ลู่โจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ อย่างน้อยๆ คนของสำนักหยุนก็พอจะมีไหวพริบอยู่บ้าง
ในตอนนั้นเองฮั๊ววู่เด๋าก็ได้พูดเสริมออกมา “แต่ถึงแบบนั้น…พวกเขาอยากที่จะสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม”
“แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? “
“ฝานเชียวยังไม่พอ พวกเขาต้องการอาวุธระดับสรวงสวรรค์” เสียงของฮั๊ววู่เด๋าฟังดูเหมือนกระวนกระวายใจมาก ตัวเขาในตอนนี้รู้สึกผิดเพราะกำลังพูดให้กับสำนักหยุนอยู่นั่นเอง
ที่แห่งนี้คือที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า เมื่อใดก็ตามที่มีคนพูดล่วงเกินปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่มีอะไรมาการันตีเลยว่าปรมาจารย์จะไม่รู้สึกโกรธ
แต่เมื่อได้พูดออกไปสีหน้าของลู่โจวก็ยังคงดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย
หมิงซี่หยินเป็นคนที่พูดขึ้น “ดูเหมือนว่าความโลภของเจ้าพวกนั้นจะไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ศาลาปีศาจลอยฟ้ายอมที่จะทำข้อเสนออันดีกับเจ้าพวกนั้นแล้วแท้ๆ แต่เจ้าพวกสำนักหยุนยังกลับกล้าเรียกร้องขออาวุธระดับสรวงสวรรค์ได้? ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่รู้เลยอย่างงั้นหรออาวุธระดับสรวงสวรรค์มันมีค่ามากแค่ไหน? “
เห็นได้ชัดว่าสำนักหยุนไม่ได้รู้สึกว่าฝานเชียวจะมีค่าอะไร นี่ถือเป็นเหตุผลที่ทำให้ลู่โจวอยากที่จะฟังข้อเรียกร้องข้อที่ 2 แม้ว่าฝานเชียวจะเป็นถึงยอดฝีมือผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบ แต่ถึงแบบนั้นภายในสายตาของชาวสำนักหยุนกลับคิดว่าการจะแลกตัวฝานเชียวกับดอกแมกโนเลียสีดำเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่า
“ข้ารู้ดีว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์มีค่าแค่ไหน อันที่จริงแล้วข้าเองก็ไม่แนะนำที่จะทำข้อตกลงนี้กับพวกเขา” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดออกมา ท่าทีของเขาดูฝืนกับนิสัยเป็นอย่างมาก
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจเช่นกัน “เจ้าไม่กังวลเรื่องของฝานเชียวแล้วอย่างงั้นหรอ? “
“แม้ว่าข้าจะรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ แต่ข้าก็รู้สถานะดี” ฮั๊ววู่เด๋าได้ตอบกลับไป
“ท่านอาจารย์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของศิษย์น้องเล็ก มันเป็นเรื่องที่ท่านอาจารย์ควรจะตัดสินใจให้ดี” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาในขณะที่มองไปยังลู่โจว
หยวนเอ๋อในตอนนี้ยังคงนิ่งเงียบ ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
สาวกของลู่โจวรู้ดีว่าตัวเขามีอาวุธมากมายหลายชิ้น ในโลกยุทธภพมีข่าวลือมาว่าจีเทียนเด๋าสามารถครอบครองอาวุธล้ำค่าและสมบัติแสนหายากจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้ เรื่องสมบัติรวมไปถึงอาวุธล้ำค่าพวกนั้นเองเป็นหนึ่งในเรื่องที่จีเทียนเด๋ากุขึ้นมาเพื่อให้ลูกศิษย์วายร้ายของตัวเขารู้สึกเกรงกลัว
สำนักหยุนเองก็รู้เรื่องข่าวลือนั้นดี และเพราะแบบนั้นพวกเขาจึงอยากที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะครอบครองอาวุธระดับสรวงสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสำหนักหยุนกับศาลาปีศาจลอยฟ้าให้ดีขึ้นได้อีกด้วย แม้ว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะปฏิเสธข้อเสนอไป แต่ถึงแบบนั้นสถานะในตอนนี้ก็คงจะไม่แตกต่างอะไรกับตอนที่ปฏิเสธ เพราะแบบนั้นเองมันจึงไม่ได้ส่งผลอะไรกับสำนักหยุนมากนัก ถ้าหากจะพูดว่าสำนักหยุดคิดเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี นั่นก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่ได้พูดเกินจริงเลย
ลู่โจวได้พูดตอบกลับไป “ข้าน่ะมีอาวุธมากมายหลายชิ้น…แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าพวกนั้นจะได้มันไปง่ายๆ “
ฮั๊ววู่เด๋ารู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่ ตัวเขาได้คารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าจะแจ้งเรื่องนี้ให้กับสำนักหยุนได้รู้โดยเร็วที่สุดเอง”
“เนื่องจากสำนักหยุนไม่เต็มใจที่จะมอบดอกแมกโนเลียสีดำให้กับข้า…เพราะแบบนั้นข้าจะเป็นคนไปที่นั่นเพื่อที่จะไปเอาดอกแมกโนเลียมาด้วยตัวเองแทน” ลู่โจวได้พูดออกมา
“…” ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ยินแบบนั้นตัวแข็งทื่อไปในทันที
ถ้าหากลู่โจวต้องการที่จะไปสำนักหยุนด้วยตัวเองจริง เท่ากับว่าฮั๊ววู่เด๋าจะต้องเป็นคนพาตัวเขาไป การทำอะไรแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการทรยศบ้านเกิด ฮั๊ววู่เด๋าจะต้องอับอายไปจนตาย!
“เจ้าน่ะไปได้แล้ว” ลู๋โจวได้พูดออกมาในท้ายที่สุด
ฮั๊ววู่เด๋าได้แต่คารวะก่อนที่จะนิ่งเงียบไป
เมื่อหมิงซี่หยินได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้พูดออกมา “ท่านอาจารย์ครับ นี่ถือเป็นความคิดที่ดีเลย ศิษย์ไม่ได้ออกปล้นมาเป็นเวลานานแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนี้ชื่อของศิษย์ในบัญชีดำจะต้องตกต่ำลงกว่านี้แน่! “
“สามหาว! ” ลู่โจวขึ้นเสียง
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นสั่นไปทั้งตัวเพราะความกลัว ตัวเขาได้คุกเข่าลงในทันที “ศิษย์ผิดไปแล้ว! ” เพราะปากของตัวเขาเองจึงทำให้หมิงซี่หยินได้พบกับปัญหาอีกครั้ง
หยวนเอ๋อเองที่เงียบอยู่นานก็ได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่ต้องการที่จะใช้ดอกแมกโนเลียสีดำนั่นหรอก ศิษย์ไม่เชื่อว่าศิษย์จะสามารถทะลวงจุดตันเถียนด้วยตัวเองไม่ได้”
ลู่โจวได้หันไปมองหยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าแน่ใจแล้วอย่างงั้นหรอ? “
“ศิษย์แน่ใจแล้ว” หยวนเอ๋อได้ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “ยังไงซะศิษย์ก็ยังมีท่านอาจารย์อยู่เสมอ”
“สาวน้อย…” สีหน้าของลู่โจวดูเอาจริงเอาจังขึ้นมาก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าน่ะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์เป็นพิเศษ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงมันคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก ดอกแมกโนเลียสีดำเป็นเหมือนกับสมบัติล้ำค่า มันจะช่วยให้เจ้าสามารถทะลวงจุดตันเถียนได้ เจ้าน่ะสักวันหนึ่งจะต้องเติบโตด้วยตัวเอง ข้าน่ะปกป้องเจ้าไปไม่ได้ตลอดหรอกนะหยวนเอ๋อ” แม้ว่าลู่โจวอยากจะสื่อความหมายแบบไหน ตัวเขาก็ไม่อาจที่จะพูดออกมาตามตรงได้ว่าตอนนี้ตัวเขากำลังอ่อนแอ
หยวนเอ๋อรู้สึกสะเทือนใจมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ “ท่านอาจารย์จะไม่ตายเร็วแน่…”
“…”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหยวนเอ๋อมีเจตนาดี แต่ถึงแบบนั้นมันอาจจะทำให้ผู้อื่นที่ได้ฟังตีความผิดไป
…
สำนักหยุนมีแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด 8 แท่นด้วยกัน แต่ถึงแบบนั้นแท่นบูชาแห่งดาบกลับมีคนน้อยที่สุด ที่เป็นแบบนั้นเป็นเพราะว่าแท่นบูชาแห่งดาบเป็นของคนๆ เดียว คนคนนั้นก็คือนักบุญแห่งดาบลั่วฉีซานนั่นเอง
ในตอนแรกสำนักหยุนมีแท่นบูชาทั้งหมดเพียง 7 แห่งเท่านั้น แต่เพราะเหล่าสาวกที่มีมากขึ้นทำให้ท้ายที่สุดแล้วแท่นบูชาแท่นที่แปดก็ถูกสร้างขึ้น
แม้ว่าแท่นบูชาแห่งดาบจะดูด้อยกว่าแท่นบูชาอื่นๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นสถานที่ที่แสนพิเศษของลั่วฉีซาน
ลั่วฉีซานได้ทุ่มเททั้งชีวิตไปกับการฝึกฝนเพลงดาบ นอกเหนือจากนี้ตัวเขายังรับศิษย์จำนวนหนึ่งเอาไว้ ศิษย์สาวกส่วนใหญ่มักจะอยู่ในแท่นบูชาแห่งดาบ นอกเหนือจากศิษย์สาวกแล้วไม่มีใครอื่นที่จะอยู่ในแท่นบูชาแห่งนี้
ในตอนนั้นเองควันสีดำก็ได้พวยพุ่งออกมาจากกระถางธูปขนาดใหญ่ มันเป็นกระถางธูปที่วางอยู่ตรงใจกลางแท่นบูชาแห่งดาบนั่นเอง
“เป็นเวลากว่าเกือบเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่เจ้าท่านอาจารย์เก็บตัวเองเพื่อฝึกฝนอย่างสันโดษ ในตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาก็คงจะหายดีแล้ว”
“ฮั๊ววู่เด๋าไม่ได้ทำร้ายท่านอาจารย์จนบาดเจ็บสาหัส ท่านอาจารย์ก็แค่พยายามที่จะฟื้นฟูพลังวรยุทธที่สูญเสียไปก็เท่านั้น”
“ถ้าหากจะฟื้นฟูพลังวรยุทธ ภายในเวลา 7 วันก็คงจะฟื้นฟูตัวเองได้แล้ว ทำไมเขาถึงต้องเก็บตัวสันโดษเป็นเวลานานแบบนี้ด้วย? ข้าน่ะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเพลงดาบมากมายที่อยากจะถามไถ่เขา”
“ท่านอาจารย์บอกเอาไว้ว่ามีคนต้องการที่จะประมือกับเขา เพราะแบบนั้นท่านอาจารย์จึงจะต้องเตรียมพร้อมให้พร้อมสำหรับการต่อสู้มากที่สุด”
“ใครกันที่กล้าทำแบบนั้นได้? ดูเหมือนท่านอาจารย์จะระวังตัวเป็นพิเศษเลยด้วย”
“ถ้าหากศัตรูเก่งกาจแบบนั้นจริง พวกเราก็ถอยไปยังแท่นบูชาหลักได้นิ? “
“ท่านอาจารย์ได้บอกเอาไว้ว่าพวกเราไม่สามารถวิ่งหนีปัญหาได้เสมอไปหรอกนะ”
ในระหว่างที่เหล่าสาวกกำลังเพลิดเพลินไปกับการสนทนาอย่างตั้งใจ ในตอนนั้นเองชายชุดเขียวก็ได้เดินมาจากกลางอากาศก่อนที่จะลงมาหาพวกเขา
ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวได้เดินผ่านพวกเขาไปอย่างง่ายดาย ในที่สุดตัวเขาก็ได้หยุดลงในขณะที่ลอยอยู่เหนือแท่นบูชาแห่งดาบ
“นั่นใครกัน? ” ศิษย์สาวกคนหนึ่งสังเกตเห็นชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวคนนั้น
สาวกคนอื่นๆ ต่างก็ชักดาบออกมาราวกับว่าเจอกำลังเจอกับศัตรูที่ทรงพลัง
คู่ต่อสู้คนนี้แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสามารถผ่านการรับรู้ของเหล่าสาวกมากมายหลายคนจนมาถึงแท่นบูชาแห่งดาบนี้ได้
ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวได้พูดออกมาอย่างนุ่มนวล “ทุกคนไม่จำเป็นจะต้องลุกลี้ลุกลนแบบนั้นเลย ข้ามาที่นี่ก็เพราะมีนัดกับนักบุญแห่งดาบ พวกเจ้าช่วยข้าตามหาเขาทีจะได้ไหม? “
เหล่าศิษย์สาวกทั้งหมดต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวคนนี้ไม่ใช่ศัตรู
นักบุญแห่งดาบลั่วฉีซานเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะแบบนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวเขาจะมีเพื่อนฝูงที่เก่งกาจแบบนี้
“ท่านคงจะเป็นเพื่อนของท่านอาจารย์สินะ! ได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบไปแจ้งข่าวกับท่านอาจารย์เอง”
“ขอบคุณมาก”
เมื่อศิษย์คนนั้นวิ่งไปยังสถานที่ที่ลั่วฉีซานได้เก็บตัวอยู่ ในตอนนั้นเองพลังลมปราณอันทรงพลังก็ได้ทำลายประตูออกมา! ในตอนนั้นเองดาบพลังงานจำนวนมากก็ได้ลอยออกมาจากในนั้น
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ดาบพลังงานทั้งหมดได้ลอยไปที่แท่นบูชาก่อนที่จะลอยไปยังท้องฟ้า
“…” เหล่าสาวกที่เห็นแบบนั้นต่างก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาอีกครั้ง
ดาบพลังงานทั้งหมดได้ถูกชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวปัดเป่าไปอย่างง่ายดาย
เพล๊ง! เพล๊ง! เพล๊ง!
ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวสามารถรับมือกับการโจมตีอย่างง่ายดาย ที่ด้านหน้าของเขามีกำแพงพลังลมปราณปรากฏขึ้นมา พลังนั้นได้ปัดเป่าดาบทั้งหมดที่โจมตีเข้าใส่ให้กระเด็นกลับไปได้ ภายในพริบตาเดียวเท่านั้นดาบพลังงานทั้งหมดก็ได้จางหายไปในอากาศ
นักบุญแห่งดาบลั่วฉีซานได้ก้าวออกมาจากห้องเก็บตัวก่อนที่จะบินไปบนอากาศ
“ท่านอาจารย์! “
“ท่านอาจารย์! “
เหล่าสาวกต่างก็ทักทายให้กับลั่วฉีซาน
แต่ถึงแบบนั้นลั่วฉีซานกลับไม่ได้สนใจอะไร เขาได้บินไปยังจุดที่อยู่ใกล้ๆ กับชายผู้ใช้ดาบชุดเขียว “เจ้ามาแล้วสินะ”
ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวจ้องมองไปยังลั่วฉีซาน เขาคนนี้เป็นผู้ที่มีอายุน้อยแต่ถึงแบบนั้นเขากลับเป็นยอดฝีมือได้ ในตอนนั้นเองรอยยิ้มจางๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยอมรับชะตากรรมแล้วสินะ? “
“ข้าเองก็คิดว่าเจ้ากลัวเกินกว่าที่จะมาแล้ว…แม้ว่าจะมีผู้ฝึกยุทธของสำนักหยุนไม่มากที่แท่นบูชาแห่งดาบ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะบุกมาได้ง่ายๆ ข้าน่ะกังวลอยู่นานว่าเจ้าจะมาไม่ถึง”
“เวลาที่ข้าจะได้ฆ่าเจ้าอีกครั้งมาถึงแล้วสินะ”
ลั่วฉีซานได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดกลับ “ข้าอยู่ในโลกยุทธภพมานาน ข้าน่ะเกลียดคนที่ไม่รู้จักตัวเองเป็นที่สุด แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะแตกต่างออกไป เจ้าน่ะแม้จะเป็นคนจากฝ่ายอธรรมแต่กลับรักษาคำพูดเป็นอย่างดี ในวันนี้ข้าจะต่อสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรมเอง”
“เยี่ยมมาก”
ลั่วฉีซานไม่กล้าที่จะอ่อนข้อให้กับชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวคนนี้เลย ตัวเขาได้คารวะก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง “ข้าผู้ที่นั่งอยู่บนแท่นบูชาแห่งดาบจากสำนักหยุนนามว่าลั่วฉีซาน ในวันนี้มาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะมาประลองกับเจ้าตามสัญญาแล้ว! “
“ข้ายู่ฉางตง” ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวได้ยิ้มให้ก่อนที่จะคารวะกลับไปเช่นกัน