หมิงซี่หยินจะต้องเป็นควบคุมพังงาต่อไป นั่นก็หมายความว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่จะต้องอยู่บนจุดที่สามารถชมวิวที่ดีที่สุดต่อไป เมื่อมองไปยังพื้นที่ที่เป็นของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ ตัวเขาก็พบกับนักบวชทั้งหลายที่กำลังถือไม้เท้าอยู่
เหล่านักบวชทั้งหลายได้แต่นั่งรอด้วยสีหน้าที่จริงจัง ดวงตาของพวกเขาดูเหมือนจะลุกโชนดุจดั่งเปลวไฟ พวกนักบวชทั้งหมดพร้อมที่จะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
หมิงซี่หยินไม่ได้พูดสาปแช่งอะไรเหล่านักบวช เขาได้แต่หันกลับมาพูดกับผู้เป็นอาจารย์แทน “ท่านอาจารย์ ข้าสงสัยจริงๆ เจ้าพวกนี้จะต้องวางกับดักไว้ที่ไหนสักแห่งแน่ พวกเราควรจะบุกไปด้านอื่นดีไหมท่านอาจารย์? “
ด้วยพลังความแข็งแกร่งที่มีรวมไปถึงพลังวรยุทธ ถ้าหากเจอกับดักเข้าจริงก็คงจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับลู่โจวแน่ นอกจากนี้พวกเขายังอยู่บนรถม้าล่องเมฆา การที่รถม้าคันนี้จะได้รับความเสียหายได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ลู่โจวได้เดินไปที่สุดขอบของรถม้าก่อนที่จะมองลงไปที่พื้นเบื้องล่าง เขากวาดสายตาไปทั่วทั้งลานกว้างหน้าวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยนักบวชทั้งหลายที่กำลังถือไม้เท้าของตัวเองอยู่ หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้พูดขึ้น “ซู่จิ้ง นี่มันก็ผ่านไปสักพักแล้วสินะ”
ซู่จิ้งได้เหลือบมองลู่โจวที่กำลังอยู่บนรถม้าล่องเมฆา เมื่อเห็นลู่โจวดวงตาของซู่จิ้งก็เปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจในทันที “ท่านปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าไหนเลยให้เกียรติมาพบกับวิหารอันต่ำต้อยแบบนี้ได้…ท่านปรมาจารย์ช่างให้ความสำคัญกับพวกเราจริงๆ “
“ลงจอดได้” ลู่โจวได้พูดออมกาอย่างเยือกเย็น
“ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินได้นำรถม้าล่องเมฆาจอดลงบนแท่นบูชาแห่งสวรรค์ ที่หมิงซี่หยินตั้งใจจอดรถม้าลงบนจุดนี้เป็นเพราะว่าแท่นบูชาของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์มักจะถูกใช้เพื่อบูชาสวรรค์ หมิงซี่หยินอยากที่จะแสดงการต่อต้านนักบวชทั้งหลายนั่นเอง
วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ถึงแม้ว่าจะดูยังหนุ่มยังแน่น แต่ถึงแบบนั้นพวกเขากับดูเปี่ยมไปด้วยพลัง โดยธรรมชาติแล้วการโดนยั่วยุแบบนี้เด็กหนุ่มทั้งหลายจะต้องขึ้นมาท้าทายรถม้าลอยฟ้าแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะได้เคลื่อนไหวทำอะไร สุดท้ายแล้วก็ถูกผู้อาวุโสคนอื่นห้ามเอาไว้ซะก่อน
เหล่านักบวชหนุ่มทั้งหลายยังไร้ซึ่งประสบการณ์มากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ยังไม่เคยแทรกแซงเรื่องระหว่างสำนักฝ่ายธรรมะและสำนักฝ่ายอธรรมมาก่อน และเพราะแบบนั้นเหล่าสาวกทั้งหลายจึงไม่รู้จักกับปรมาจารย์มหาวายร้ายแห่งยุทธภพคนนี้
ถึงแม้ว่าการจะเป็นหนุ่มจะทำให้พวกเราไร้ซึ่งความกลัว แต่ถึงแบบนั้นการที่จะวิ่งเข้าหาศัตรู ก็ควรที่จะรู้จักศัตรูให้มากพอซะก่อน
รถม้าลอยฟ้าได้ลงจอดลงบนแท่นบูชาอย่างมั่นคง
ลู่โจวได้พาคนอื่นๆ ออกจากรถม้าในทันที
ทันทีที่พวกเขาออกมาก็รู้สึกประหลาดใจ นักบวชของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ไม่ได้วิ่งตรงมาหาเรื่องพวกเขาในทันที
ในตอนนี้เหล่านักบวชทั้งหลายเลือกที่จะยืนเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อย
ซู่จิ้งได้เดินมายังแท่นบูชาแห่งสวรรค์ ตัวเขาได้พนมมือก่อนที่จะพูดขึ้น “สวัสดีท่านผู้เจริญทั้งหลาย ยินดีต้อนรับสู่วิหารของพวกเรา”
ท่าทีของซู่จิ้งได้ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกงุนงง เหล่าศิษย์สาวกทั้งหลายของลู่โจวไม่อาจรู้ได้เลยว่าเจ้าอาวาสคนนี้กำลังที่จะเล่นอะไรกันแน่
ลู่โจวดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจอะไร ตัวเขาได้เดินไปหาซู่จิ้งในขณะที่เอามือไขว้หลังอยู่ เมื่อมาถึงหน้าซู่จิ้ง ลู่โจวก็ได้เหลือบมองไปที่นักบวชเจ้าอาวาสคนนี้
ซู่จิ้งได้พูดออกมาอีกครั้ง “อาตมาไม่มีทางเลือกอื่น แท้จริงแล้วพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจับคนของพวกท่านเอาไว้เป็นตัวประกัน…โปรดมาพบกับอาตมาที่โถงแห่งพลังด้วยเถอะ พวกเราจะได้นั่งพูดคุยกันอย่างมนุษย์ที่นั่น”
“เจ้านักบวชหัวโล้น…เจ้ารีบปล่อยศิษย์น้องแปดของข้าออกมาเดี๋ยวนี้! เจ้ายังมีหน้าที่จะเรียกร้องอาวุธระดับสรวงสวรรค์ถึง 3 ชิ้นได้อีกอย่างงั้นหรอ…เจ้าไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากที่ไหนกัน ฮะ? ” หมิงซี่หยินได้พูดสาปแช่งออกมาอย่างใช้อารมณ์
“…” ซู่จิ้งรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าหากอาตมาไม่พูดแบบนั้นไป ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าก็คงจะไม่มาที่นี่แน่”
“เจ้าจงใจอย่างงั้นสินะ? “
“ท่านผู้เจริญได้โปรดเชิญทางนี้…” ซู่จิ้งที่ได้พูดเสร็จก็ได้ก้าวเดินต่อไป
เหล่านักบวชสาวกคนอื่นๆ เองล้วนทำตัวตามความเหมาะสม
“โถงแห่งพลังไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะเอาไว้กักขังพวกเราอย่างงั้นใช่ไหม? ” หมิงซี่หยินได้พึมพำออกมาในขณะที่กำลังเหลือบมองไปยังโถงแห่งพลังที่อยู่ทางด้านหน้า เป็นธรรมดาที่หมิงซี่หยินจะรู้สึกสงสัยในสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ๆ มาหมิงซี่หยินก็พบว่าผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่มักจะมีความเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาต่างๆ ที่ใช้พันธนาการหรือหยุดคู่ต่อสู้เอาไว้ เพราะแบบนั้นแล้วตัวเขาจึงอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้
ม่านพลังป้องกันของแท่นบูชาหยกเขียวหรือแม้แต่ม่านพลังของภูเขาทองต่างก็เป็นม่านพลังที่ผู้ฝึกยุทธธรรมดาทั่วไปไม่อาจที่จะทำลายได้โดยง่าย
นอกเหนือจากสุดยอดเวทมนตร์คาถาที่แม่น้ำสวรรค์และในเมืองถังซีแล้วเป็นไปได้สูงว่าที่นี่อาจจะเตรียมกับดักเอาไว้เช่นกัน และเนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่แสนสำคัญของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ เพราะแบบนั้นหมิงซี่หยินจึงคิดว่ามันจะต้องมีการป้องกันอะไรบางอย่างถูกเตรียมเอาไว้อย่างแน่นอน
ซู่จิ้งได้พูดต่อไป “ท่านผู้เจริญ ท่านน่ะเข้าใจอาตมาผิดไปแล้ว…แม้ว่าจะมีกับดักที่อยู่ที่นั่นจริง มันก็จะต้องใช้ยอดฝีมือเพื่อเปิดใช้งานอยู่ดี ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับในอดีต ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนต่างรู้ดี ท่านปรมาจารย์จากศาลาปีศาจลอยฟ้าแข็งแกร่งมากขนาดไหน ถึงแม้ว่าอาตมาจะเป็นเหมือนกับกบในกะลาแต่อาตมาก็คงไม่อยากที่จะเอาไข่ไปกะเทาะกับหินแน่”
หมิงซี่หยินได้เหลือบมองไปที่ซู่จิ้งก่อนที่จะพูดขึ้น “ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงเจ้ากำลังหมายความว่าเจ้าอยากที่จะล่อลวงให้ท่านอาจารย์ของข้ามาที่นี่อย่างงั้นสินะ? “
“ถูกแล้ว”
ลู่โจวได้ลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาเช่นกัน “ข้าเองก็หวังว่ามันจะมีเหตุผลนะ”
“เชิญทางนี้” ซู่จิ้งได้ทำท่าเชื้อชวน
ลู่โจวและคนอื่นๆ ต่างก็เดินตามซู่จิ้งไปเพื่อที่จะเข้าไปยังห้องโถงแห่งพลัง
ในตอนนั้นเองมีนักบวชหลายคนยืนถือไม้เท้ารออยู่ที่ด้านนอกอยู่ก่อนแล้ว
ในห้องโถงแห่งพลังมีเหล่าสาวกเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ซู่จิ้งได้นั่งลงก่อนที่จะเอ่ยปากพูดขึ้น “ใครก็ได้มาหาข้าที”
“ครับท่านเจ้าอาวาส”
“พาท่านผู้เจริญมาที่นี่ทีนะ”
“ครับ”
ในไม่ช้าซู่ฮ่องกงก็ถูกนักบวชสองคนพาตัวมา
ซู่ฮ่องกงในตอนนี้ดูรู้สึกเสียใจ มือและเท้าของเขาถูกพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา
ทันทีที่เดินเข้ามายังโถงแห่งพลัง นักบวชทั้งสองก็ได้คลายพันธนาการให้กับซู่ฮ่องกง
“อาตมาไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจะต้องใช้วิธีนี้…ได้โปรดยกโทษให้อาตมาด้วยท่านผู้อาวุโสจี อาตมาจะรับผิดชอบต่อความผิดครั้งนี้เอง”
ซู่ฮ่องกงได้ยินทุกอย่างในขณะที่เดินเข้ามายังห้องโถง ตัวเขาได้กวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนที่จะมองเห็นลู่โจวเข้า ลู่โจวในตอนนี้ดูสง่างามกว่าเหล่าศิษย์สาวกคนไหนๆ
“ท่านอาจารย์ ในที่สุดท่านก็มา! ศิษย์ต้องถูกพวกนักบวชหัวโล้นพวกนี้ทรมานอย่างหนักจนศิษย์บาดเจ็บสาหัส นี่มันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายสำหรับศิษย์จริงๆ ท่านอาจารย์ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับศิษย์ด้วย! ” ซู่ฮ่องกงได้คุกเข่าลงต่อหน้าลู่โจว ในขณะที่พูดอยู่ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก ‘ช่างเป็นการแสดงที่น่ารังเกียจซะจริง! ‘
ซู่จิ้งรู้สึกเหมือนจะตกใจกับเรื่องนี้มาก ตัวเขาได้เหลือบมองไปที่ซู่ฮ่องกงก่อนที่จะพูดขึ้น “ในฐานะที่อาตมาเป็นเจ้าอาวาสของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ ที่แห่งนี้คือที่ที่แสนมีค่าสำหรับพระพุทธศาสนา ไม่มีทางเลยที่อาตมาจะกระทำรุนแรงกับศิษย์สาวกของท่านได้ ท่านผู้เจริญ”
“เจ้าพยายามที่จะเถียงข้าอย่างงั้นหรอ! นักบวชหัวโล้นเจ้าไม่เห็นหรอว่าข้าได้รับบาดเจ็บภายในน่ะ? เจ้าคิดว่าข้ารู้จักร่างกายของตัวเองไม่ดีพออย่างงั้นสินะ” ซู่ฮ่องกงได้เงยหน้าขึ้นก่อนที่จะจ้องมองซู่จิ้ง
ซู่ฮ่องกงรู้จักจีเทียนเด๋าเป็นอย่างดี นอกจากจะเขาจะเป็นปรมาจารย์ของมหาวายร้าย เขาก็ยังเป็นปรมาจารย์แห่งการแก้แค้นอีกด้วย
“ลุกขึ้นและพูดซะ” ลู่โจวได้พูดออกมา
“เอ่อ…”
“ถ้าหากสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับเจ้าเอง”
“ครับท่านอาจารย์…” ซู่ฮ่องกงเริ่มรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้กลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
ซู่จิ้งถึงกับพูดไม่ออก แต่ไม่ว่าจะยังไงเนื่องจากตำแหน่งในฐานะเจ้าอาวาส ตัวเขารู้สึกถึงความไม่เหมาะสมดีถ้าหากจะปกป้องตัวเอง ซู่จิ้งได้แต่พูดออกมา “ท่านช่างตัดสินใจเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ ท่านผู้อาวุโสจี”
“พวกเรามาเข้าเรื่องกันได้แล้ว…” ลู่โจวหยุดพูดชั่วขณะก่อนที่จะเปลี่ยนน้ำเสียงไป “ถ้าหากเจ้าไม่อธิบายเหตุผลที่สมเหตุสมผลมากพอ วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์จะต้องจ่ายค่าชดเชยราคาแพงแน่”
เหงื่อบนใบหน้าของซู่จิ้งได้ไหลอาบแก้ม แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “อาตมารู้ว่าพวกท่านต้องการดอกแมกโนเลียสีดำ ผู้อาวุโสจี…พวกเราสามารถส่งมอบดอกแมกโนเลียให้กับศาลาปีศาจลอยฟ้าได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นความโกรธเกรี้ยวที่ศิษย์สาวกศาลาปีศาจลอยฟ้ามีบนใบหน้าก็ได้บรรเทาลง
‘นี่มันมากกว่าที่คิดอีกนะ’ ลู่โจวไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าซู่จิ้งจะใจดีถึงขนาดนี้ ‘แล้วทำไมเขาถึงพยายามใช้กลอุบายเพื่อที่จะให้ฉันมาที่นี่ด้วยกันล่ะ? ‘
“ข้าน่ะเป็นคนที่มีเหตุผลมาโดยตลอด ข้าสามารถปล่อยอดีตที่เจ้าทำไม่ดีกับซู่ฮ่องกงให้ผ่านไปได้” ไม่ว่าลู่โจวจะมองยังไง การที่ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดถูกคุมขังเอาไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับดอกแมกโนเลียสีดำเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากแล้ว
ซู่ฮ่องกงที่ฟังแบบนั้นรู้สึกงุนงง ‘ไหนท่านอาจารย์บอกว่าจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับข้ากัน? ‘
ซู่จิ้งยืดฝ่ามือของตัวเองออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น “โชคดีจริงๆ ที่ท่านมีหลักการอันสูงส่ง ท่านผู้อาวุโสจี…อาตมามีคำขอเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น”
หมิงซี่หยินที่ฟังแบบนั้นก็ได้พูดแทรกในทันที “เจ้านักบวชหัวล้าน ข้าน่ะรู้จักคนแบบเจ้าดี! ไม่ว่าคำขอของเจ้าจะเป็นยังไงแต่ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างพวกข้าจะไม่ยอมรับแน่! “
จู่ๆ ซู่จิ้งก็ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินไปหาลู่โจว ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยความเคารพ “อันที่จริงอาตมาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น…นอกเหนือจากดอกแมกโนเลียสีดำแล้วอาตมายินดีที่จะปล่อยเรื่องเสื้อคลุมวิถีเซนตัวนั้นไปไม่ขอเอาคืน”
ซู่ฮ่องกงได้เงยหน้าขึ้นมองก่อนที่จะกอดเสื้อคลุมตัวเองเอาไว้ให้แน่นหนามากยิ่งขึ้น
“ข้ารู้สึกสงสัยจริงๆ ” ลู่โจวได้พูดขึ้น “อะไรกันที่ทำให้วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ถึงกับคุกเข่าอ้อนวอนข้าได้แบบนี้? “