ในช่วงเวลาสามวันมานี้หยวนเอ๋อได้แต่ท่องจำเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์ตลอดทั้งวันทั้งคืน ท้ายที่สุดแล้วนางก็ฝึกฝนตัวเองจนเจ็บไปทั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้หยวนเอ๋อยังคงถูกลงโทษให้อยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อน แม้ว่าหยวนเอ๋อจะยอมรับโทษได้โดยดี แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีศิษย์พี่คนไหนเลยที่จะสามารถช่วยเหลืออะไรนางได้ จะมีก็แต่ศิษย์พี่อย่างจ้าวยู่เท่านั้นที่คอยปลอบโยนหยวนเอ๋อมาโดยตลอด
“ศิษย์พี่หญิง…ท่านอาจารย์โกรธข้าจริงๆ อย่างงั้นหรอ? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมาในขณะที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์
“ท่านอาจารย์ให้เจ้าทำก็เพื่อประโยชน์ของเจ้าเอง…เจ้าน่ะจะได้ไม่ต้องทำผิดแบบเดิมซ้ำสองในอนาคตอีก”
หยวนเอ๋อพยักหน้าก่อนที่จะพึมพำออกมา “แล้วข้าจะฝึกใช้สายสะพายแห่งนิพพานได้ยังไงกัน? “
“เจ้ายังฝึกใช้อาวุธชิ้นนั้นได้ เพียงแต่ว่าเจ้าจะต้องรู้จักกาลเทศะ โดยปกติแล้วการที่เจ้าทำให้โจวจี้เฟิงและฝานซงบาดเจ็บไปท่านอาจารย์ก็คงจะพอทนได้ แต่ในตอนนี้เจ้ากลับท้าทายผู้เป็นศิษย์พี่ของเจ้าเอง เพราะแบบนั้นท่านอาจารย์ก็เลยโกรธเจ้าน่ะ”
“ศิษย์พี่พูดถูกแล้ว ข้าจะใช้ความรุนแรงให้น้อยลง”
“…”
หลังจากที่ถึงเวลาที่กำหนด จ้าวยู่ก็เริ่มเตรียมจะเดินจากไป “พวกเราไปกันได้แล้วล่ะ”
“อืม…รอข้าก่อนนะศิษย์พี่ ข้าเริ่มที่จะควบคุมสายสะพายแห่งนิพพานได้แล้ว! “
“…” จ้าวยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบเดินนำไป
…
หยวนเอ๋อได้เดินไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า นางได้เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ก่อนที่จะถึงห้องโถงใหญ่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้
หยวนเอ๋อที่เห็นผู้เป็นอาจารย์กำลังใช้ความคิดอยู่ ในตอนนั้นหยวนเอ๋อก็ได้เดินไปหาลู่โจวพร้อมกับรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์ ศิษย์กลับมาแล้ว! ศิษย์ได้ฝึกฝนตามที่ท่านอาจารย์บอกไปถึง 100 ครั้งแล้ว”
ลู่โจวได้หันมาก่อนที่จะเหลือบมองหยวนเอ๋อ “เจ้าได้ไตร่ตรองเรื่องที่ทำแล้วรึยัง? “
หยวนเอ๋อได้ประกาศตอบกลับมา “ศิษย์ได้คิดทบทวนตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ศิษย์จะเคารพศิษย์พี่ให้มากกว่านี้และให้เกียรติท่านอาจารย์ยิ่งขึ้น! “
“ดีมาก ดีแล้วที่เจ้าคิดได้แบบนั้น…ถ้าหากเจ้าทำผิดซ้ำซากแม้แต่เจ้าเองก็จะไม่ได้รับความเมตตาเช่นกัน” ลู่โจวได้พูดออกไป
“ศิษย์เข้าใจแล้ว”
ถ้าหากหยวนเอ๋อไม่เคารพต่อผู้เป็นศิษย์พี่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า ยังไงซะเหล่าสาวกทั้งหลายก็คงจะไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้แน่ เมื่อถึงเวลาที่เหล่าสาวกทั้งหมดจะต้องออกไปจากศาลาปีศาจลอยฟ้า เมื่อถึงตอนนั้นหยวนเอ๋อก็ยังคงมีผู้เป็นศิษย์พี่ทั้งหลายคอยปกป้องต่อไป เหล่าสาวกจะต้องปกป้องกันเองต่อหน้าพวกผู้ฝึกยุทธผู้ชั่วร้าย
แล้วฉันจะเหลือเวลาอีกเท่าไหร่กัน? 10 ปี? 100 ปี? หรือว่าอีก 1,000 ปีกัน?
ลู่โจวไม่แน่ใจว่าตัวเขาจะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบไปได้อีกนานแค่ไหน ตัวเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่ตลอดกาลเหมือนกับที่ตัวเขาจินตนาการได้ไหม…นับตั้งแต่ที่ลู่โจวพบว่าการ์ดที่ขายมีราคาสูงขึ้น ตัวเขาก็ได้แต่ระมัดระวังตัวและใช้การ์ดที่มีในยามจำเป็นเท่านั้น ในตอนนี้การใช้ชีวิตอย่างประมาทคงจะไม่ใช่เรื่องดีกับลู่โจวแน่
เมื่อหยวนเอ๋ออายุ 16 ปี เส้นทางการฝึกยุทธที่แท้จริงของหยวนเอ๋อเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เป็นหน้าที่ของผู้เป็นอาจารย์อย่างลู่โจวที่จะสั่งสอนทั้งการฝึกยุทธและระเบียบวินัยให้กับผู้เป็นลูกศิษย์ คำแนะนำที่ลู่โจวได้ใช้แนะนำศิษย์ทุกคนล้วนแต่มีเหตุมีผลด้วยกันทั้งนั้น
“หยวนเอ๋อ เจ้าน่ะอายุ 16 ปีแล้ว…เจ้าน่ะมีความปรารถนาอะไรบ้างไหม? ” ลู่โจวได้ถามในขณะที่ลูบเคราของตัวเอง
“ศิษย์ไม่ได้ต้องการอะไร…ศิษย์ต้องการให้อายุของท่านอาจารย์ยืนยาวเท่านั้น! “
คำตอบนี้ได้ทำให้ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจ “ทำไมกันล่ะ? “
“ทุกๆ คนต่างก็บอกว่าเวลาของท่านอาจารย์น่ะใกล้หมดลงแล้ว อย่างมากท่านก็คงจะมีอายุได้อยู่เพียงแค่สิบปีเท่านั้น ศิษย์ไม่คิดที่จะเชื่อพวกเขาเลย…ศิษย์อยากจะอยู่ใกล้ๆ กับท่านอาจารย์ต่อไปจนกว่าศิษย์จะตายเพราะความแก่ชราไป…” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ
เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยคนนี้พื้นเพไม่ได้มีนิสัยที่ไม่ดีเลย นอกจากนี้หยวนเอ๋อยังต้องการความช่วยเหลือจากตัวของเขาเอง ตอนนี้หยวนเอ๋อได้ฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว นอกจากนี้หยวนเอ๋อยังครอบครองสายสะพายแห่งนิพพานเอาไว้ ลู่โจวไม่สามารถปล่อยให้ศิษย์คนนี้หลงเดินทางผิด ถ้าหากลู่โจวได้ชี้แนะหยวนเอ๋ออย่างเหมาะสม อนาคตของนางจะต้องพบกับอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน
“หยวนเอ๋อ เจ้าเคยคิดถึงคนในครอบครัวของเจ้าบ้างไหม? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
หยวนเอ๋อส่ายหัว นางไม่เคยคิดถึงบ้านมาก่อน บางทีอาจจะเป็นเพราะหยวนเอ๋อได้ใช้ชีวิตวัยเด็กไปกับศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้ และเพราะแบบนั้นหยวนเอ๋อจึงเคยชินกับการใช้ชีวิตที่นี่ไปซะทุกอย่างแล้ว
“ท่านอาจารย์ตั้งแต่ที่ศิษย์เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าไป ศิษย์ก็รู้เรื่องกฎเกณฑ์ดี” หยวนเอ๋อได้ตอบกลับมา
ลู่โจวได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เจ้าน่ะแตกต่างจากศิษย์พี่ของเจ้ามาก…ศิษย์พี่ของเจ้าล้วนแต่อยู่ตามลำพังและไม่มีใครที่จะให้พึ่งพาตั้งแต่เด็ก เพราะแบบนั้นศิษย์พี่ของเจ้าจึงไม่ได้ยึดติดอะไรกับเรื่องทางโลก”
เมื่อลู่โจวกำลังพูดถึงศิษย์สาวกคนอื่นๆ หมิงซี่หยินและซู่ฮ่องกงก็ได้เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่
ศิษย์ทั้งสองได้โค้งคำนับให้กับลู่โจวก่อนที่จะพูดทักทายออกมา
“ท่านอาจารย์ เป็นอย่างที่ท่านพูดจริงๆ ศิษย์น้องเจ็ดได้ตอบกลับมาแล้ว เขายินดีที่จะช่วยตามหาเยี่ยนซานให้” หมิงซี่หยินได้รายงานความคืบหน้าที่เกิดขึ้น
“ดีมาก” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น
หมิงซี่หยินได้เหลือบมองไปที่หยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์มีเรื่องเกี่ยวกับศิษย์น้องเล็กอีกด้วย…”
ลู่โจวได้ยกมือขึ้นมาก่อนที่จะตัดบทสนทนา “ส่งจดหมายไปหาเจียงอาเฉียนซะ”
หมิงซี่หยินรีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว
“ให้เจ้านั่นมาพบกับข้าที่เมืองอันยางซะ” ลู่โจวได้พูดต่อไป
หมิงซี่หยินรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ตัวเขารีบพูดตอบกลับไปอย่างเร่งรีบ “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะยืนเฉยอยู่ทำไมกัน? ทำไมไม่รีบขอบคุณท่านอาจารย์อีก? “
หยวนเอ๋อยังคงสับสน แต่ถึงแบบนั้นนางก็ทำตามที่ศิษย์พี่บอกแต่โดยดี “ขอบคุณค่ะ ท่านอาจารย์…”
ลู่โจวโบกแขนเสื้อก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้เดินกลับไปยังห้องลับ ในตอนนี้สิ่งที่ลู่โจวจะทำได้มีเพียงการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์และลองจับฉลากนำโชคเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ได้คิดถึงความโชคร้ายที่ตัวเขามี ในตอนนี้ตัวเขามีค่าความโชคดีอยู่ที่ 89 แต้มแล้ว ตัวเขายังไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยจากการจับฉลาก เพราะแบบนั้นการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อไปคงจะดีกว่าการเอาแต้มบุญไปทิ้งกับการจับฉลากนำโชค
ลู่โจวปิดเมนูระบบไปก่อนที่จะเริ่มทำความเข้าใจอันแสนน่าเบื่อหน่ายต่อ
ลู่โจวได้ทำความเข้าใจสัญลักษณ์ที่สุดแสนจะยาก สัญลักษณ์ทั้งหมดอัดแน่นไปด้วยชีวิตชีวาที่มากเป็นพิเศษ
ในตอนที่อ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลู่โจวจะรู้ตัวอีกครั้งเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปหนึ่งคืนแล้ว
“ติ้ง! อ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนแรกครบ 100 ครั้ง ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 100 “
ลู่โจวที่เห็นการแจ้งเตือนนั้นได้แต่เบิกตากว้าง ตัวเขาได้อ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์มากว่าหลายครั้งแล้ว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังไม่รู้ตัวเองว่าอ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ในส่วนแรกจบแล้ว ลู่โจวยังคิดอยู่เสมอว่าการที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์นี้ได้เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถึงแบบนั้นเมื่อได้อ่านทำความเข้าใจมัน ลู่โจวได้พบว่าสภาพจิตใจของเขากลับไปชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน สภาพจิตใจของลู่โจวในตอนนี้ราวกับกำลังถูกย้อนเวลากลับไป ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่ตัวเขายังเด็ก ในช่วงเวลาที่ตัวเขายังมีจิตใจที่แสนบริสุทธิ์
ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะยืดเส้นยืดสาย ตัวเขาได้ตรวจสอบร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากจะพูดให้ถูกเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์คงจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของลู่โจวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ลู่โจวยังจำได้ดีว่าพลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์สามารถต้านทานเวทมนตร์คาถารวมไปถึงบทสวดพระสูตรแห่งพราหมณ์ได้ เพราะแบบนั้นพลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์นี้คงจะเกี่ยวข้องกับจิตใจของเขาโดยตรง
ลู่โจวได้หันไปมองระบบ ทุกอย่างในตอนนี้ยังคงดูปกติดี
“หืม? “
ลู่โจวเห็นการแจ้งเตือนสั้นๆ จากหัวข้อการ์ดวิเศษ ราคาของการ์ดจะปรับเปลี่ยนไปตามพลังวรยุทธรวมไปถึงความถี่ในการซื้อ และเมื่อมองไปยังการ์ดทั้งหลาย…ทุกอย่างเป็นไปตามคาด การ์ดมีราคาเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตในตอนนี้ถูกขายในราคา 800 แต้มบุญ การ์ดป้องกันไร้ที่ติดถูกขายในราคา 600 แต้มบุญ ส่วนการ์ดคลื่นพลังสายฟ้าฟาดถูกขายในราคา 400 แต้มบุญ
หัวใจของลู่โจวที่เห็นแบบนั้นถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ‘
เห็นได้ชัดว่าราคาของการ์ดไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการซื้อเพียงอย่างเดียว มันยังเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งที่ลู่โจวมีอีกด้วย ลู่โจวในตอนนี้เข้าใจผิดมาโดยตลอด
เงื่อนไขอันแสนสำคัญทั้งสองเงื่อนไขนี้คงจะป้องกันไม่ให้ตัวเขาพึ่งพาของวิเศษมากจนเกินไป นอกจากนี้มันยังกระตุ้นให้ลู่โจวรีบเพิ่มพลังความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้วิธีการป้องกันตัวเองเพียงหนึ่งเดียวกำลังจะถูกทำลายไปอย่างช้าๆ
‘ระบบนี่ไม่คิดที่จะปล่อยช่องโหว่อะไรให้ฉันเลยสินะ…’
ลู่โจวที่กำลังจะสิ้นหวังได้เหลือบไปเห็นราคาของการ์ดพลังชีวิต…ในตอนนี้มันยังคงมีราคาอยู่ที่ 500 แต้มบุญ
‘โชคดีที่การ์ดพลังชีวิตยังไม่หายไปไหน’ สำหรับลู่โจว มีแต่การ์ดพลังชีวิตเท่านั้นที่ยังไงตัวเขาก็จะต้องพึ่งพาต่อไป ถ้าหากราคามันเพิ่มขึ้นจริงๆ การใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คงจะต้องยากขึ้นแน่
ความพยายามและความอดทนในการอ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ของลู่โจวในตอนนี้ได้กลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ไปซะแล้ว
ลู่โจวที่คิดทบทวนเรื่องนี้เป็นอย่างดี ตัวเขาตัดสินใจที่จะซื้อการ์ดวิเศษทั้งหลายก่อนที่จะเริ่มทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
ในตอนนั้นเองเสียงของหมิงซี่หยินก็ได้ดังมาจากด้านนอก “ท่านอาจารย์ รถม้าลอยฟ้าเตรียมพร้อมแล้วครับ”
“ดีมาก”
ลู่โจวได้โบกแขนของตัวเอง ในตอนนั้นเมนูระบบทั้งหมดก็ได้จางหายไป ตัวเขาได้เดินออกมาจากห้องลับที่ซ่อนอยู่หลังห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆ
“ท่านอาจารย์! “
“ท่านปรมาจารย์! “
ลู่โจวได้เหลือบมองทุกคนก่อนที่จะพูดออกมาอย่างห้วนๆ “พวกเราจะไปเมืองอันยางให้เงียบที่สุด เพราะแบบนั้นพวกเราจะใช้รถม้าลอยฟ้าไม่ได้”
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นตะลึงเล็กน้อย “แต่ท่านอาจารย์…สมาชิกของเราในตอนนี้…”
“นั่นคือเหตุผลที่พวกเราจะไม่เดินทางกลุ่มใหญ่กัน” ลู่โจวรู้ดีว่าการเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มใหญ่จะดึงดูดความสนใจของเหล่าศัตรูมากกว่า ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็แค่อยากที่จะพูดคุยกับเจียงอาเฉียนด้วยตัวเองก็เท่านั้น