“เสร็จเรื่องแล้วข้าขอตัวก่อน” ยู่ฉางตงได้หันไปมองเหล่าสาวกที่อยู่บนแท่นบูชาแห่งดาบก่อนที่จะพยักหน้าให้กับพวกเขาอย่างใจดีพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้หายไปในพริบตา เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้นยู่ฉางตงก็ได้ไปไกลกว่า 100 ฟุตแล้ว หลังจากนั้นอีกไม่กี่วินาทียู่ฉางตงก็ได้ออกไปจากม่านพลังป้องกันของแท่นบูชาก่อนที่จะหายตัวไปในที่สุด
ลั่วฉีซานรู้สึกเหมือนได้คลายแรงกดดันออก เขาได้ลงมายังแท่นบูชาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินโซเซไปมาเล็กน้อย
“ท่านอาจารย์! ” ลูกศิษย์ลั่วฉีซานทั้งสองคนรีบวิ่งมาพยุงตัวเขาในทันที
ลั่วฉีซานได้สงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับมา “บอกกับผู้อาวุโสไปว่าข้าได้เปลี่ยนใจแล้ว…ฝานเชียวเป็นศิษย์คนสำคัญของสำนักหยุน แมกโนเลียดำมันก็เป็นแค่เพียงของนอกกาย ชีวิตย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว ยอมรับการแลกเปลี่ยนซะเถอะ”
“เข้าใจแล้ว”
…
ณ ศาลาแห่งหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่อยู่ห่างจากแท่นบูชาแห่งดาบกว่าหลายไมล์ด้วยกัน
สีวู่หยามองไปยังทิศที่แท่นบูชาแห่งดาบตั้งอยู่หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์พี่รอง ท่านนี่ดูเหมือนจะทำตัวพิเศษกับศิษย์น้องเล็กจริงๆ เลยนะ น่าแปลกใจจริงๆ “
ยู่ฉางตงได้พิงเสาของศาลาก่อนที่จะตอบกลับมา “ศิษย์น้องเล็กน่ะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มาก ถ้าหากนางไม่สามารถเบิกทะลวงจุดตันเถียนได้ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากแน่…กฎเกณฑ์ต่างๆ น่ะถูกสร้างขึ้นมาด้วยเงื้อมมือของมนุษย์ สุดท้ายแล้วการตัดสินใจของมนุษย์นั่นแหละที่ยิ่งใหญ่กว่าชะตาฟ้าลิขิต”
“ข้าได้ยินมาว่าสำนักหยุนปฏิเสธที่จะแลกเปลี่ยนดอกแมกโนเลียสีดำกับศลาปีศาจลอยฟ้า…ในตอนนี้ศิษย์พี่ได้เทน้ำมันราดลงไปกองไฟซะแล้วล่ะ ผลลัพธ์จากการตัดสินใจของท่านคงจะมีด้วยกันทั้งหมดอยู่สองแบบ…” สีวู่หยาได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ “ผลลัพธ์แรกสำนักหยุนที่ถูกต้อนจนมุมก็คงจะต้องต่อสู้กับศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผลลัพธ์ที่สองก็คือสำนักหยุนตกลงที่จะแลกเปลี่ยนของ ศิษย์พี่รอง ท่านน่ะไม่กังวลหรอว่าสำนักหยุนจะเลือกผลลัพธ์แรกน่ะ? “
“ศิษย์น้องเจ็ด ข้าน่ะรู้ว่าเจ้าฉลาดหลักแหลม แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็น่าจะเข้าใจเหตุผลที่แสนจะธรรมดาของโลกใบนี้เอาไว้ด้วย นั่นมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอกนะ” ยู่ฉางตงได้พูดให้พร้อมกับรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่รองได้โปรดสอนข้าด้วย”
“ถ้าหากเจ้าพวกนั้นไม่เต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนจริง…พวกเราก็แค่ใช้กำลังบังคับพวกเขาก็เท่านั้น” ยู่ฉางตงได้ส่ายหัวหลังจากที่พูดเสร็จ “แต่ข้าน่ะไม่อยากใช้วิธีการที่รุนแรงแบบนั้นหรอกนะ”
เมื่อสีวู่หยาได้ยินแบบนั้น ตัวเขาก็ได้คารวะผู้เป็นศิษย์พี่ก่อนที่จะพูดขึ้น “คำพูดของศิษย์พี่เพียงหนึ่งคำชี้ทางสว่างให้ข้าได้ไกลกว่าการศึกษาด้วยตัวเองถึง 10 ปี ศิษย์พี่ช่างมีความสามารถจริงๆ “
“จับตาดูสำนักหยุนให้ข้าด้วย…”
“ไม่ต้องห่วงศิษย์พี่รอง ข้าจะจับตาดูเป็นอย่างดีให้เอง”
“ข้าต้องทำให้เจ้าเดือดร้อนอีกแล้วสินะ”
“ท่านสุภาพกับข้ามากเกินไปแล้วศิษย์พี่” สีวู่หยาได้คารวะยู่ฉางตงอีกครั้ง ในตอนที่ตัวเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ยู่ฉางตงก็ได้หายไปแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเสียงของเขาก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูของสีวู่หยา สีวู่หยาที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ข้าหวังว่าศิษย์น้องเล็กจะไร้เดียงสาและก็บริสุทธิ์เหมือนกับที่ท่านคิดเอาไว้จริงๆ นะศิษย์พี่รอง ถ้าหากไม่เป็นแบบนั้นจริงๆ ความพยายามของพวกเราคงจะสูญเปล่าแน่”
…
วันรุ่งขึ้นที่ห้องโถงของศาลาปีศาจลอยฟ้า
เหล่าศิษย์สาวกทั้งหมดได้มายืนรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว
ลู่โจวยังคงคิดถึงวิธีการเพื่อที่จะใช้เจรจากับสำนักหยุนอยู่
ที่แท่นบูชาทั้งแปดของสำนักหยุนเต็มไปด้วยเหล่ายอดฝีมือ
สถานการณ์ปัจจุบันของศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ที่แห่งนี้ได้สูญเสียศิษย์คนโตและศิษย์คนรองไปซะแล้ว
ในตอนนี้ฮั๊ววู่เด๋าเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุด ส่วนฝานซุยเหวินยังคงพักฟื้นอยู่ ยี่เทียนซินในตอนนี้กำลังเริ่มฟื้นฟูพลังวรยุทธจากจุดตันเถียนอีกครั้ง และยี่เทียนซินในตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นศิษย์สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกด้วย จ้าวยู่เองก็เพิ่งจะฟื้นฟูพลังวรยุทธมาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และเธอก็ยังไม่ได้ฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย ดังนั้นการจะต่อสู้กับสำนักหยุน จ้าวยู่ก็คงจะไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้แน่
‘แล้วถ้าหากขโมยล่ะ? ‘ ความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดได้ปรากฏขึ้นในใจของลู่โจว
ในขณะนั้นเองเสียงก็ได้ดังมาจากด้านนอก
“ท่านผู้อาวุโสฮั๊วมาแล้ว”
ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ฮั๊ววู่เด๋าในตอนนี้กำลังเดินมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า เมื่อเดินมาถึงเขาก็ได้โค้งคำนับให้กับลู่โจว “ท่านปรมาจารย์ สำนักหยุนได้เขียนจดหมายตอบกลับมาแล้ว พวกเขาตกลงที่จะแลกเปลี่ยนตัวฝานเชียวกับดอกแมกโนเลียสีดำ พวกเขากำลังจะส่งของมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้”
หัวใจของลู่โจวรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นใบหน้าและน้ำเสียงของตัวเขาก็ยังคงฟังดูสงบเยือกเย็นอยู่ดี “เจ้าพวกนั้นเปลี่ยนใจแล้วอย่างงั้นหรอ? “
“ครับ…” ฮั๊ววู่เด๋าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมสำนักหยุนถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน ครั้งหนึ่งเองเขาก็เคยมาจากสำนักหยุนเช่นกัน ตัวเขารู้ดีว่าการที่จะแท่นบูชาทั้ง 7 ในสมัยนั้นจะตกลงอะไรกันได้ เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมาก และเพราะการเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันนี่เองทำให้ตัวเขารู้สึกประหลาดใจเป็นที่สุด
แต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็ไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่พวกเขาตกลงที่จะแลกเปลี่ยน นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
“ท่านปรมาจารย์ เนื่องจากสำนักหยุนตกลงที่จะแลกเปลี่ยนกับพวกเรา ทำไมเราไม่คว้าโอกาสที่ปรับปรุงความสัมพันธ์ที่พวกเรามีกับสำนักหยุนซะเลยล่ะ…แม้ว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนแต่ถึงแบบนั้นที่แห่งนี้ก็มีศัตรูมากเกินไป เมื่อท่าน…ในอนาคต ท่านปรมาจารย์ได้โปรดเถอะ…” ฮั๊ววู่เด๋าได้หยุดพูดไปกลางคัน เขารู้ดีว่าอายุของลู่โจวมีจำกัด และหลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อขึ้นไปอีก “การมีมิตรที่ดีย่อมดีกว่าการมีศัตรู ท่านปรมาจารย์”
ลู่โจวเหลือบมองไปที่เขา “ผู้อาวุโสฮั๊ว ข้าเองเห็นด้วยกันเจ้า…แต่ว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าในอนาคตไม่ได้ต้องการพันธมิตรแบบนี้” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างไม่แยแส
“ในอนาคต…”
“พวกเราจะปล่อยปัญหาของวันพรุ่งนี้เอาไว้แก้สำหรับวันพรุ่งนี้” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ “ข้าน่ะยังมีเวลาเหลืออยู่ในมือ”
ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อไป บางทีเขายังคงใหม่เกินไปในศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้ นิสัยของเขาจึงเข้ากับนิสัยของชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ได้ ในตอนนี้ยังคงมีสิ่งที่สำคัญต้องทำก่อน ลู่โจวจะค่อยตัดสินใจเรื่องนี้อย่างช้าๆ อย่างน้อยๆ ฮั๊ววู่เด๋าเองก็ไม่ได้พอใจอะไรกับวิธีการแบบนี้
“ท่านปรมาจารย์แม้ว่าสำนักหยุนจะเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนดอกแมกโนเลียสีดำกับพวกเรา…แต่ดอกแมกโนเลียดำเพียงดอกเดียวไม่อาจที่จะทะลวงจุดตันเถียนของใครคนใดคนหนึ่งได้” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดเตือนลู่โจว
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าตอบรับ “เจ้ารู้ไหมว่าโลกใบนี้มีดอกแมกโนเลียสีดำกี่อัน? “
ฮั๊ววู่เด๋าได้ตอบกลับไปในทันที “จากที่ข้ารู้ในโลกแห่งนี้มีดอกแมกโนเลียดำทั้งหมดอยู่ 5 ดอกด้วยกัน ดอกที่สองอยู่ในมือของต้วนหลิน ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของยุทธภพ ส่วนดอกที่สามอยู่ในหรงเป่ย ดอกที่สี่อยู่ในวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ และดอกสุดท้ายดอกที่ห้า…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ไหน”
คำพูดของฮั๊ววู่เด๋าสอดคล้องกับความรู้ที่ลู่โจวมี
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ในความคิดของเจ้า พวกเราควรจะหาดอกแมกโนเลียสีดำมาจากที่ไหน? “
“ต้วนหลินอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้…ส่วนหรงเป่ยนั้นอยู่เหนือโลกยุทธภพไป ดังนั้น…เหลือเพียงแต่วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์เท่านั้น” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดต่อไป “วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์เป็นพันธมิตรอันดีกับวิหารแห่งความว่างเปล่า พวกเขาทั้งคู่ต่างก็นับถือพระพุทธศาสนา…วิหารชาวพุทธไม่เคยที่จะยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสำนักฝ่ายธรรมะและสำนักฝ่ายอธรรมมาก่อน ข้าคิดว่าถ้าหากพวกเราเจรจากับวิหารนั่น พวกเราก็คงจะหาทางออกได้แน่”
คำพูดของฮั๊ววู่เด๋ามีเหตุผลที่เพียงพอ
ในขณะที่หมิงซี่หยินนิ่งเงียบอยู่นาน ตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ท่านอาจารย์ ข้ามีแผน”
“ว่ามา”
“ศิษย์น้องแปดมีความสัมพันธ์อันดีกับวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์…พวกเราควรส่งเขาไปเจรจาได้” หมิงซี่หยินได้ถามออกมา
“ความสัมพันธ์อันดีอย่างงั้นหรอ? “
“หลังจากที่ศิษย์น้องแปดออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปแล้ว เขาก็พยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้ศึกษาคัมภีร์เคล็ดวิชาดีๆ เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด เสื้อคลุมวิถีเซนเองเขาก็ได้มาจากวิหารนั่น” หมิงซี่หยินได้พูดออกมา
“พาเจ้านั่นมาที่นี่” ลู่โจวพูด
“ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินวิ่งไปหาซู่ฮ่องกงอย่างกระตือรือร้น
ในเวลาไม่นานหมิงซี่หยินก็พาซูฮ่องกงที่กำลังสับสนเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่
ซู่ฮ่องกงซูบผอมไปมากหลังจากที่เวลาผ่านไปในหนึ่งเดือน เมื่อเขาได้กลับมายังห้องโถงใหญ่อีกครั้งเขาก็ยังคงรู้สึกประหม่าเช่นเดิม ซู่ฮ่องกงยิ่งทำตัวแย่กว่าแต่ก่อน ดวงตาของเขาได้จ้องมองไปทั่วทุกทิศทาง ซู่ฮ่องกงได้คุกเข่าลงก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความเคารพ “ท่านอาจารย์ ขอให้ท่านอาจารย์มีชีวิตอยู่เป็นพันเป็นหมื่นปี อยู่ไปตลอดกาลและตลอดไป! “
หมิงซี่หยินขมวดคิ้ว ‘เจ้านี่ขโมยซีนข้าจริงๆ! ‘
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกไป “เจ้าแปด เจ้าน่ะถูกหลอกใช้ให้ทำบาปอย่างมหันต์ ในตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าไถ่บาปด้วยตัวเอง”
เมื่อซู่ฮ่องกงได้ยินแบบนั้นมีความสุขมาก “ศิษย์เต็มใจที่จะไถ่บาป จะให้ศิษย์บุกน้ำลุยไฟที่ไหนศิษย์ก็พร้อมที่จะทำ! “
“ดีมาก” ลู่โจวได้พูดออกมา “ข้าจะให้เจ้าไปเอาดอกแมกโนเลียสีดำจากวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์มา”
ซู่ฮ่องกงรู้สึกสับสน ‘วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์อย่างงั้นหรอ? ‘ ซู่ฮ่องกงรู้สึกตกตะลึง สีหน้าข่มขื่นได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่เขาไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์
เมื่อลู่โจวเห็นความไม่เต็มใจบนสีหน้าของซู่ฮ่องกง ตัวเขาก็ได้ถามออกไป “อะไรกัน? เจ้าไม่เต็มใจอย่างงั้นหรอ? “
“ไม่ ไม่ ไม่…ข้าเต็มใจ! ข้าเต็มใจที่จะไปนำดอกแมกโนเลียสีดำกลับ! ” ซู่ฮ่องกงดึงใบหน้าก่อนที่จะพูดออกมาอย่างมั่นใจ
หมิงซี่หยินได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “รีบไปซะ ถ้าหากเป็นเจ้าก็คงจะไม่เจอปัญหาอะไรแน่ ถ้าหากตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ เจ้าจะต้องทำได้แน่ ข้าชื่อว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอันตราย อย่าลืมไปว่านี่เป็นเพียงแค่การเจรจาเท่านั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจริงเจ้าก็รีบแจ้งกลับมาก็แล้วกัน…”
“ข้าจะรีบออกไปทันที” ซู่ฮ่องกงได้พยักหน้าก่อนที่จะโค้งคำนับให้ เขาได้เดินถอยหลังออกจากห้องโถงใหญ่ไป
หลังจากที่ซู่ฮ่องกงจากไปลู่โจวก็ได้พูดว่า “เมื่อไหร่สำนักหยุนจะส่งทูตพิเศษมากัน? “
“ในอีกหกชั่วโมงครับ”