันเป็นมิตร
ซู่ฮ๋องกงในตอนนี้กลอกตาไปหาฝานซง อารมณ์ของเขากำลังจะเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง…
แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรหมิงซี่หยินก็ได้กระแอมอยู่ในลำคอออกมาซะก่อน ซู่ฮ่องกงทำได้เพียงเก็บความขุ่นเคืองใจของตัวเองเอาไว้
ฝานซงเองก็ไม่ใช่คนโง่ ตัวเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่พยายามห้ามปรามผู้มาเยือนคนใหม่คนนี้ด้วยการกระแอมคอ “ท่านผู้มาเยือน ศิษย์พี่สี่ของพวกเราเป็นคนดีจริงๆ ท่านไม่ต้องกังวลไป…นับตั้งแต่วันนี้พวกเราจะกลายเป็นพี่น้องกัน”
ซู่ฮ่องกงไม่สามารถรับได้อีกต่อไป เขาไม่อาจที่จะรับการดูถูกเหยียดหยามนี้ได้อีก “ใครเป็นพี่น้องกับเจ้ากัน? “
ฝานซงได้พูดตอบกลับไป “พวกเราก็เหมือนกับพี่น้องกัน โชคดีที่ศิษย์พี่หมิงซี่หยินอยู่ที่นี่ ถ้าหากท่านพูดต่อหน้าศิษย์พี่สามหรือศิษย์พี่เก้า ท่านคงไม่อยากที่จะพูดแบบนั้นแน่”
“…”
‘เจ้านี่มาจากไหนกันแน่? ทำไมเจ้านี้ถึงได้ทำตัวสูงส่งยิ่งกว่าอาจารย์ของข้าซะอีก’
หมิงซี่หยินยกมือให้ก่อนที่จะพูดออกมา “ไปทำงานของเจ้าเถอะ”
ซู่ฮ่องกงตอบกลับมาอย่างเชื่อฟัง “ได้…” เมื่อตัวเขาได้เห็นผู้ฝึกยุทธหญิงจากวังจันทรากำลังซ่อมบันไดอยู่ใกล้ๆ ในตอนนั้นเองอารมณ์ของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อฝานซงเห็นแบบนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ศิษย์พี่สี่ หรือว่าผู้มาเยือนจะเป็นคนงานคนใหม่กัน? “
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องทำ…ในวันนี้เขาจะต้องเข้าไปใช้เวลาว่างในถ้ำแห่งเงาสะท้อน”
“ถ้ำแห่งเงาสะท้อนอย่างงั้นหรอ? ” เมื่อฝานซงได้ยินแบบนั้นหัวใจของเขาก็เต้นรั่ว “การที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมีสมาชิกใหม่ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ท่านปรมาจารย์ไม่น่ากังวลถึงกับต้องขังสมาชิกใหม่แบบนี้เลย? “
“ไม่ต้องกังวลไป…เขาน่ะไม่ถูกไล่ไปไหนหรอก เจ้าสบายใจได้” หมิงซี่หยินได้จากไปทันทีหลังจากพูดจบ
ฝานซงรู้สึกสับสนกับคำพูดของหมิงซี่หยิน และเพราะแบบนั้นเองตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะยังไม่ฝึกฝนตัวเองเพื่อเฝ้ามองซู่ฮ่องกงแทน
ซู่ฮ่องกงจะต้องทำงานหนักทุกอย่างที่พอจะทำได้ แม้ว่าซู่ฮ่องกงจะต้องทำงานอย่างหนักทั้งวันแต่ตัวเขาก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกมา เมื่อพระอาทิตย์ตกในที่สุดซู่ฮ่องกงก็ตัดสินใจที่จะนั่งลงเพื่อพักผ่อน
ฝานซงได้เดินเข้ามาก่อนที่จะยกนิ้วให้ “พี่ชายนี้สุดยอดจริงๆ เลย”
“เจ้าหมายความว่าอะไรกัน? “
“ในฐานะที่เป็นผู้มาเยือนคนใหม่…ข้ารู้สึกชื่นชมในตัวท่านจริงๆ “
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก…” ซู่ฮ่องกงได้พูดออกมา ตัวเขาในตอนนี้รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก
ฝานซงได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ในตอนที่ข้าได้มีโอกาสมาที่หุบเขานี้เป็นครั้งแรก ข้ารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่”
“ทุกข์ทรมานอย่างงั้นหรอ? “
“ใช่…” ฝานซงมองไปรอบๆ ตัวก่อนที่จะพูดเสียงเบา “เหล่าสาวกรุ่นพี่ทั้งหลายที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าล้วนแต่มีนิสัยที่แปลกประหลาด ถ้าหากท่านไม่ระวังตัวให้มากพอบางทีท่านอาจจะเจอปัญหาก็เป็นได้”
ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ขมวดคิ้ว เขาจ้องมองไปที่ฝานซงอย่างสับสน “นิสัยที่แปลกประหลาดอย่างงั้นหรอ? “
“เจ้าเองก็น่าจะเห็นมาด้วยตาตัวเองแล้ว ศิษย์คนที่สี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าหมิงซี่หยิน แม้ว่าภายนอกเขาจะดูเหมือนกับคนสุภาพแต่แท้จริงแล้วลึกๆ ของเขากลับเย็นชาและไร้หัวใจ ส่วนต้วนมู่เฉิงศิษย์คนที่สามเองเป็นคนที่ซื่อตรง ศิษย์คนนี้มักจะยึดมั่นในหลักการของตัวเองอย่างเคร่งครัด…และนอกจากนี้ยังมีหยวนเอ๋อ ศิษย์คนที่เก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้า แม้ว่ารูปลักษณ์ของนางจะดูเหมือนเด็กน้อยน่ารักแต่ถึงแบบนั้นนางกลับมีอารมณ์ที่แปรปรวนจนผิดปกติและมักจะใช้อารมณ์แก้ไขปัญหา ข้าว่าท่านควรที่จะอยู่ห่างกับนางให้มากที่สุดจะดีกว่า” ฝานซงได้แนะนำออกมาอย่างเคร่งขรึม
เมื่อฝานซงพูดถึงหยวนเอ๋อ ในตอนนั้นเองซู่ฮ่องกงก็ได้ตกตะลึง ตัวเขารู้แล้วว่าทำไมหยวนเอ๋อถึงได้เกรี้ยวกราดใส่ตัวเขาในห้องโถงใหญ่ก่อนหน้านี้
ซู่ฮ่องกงมองไปที่ฝานซง หลังจากนั้นเขาก็ได้ถามฝานซงด้วยเสียงอันแหบห้าว “แล้วเจ้าเคยได้ยินเรื่องของราชาปีศาจไหม? “
“ราชาปีศาจอย่างงั้นหรอ? ” สีหน้าของฝานซงเปลี่ยนไปในทันที “ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าน่ะไม่ได้พูดอะไรถึงราชาปีศาจมากนัก ฉายาของราชาปีศาจมีไว้เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านธรรมดาทั่วไปก็เท่านั้น เขาเป็นเพียงชายผู้มีพลังวรยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น ข้าว่าเขาคนนั้นอาจจะไม่ได้เก่งกาจในเรื่องของการต่อสู้ก็เป็นได้…ว่าแต่ท่านสบายดีสินะ? ท่านดูไม่สู้ดีเท่าไหร่เลยนะ”
ซู่ฮ่องกงรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าไม่สบาย ในตอนนี้เปลวไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวได้ลุกโชนขึ้นภายในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้น
ในตอนนั้นเองเสียงไอก็ได้ดังขึ้นมาซะก่อน หมิงซี่หยินได้ปรากฏตัวขึ้นมาใกล้ๆ พวกเขาทั้งสองคนโดยไม่ทันได้สังเกตเห็น
และเมื่อเห็นแบบนั้นเปลวไฟแห่งความโกรธของซู่ฮ่องกงก็ได้ดับลงไปในทันที
เมื่อฝานซงเห็นแบบนั้นเขาก็ได้พยักหน้าให้ ‘ศิษย์พี่สี่มาหาผู้มาเยือนคนใหม่อย่างงั้นหรอ? ‘
“ฝานซง”
“ครับ ศิษย์พี่หมิงซี่หยิน? “
“ผนึกพลังวรยุทธเจ้านั่นซะ เจ้านั่นจะถูกส่งไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อนเพื่อที่จะคิดทบทวนตัวเอง” หมิงซี่หยินได้พูดขึ้น
เมื่อฝานซงได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้แต่ตกตะลึงก่อนที่จะถามออกมาอย่างงุนงง “ศิษย์พี่หมิงซี่หยิน เขาเป็นเพียงผู้มาใหม่ ท่านจะไม่โหดร้ายกับเขาเกินไปหรอกหรอ? “
“ทำตามที่สั่งซะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฝานซงไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากเดินไปหาซู่ฮ่องกงก่อนที่จะกระซิบบอกเขา “ข้าขอโทษท่านจริงๆ สิ่งนี้อาจจะทำให้ท่านเจ็บแสบได้”
ซู่ฮ่องกงดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
และเมื่อได้รับการยอมรับจากซู่ฮ่องกงแล้วฝานซงก็เริ่มที่จะผนึกพลังวรยุทธของเขาในทันที ในไม่ช้าตัวเขาก็ผนึกพลังวรยุทธที่ซู่ฮ่องกงมีจนสำเร็จ
ซู่ฮ่องกงได้หันไปหาฝานซงก่อนที่จะตบไหล่เขา “รอข้าก่อนเถอะ…”
“ไม่จำเป็นจะต้องสุภาพแบบนั้นหรอก พวกเราอยู่ข้างเดียวกันแล้ว” ฝานซงได้พูดออกมา
ซู่ฮ่องกงลุกขึ้นไปก่อนที่จะเดินไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อนกับหมิงซี่หยิน
ในตอนนั้นเองก็มีใครตะโกนเรียกขึ้นมาซะก่อน “ศิษย์พี่แปด! “
‘ศิษย์พี่แปด? ‘ ฝานซงได้หันไปมอง ในตอนนั้นเองเขาก็ได้พบกับศิษย์คนสุดท้อง ศิษย์คนที่เก้าหยวนเอ๋อ ในตอนนี้หยวนเอ๋อกำลังเอามือเท้าเอวก่อนที่จะจ้องมองมายังพวกเขา
ซู่ฮ่องกงหยุดอยู่กับที่ เขาได้หันกลับมาพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “ศิษย์น้องเล็ก? “
‘ศิษย์น้องเล็กอย่างงั้นหรอ? ‘
หยวนเอ๋อได้ตอบกลับมา “ท่านอาจารย์ได้สั่งให้เฆี่ยนศิษย์พี่…ท่านลืมไปแล้วอย่างงั้นหรอศิษย์พี่สี่? “
“…”
“…”
ถ้าหากฝานซงเข้าใจบทสนทนาไม่ผิด คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็คือหนึ่งในศิษย์ศาลาปีศาจลอยฟ้าตัวจริง และเพราะแบบนั้นเปลือกตาของฝานซงจึงกระตุกอย่างรุนแรงทันที คอของเขาเองก็แห้งผากเช่นเดียวกัน
หมิงซี่หยินได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ศิษย์น้องแปด…อย่าโทษข้าเลยนะ ไม่ต้องกังวลไปข้าจะพยายามเมตตาเจ้าให้ได้มากที่สุดเอง
ซู่ฮ่องกงอยากที่จะร้องไห้ออกมาเมื่อจ้องมองไปยังหยวนเอ๋อ
หมิงซี่หยินได้แบกซู่ฮ่องกงขึ้นก่อนที่จะอุ้มเขาไปยังสถานที่สำหรับการเฆี่ยนตี
ในวันนั้นเองมีแต่เสียงร้องครวญครางดังก้องไปทั่วทั้งศาลาปีศาจลอยฟ้า
ฝานซงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ใจสั่น ‘นี่คือสิ่งที่เรียกว่าพยายามเมตตาแล้วอย่างงั้นหรอ? ดูเหมือนว่าศิษย์พี่จะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการลงโทษเลยมากกว่า! ‘
…
“ติ้ง! ลงโทษศิษย์คนที่แปดสำเร็จ ได้รับแต้มบุญ: 100 “
…
เมื่อการเฆี่ยนสิ้นสุด
หมิงซี่หยินรู้สึกพึงพอใจมาก เขาได้โบกมือก่อนที่จะพาซู่ฮ่องกงไปยังถ้ำแห่งเงาซะท้อน
“พี่ฝาน? ” โจวจี้เฟิงเดินมาพร้อมกับดาบที่อยู่บนด้านหลัง
“พี่ฝาน เกิดอะไรขึ้นกัน? ท่านไม่สบายอย่างงั้นหรอ? ” โจวจี้เฟิงได้เดินตรงมาหาฝานซง
ดวงตาของฝานซงในตอนนี้เบิกกว้าง ตัวเขาได้พึมพำอะไรบางอย่างออกมา “ข้า…ข้าคิดว่าข้ากำลังเจอปัญหาเข้าซะแล้วล่ะ…”
…
ในขณะเดียวกัน ณ ห้องลับของศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวได้ศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อีกครั้ง หลังจากที่ได้ศึกษาจนรู้สึกถึงพลังเขาก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น
ในเวลาเดียวเขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ มันเป็นเสียงแจ้งเตือนที่ได้มาจากการลงโทษของซู่ฮ่องกงนั่นเอง
ลู่โจวในตอนนี้ได้เหลือบมองไปที่แต้มบุญที่อยู่บนเมนู
‘ขาดแต้มบุญอีกพันกว่าคะแนนสินะกว่าที่จะซื้อพลังร่างอวตารใหม่ได้’
“ท่านอาจารย์…ผู้อาวุโสฮั๊วขอเข้าพบ” เสียงของหยวนเอ๋อได้ดังมาจากด้านนอก
“ข้ารู้แล้ว” ลู่โจวได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะออกจากห้องลับเพื่อที่จะเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่
ฮั๊ววู่เด๋าได้ยืนรอลู่โจวอย่างเคารพอยู่ที่ห้องโถงใหญ่อยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่เห็นลู่โจวปรากฏตัวเขาก็ได้เดินไปหาในทันที
“ท่านปรมาจารย์” ฮั๊ววู่เด๋าได้โค้งคำนับลู่โจว
“ว่ายังไง เจ้าจะทำตามเงื่อนไขไหม? “
ฮั๊ววู่เด๋าได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับมา “ข้าหาได้”
“เยี่ยมมาก”
“ข้าอยากจะรู้ว่าด้วยสมบัติล้ำค่าที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีมากมายหลายชิ้น ทำไมท่านถึงต้องการแมกโนเลียสีดำด้วย? ” ฮั๊ววู่เด๋าได้ถามออกมาอย่างสับสน