ยี่เทียนซินแต่เดิมเป็นคนที่เย็นชาแต่ไหนแต่ไร แต่เมื่อเห็นเหล่าอดีตสาวกทั้งหมดกำลังคุกเข่าเพื่อขอติดตาม นางก็ได้แต่ถอนหายใจโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา ยี่เทียนซินได้โค้งตำนับให้กับอดีตเหล่าสาวกทั้งหมดก่อนที่พวกนางจะลุกขึ้นยืนและตามกันออกจากภูเขาทองไป
เมื่อหมิงซี่หยินเห็นเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงกำลังจะเอ่ยปากพูด ตัวเขาก็ได้พูดแทรกออกมาซะก่อน “พวกเจ้ามันโง่ซะจริงๆ…ทำตามที่พวกเจ้าได้บอกเอาไว้เถอะ”
เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น
…
ในตอนนั้นเองที่ลานหน้าศาลาทางใต้
ฮั๊ววู่เด๋าได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น “เด็กคนนั้นน่ะกลับใจแล้วจริงๆ…ช่างน่าสงสารอะไรเยี่ยงนี้…”
หมิงซี่หยินได้จ้องได้คว้าโอกาสนี้ก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ครับ…วรยุทธของศิษย์น้องหกกำลังฟื้นตัว ในตอนนี้นางยังได้รับผลกระทบจากการช่วยศิษย์น้องเล็กอีกด้วย ศิษย์รู้สึกกลัวจริงๆ ศิษย์กังวลว่าการที่ศิษย์น้องออกไปจากภูเขาทองแบบนี้จะเกิดอันตรายขึ้นกับนางได้”
ลู่โจวได้เหลือบมองหมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดขึ้น “สุดแล้วแต่ชะตาของนางเถอะ”
ซู่ฮ่องกงเองดึงชายเสื้อของต้วนมู่เฉิงเอาไว้เพื่อไม่ให้ศิษย์พี่คนนี้ได้พูด ต้วนมู่เฉิงที่ถูกห้ามได้แต่ก้าวถอยหลังกลับไปอย่างเงียบๆ
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ยี่เทียนซินจะยังอ่อนแอเหมือนกับที่หมิงซี่หยินพูด…แต่ถึงแบบนั้นสถานะที่แท้จริงของนางก็คือมนุษย์เผือก ถ้าหากนางออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปจะต้องมีคนมากหน้าหลายตาที่จะรอแย่งสังหารนางแน่ แต่ถึงแบบนั้นยี่เทียนซินก็คงจะเอาตัวรอดได้ ตลอดระยะเวลาที่นางได้อยู่ที่นี่ฝึกฝนตัวเองในฐานศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้ามาไม่ทำให้นางพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายๆ แน่ แม้แต่ศิษย์คนที่แปดอย่างซู่ฮ่องกงที่มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เขาก็ยังสามารถสร้างฐานที่มั่นอย่างหุบเขาพยัคฆ์และเอาตัวรอดมาได้จนถึงวันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ศิษย์อย่างยี่เทียนซินที่มีทั้งความสามารถและมันสมองจะเจอกับปัญหาจนเอาตัวเองไม่รอด
“ดูแลศิษย์น้องเล็กของเจ้าให้ดีด้วย”
“ครับท่านอาจารย์”
…
ลู่โจวกลับไปที่ห้องลับภายในห้องโถงใหญ่อีกครั้ง ทันทีที่มาถึงตัวเขาก็ได้นั่งลงในทันที
ก่อนที่จะเริ่มทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ ลู่โจวก็ได้เหลือบมองภารกิจที่ได้มาจากระบบซะก่อน ในตอนนี้ไม่มีชื่อของยี่เทียนซินปรากฏอยู่ในรายชื่อภารกิจอีกต่อไป ในช่วงเวลาอันแสนสำคัญเมื่อครู่นี้ดูเหมือนว่าลู่โจวจะตัดสินใจถูกแล้วนั่นเอง
ลู่โจวที่คิดได้แบบนั้นก็ได้เปิดเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ขึ้นก่อนที่จะเริ่มทำความเข้าใจในทันที ในตอนนี้ตัวเขาจดจำพื้นฐานของเนื้อหาได้ทั้งหมดแล้ว ลู่โจวในตอนนี้ได้แต่รอทำความเข้าใจเนื้อหาใหม่ๆ ที่ยังไม่อาจที่จะทำความเข้าใจได้
เมื่อลู่โจวเลื่อนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ลง…
“เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งการพูด พลังที่แม้แต่ความเป็นจริงก็ไม่อาจที่จะพรรณาได้ คนคนนั้นจะต้องเข้าใจซึ่งคำพูดของทุกสรรพสิ่งในต่างที่ให้ได้ซะก่อน”
“เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งการดำรงอยู่อย่างไร้แก่นสาร คนคนนั้นจะต้องไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ โดยไม่ต้องข้องแวะหรือตักตวงถึงเรื่องผลประโยชน์ให้ได้ซะก่อน”
“เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งการมองเห็นอนาคต คนคนนั้นจะต้องผ่านพ้นความยากลำบากอย่างหาที่สุดไม่ได้จากต่างที่ได้ซะก่อน”
เนื้อหาของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่มีส่วนใดเพิ่มเติมหรือได้ขาดหายไป ลู่โจวที่ได้อ่านเนื้อหาก็ยังไม่อาจที่จะเข้าใจได้เช่นเคย
จากความเข้าใจของลู่โจว เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ยังคงมีเนื้อหาที่เวียนวนซ้ำไปซ้ำมา ถ้าหากจะดูเพียงผิวเผินเนื้อหาพวกนี้อาจจะตีความได้มากมายหลายอย่าง การที่จะทำความเข้าใจเนื้อหาของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้ลู่โจวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นและศึกษาเนื้อหามันต่อไป
แต่ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงแล้วมันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่กันล่ะ?
หลังจากที่เกิดความคิดฟุ้งซ่านลู่โจวก็ได้สลัดความคิดนั้นทิ้งไป ตัวเขาได้เริ่มทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ด้วยสมาธิอีกครั้ง
เวลาอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปเพียงชั่วพริบตา
ก่อนที่ลู่โจวจะรู้สึกตัวอีกทีเวลากว่าหนึ่งวันก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่โจวเพิ่งจะออกจากการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ ในตอนนั้นเองก็มีเสียงใครบางคนดังออกมาจากด้านนอกซะก่อน…
“ท่านอาจารย์ ศิษย์มาหาท่านก็เพื่อที่จะมาสวัสดีตอนเช้า!”
ลู่โจวได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเปิดประตูห้องลับออกไป ที่ด้านหน้าห้องลับมีเพียงหยวนเอ๋อที่กำลังยืนรอลู่โจวอย่างตื่นเต้นอยู่
หยวนเอ๋อตัวน้อยได้โค้งคำนับลู่โจวอย่างเชื่อฟัง และเมื่อนางได้เห็นผู้เป็นอาจารย์ หยวนเอ๋อก็กระโดดไปมาอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์สามารถใช้พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีได้แล้ว!” หยวนเอ๋อที่พูดเสร็จก็ได้โบกแขนขึ้น ในตอนนั้นเองพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีก้ได้ปรากฏออกมา
เพียงแค่การยกมือลง พลังร่างอวตารของหยวนเอ๋อก็ได้หายไปในทันที ในตอนนี้นางสามารถควบคุมพลังร่างอวตารได้อย่างใจนึกแล้ว
ลู่โจวได้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะพูดออกมา “การฝึกฝนตัวเองไปสู่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้นั่นก็หมายความว่าเจ้าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือแล้วนะ แต่ยังไงซะเจ้าก็อย่าได้หลงระเริงไปซะล่ะ”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว” หยวนเอ๋อตอบกลับมา
“ดอกแมกโนเลียสีดำมีพลังอำนาจมากมาย เจ้าที่กินมันไปในรวดเดียวสามารถเอาชนะผลข้างเคียงจากมันได้ ถ้าหากเจ้าไม่ได้…” ลู่โจวได้หยุดพูดไปชั่วขณะหลังจากนั้นเขาก็เริ่มที่จะพูดออกมาใหม่ “เจ้าน่ะเกือบได้ตายไปแล้วก็เพราะความตละกะของเจ้า!”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดพึมพำออกมา “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่บอกกับข้าว่าศิษย์พี่ยี่เป็นคนช่วยข้าเอาไว้…”
เมื่อเห็นหยวนเอ๋อกำลังพูดขอร้องให้ผู้เป็นศิษย์พี่ ลู่โจวก็ได้พูดแทรกออกมาซะก่อน “อย่าได้พูดถึงนางจะดีกว่า! ข้าน่ะผ่อนปรนต่อนางมามากแล้ว”
หยวนเอ๋อไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อไป
นอกเหนือจากผู้ฝึกยุทธหญิงที่กำลังทำความสะอาดห้องโถงอยู่ ในตอนนี้ไม่มีใครมาที่ห้องโถงแห่งนี้
ลู่โจวรู้สึกงุนงง ผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหมดล้วนแต่มาจากวังจันทรา ในตอนที่ยี่เทียนซินจากไปแล้ว ทำไมผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหมดถึงยังอยู่ที่นี่ได้
เมื่อพวกนางเห็นลู่โจว เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงก็ได้เดินเข้ามาก่อนที่จะโค้งคำนับในท่านที “อรุณสวัสท่านปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า”
ลู่โจวพยักหน้าตอบรับไปก่อนที่จะนั่งลง
หยวนเอ๋อได้เดินมาหาตัวเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความประทับใจ หลังจากนั้นนางก็ได้นวดไหล่ของลู่โจวก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นครั้งคราว
ลู่โจวได้แต่ขมวดคิ้ว การเอาอกเอาใจที่มาเกินเหตุนี้จะต้องแฝงเจตนารมณ์อันชั่วร้ายเอาไว้แน่ เมื่อคิดได้แบบนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “พูดออกมาซะเถอะว่าเจ้าอยากที่จะได้อะไรกันแน่ เจ้าน่ะซ่อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงไม่ได้หรอกนะ”
หยวนเอ๋อได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์ ท่านลืมอะไรบางอย่างไปแล้วอย่างงั้นหรอ?”
ลู่โจวยกมือขึ้นมาก่อนที่จะเคาะไปที่หน้าผากของหยวนเอ๋อ “เจ้าเด็กนี่!” ลู่โจวรู้ดีว่าหยวนเอ๋อกำลังพูดถึงอะไรอยู่ ในตอนนั้นตัวเขาได้เคยสัญญากับศิษย์คนนี้เอาไว้ ลู่โจวได้สัญญาเอาไว้ว่าจะมอบอาวุธให้กับนางเมื่อนางฝึกฝนตัวเองไปจนถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้
สุดท้ายแล้วหยวนเอ๋อก็ได้จับพลัดจับผลูจนกลายมาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ไป
ลู่โจวได้ซื้อกล่องสมบัติที่มีเวลาจำกัดมาแล้ว ภายในนั้นมันมีอาวุธที่เหมาะสมกับหยวนเอ๋ออยู่ ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ตัดชีวาหรือแม้แต่กระทั่งอาวุธอื่นๆ ที่เก็บอยู่ในห้องลับล้วนแต่ไม่มีอาวุธชิ้นไหนเหมาะสมกับศิษย์อย่างหยวนเอ๋อ
มันเป็นสายสะพายที่มีสีแดงสดและมีความยาวกว่า 7 ฟุตด้วยกัน สีแดงสดของมันมีชีวิตชีวาราวกับเปลวไฟ รูปร่างของมันเองก็ยังเหมือนรูปร่างของมังกรมากอีกด้วย
เมื่อหยวนเอ๋อได้เห็นสายสะพายนิพพาน นางก็ได้จ้องมองมันอย่างตั้งอกตั้งใจ “ทะ…ท่านอาจารย์ นี่มันคือ?”
“นี่คือสายสะพายนิพพาน มันเป็นสมบัติติดตัว…ความยาวของมันจะยืดหยุ่นได้ตามพลังวรยุทธของเจ้าของ” ลู่โจวได้หันไปมองหยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าไม่ชอบมันอย่างงั้นหรอ?”
“ถ้าหากมันเป็นของที่ได้มาจากท่านอาจารย์ ไหนเลยศิษย์จะไม่ชอบมันได้!” สายตาของหยวนเอ๋อจับจ้องไปที่สายสะพายนิพพานโดยที่ไม่ขยับไปไหน แม้ว่าตอนแรกหยวนเอ๋อจะคิดว่ามันดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่เมื่อนางได้จ้องมองสายสะพายมากเท่าไหร่ หยวนเอ๋อก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกับที่คิดแน่
“ข้าจะมอบสายสะพายนิพพานอันนี้ให้กับเจ้า” ลู่โจวพูดเสร็จก็ได้โบกมือเบาๆ
สายสะพายนิพพานได้หมุนรอบตัวเอง 360 องศารอบฝ่ามือของลู่โจว ในทันทีที่สายสะพายหมุนรอบตัวเอง ในตอนนั้นแสงสีแดงของสายสะพายก็ได้ผสมเข้ากับแสงสีทองที่มาจากพลังของสายสะพาย พลังทั้งสองได้ผสมกลืมกลืนกันราวกับเป้นพลังของมังกร
สายสะพายอันนั้นได้ลอยไปหาหยวนเอ๋อ มันได้พันรอบตัวของหยวนเอ๋อเอาไว้กว่าสามรอบด้วยกัน
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก็แต่ได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อสายสะพายนิพพานพันรอบตัวของนางเสร็จ ในตอนนั้นเองพลังอันสว่างไสวก็ได้หายไปในทันที
“ติ้ง! สายสะพายนิพพานมีเจ้าของเป็นที่เรียบร้อย เปิดใช้งานอาวุธระดับ: สรวงสวรรค์ ได้รับรางวัล 1,000 แต้มบุญ”
หยวนเอ๋อที่ได้รับอาวุธประจำตัวมารู้สึกตื่นเต้นอย่างที่สุด นางได้หมุนรอบตัวเองพร้อมกับสายสะพายราวกับเด็กที่เห่อของเล่นใหม่
“ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์!” เมื่อหยวนเอ๋อได้รับสายสาพายนิพพานมานางก้ได้โค้งคำนับให้กับลู่โจว “ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ต้องผิดหวัง!”
ลู่โจวได้โบกมือก่อนที่จะพูดกลับไป “สายสะพายแห่งนิพพานได้ยอมรับเจ้าในฐานะเจ้าของแล้ว เจ้าควรจะทำความคุ้นเคยกับมันให้เร็วที่สุด อย่าได้เกียจคร้านไปซะล่ะ”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังคำแนะนำก็ได้พยักหน้าให้อย่างแรงก่อนที่จะตอบกลับไป “ศิษย์จะทำตามคำแนะนำของท่านเป็นอย่างดี” เมื่อพูดจบหยวนเอ๋อก็ได้วิ่งออกจากห้องโถงใหญ่ไป
ลู่โจวได้พยักหน้าให้เมื่อเห็นแบบนั้น ตัวเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ลู่โจวคาดหวังเอาไว้กับอนาคตของหยวนเอ๋อมาก…หยวนเอ๋อเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ การที่นางจะฝึกฝนตัวเองจนเหนือกว่าศิษย์สาวกคนอื่นๆ ได้คงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ก่อนที่ลู่โจวจะกลับไปทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เช่นเดิม ในตอนนัน้เองเขาก็ได้ยินเสียงร่ำไห้จากภายนอกศาลาปีศาจลอยฟ้า
“ศะ…ศิษย์พี่หยวนเอ๋อ…อย่า…ได้โปรดอย่าทำข้าเลย…”