My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 252

เสาขนาดใหญ่ทั้งเก้าที่ล้อมรอบแท่นประลองดอกบัวถูกพลังสีดำที่ดูคล้ายกับโซ่สีดำเข้ากลืนกิน มันได้เปลี่ยนตัวเองจนกลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนกับตาข่ายสีดำขนาดใหญ่ยักษ์

 

“หนีเร็วเข้า! “

 

“ไอพวกสำนักดาบสวรรค์มันช่างชั่วช้าซะจริง! “

 

เป็นไปไม่ได้เลยที่สำนักดาบสวรรค์จะไม่รู้เรื่องนี้ นี่จะต้องเป็นกับดักที่สำนักดาบสวรรค์ล่อลวงพวกศาลาปีศาจลอยฟ้ามา ดูเหมือนว่าลั่วซิงคงคงจะเต็มใจที่จะเอาชีวิตเข้าแลกก็เพื่อที่จะแก้แค้นให้ได้

 

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลั่วซิงคง แม้ว่าการถวายเครื่องบูชาจะประสบความสำเร็จ แต่ถึงแบบนั้นสาเหตุการตายของเขากลับเป็นเรื่องที่ผิดคาดเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้เล็กน้อย

 

ในตอนนั้นเองรถม้าล่องเมฆาเริ่มเคลื่อนไหว… “ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ท่านน่ะไปไหนไม่ได้หรอกนะ” มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา เสียงของใครคนนั้นได้ดังไปทั่วแท่นประลองดอกบัว

 

ลู่โจวยกมือขึ้น “หยุด”

 

รถม้าล่องเมฆาหยุดเคลื่อนไหวในทันที

 

เสาทั้งเก้าได้ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของแท่นประลองเอาไว้ พลังตาข่ายสีดำที่มีได้เข้าปกคลุมทุกอย่าง มันกำลังจะจับกุมทุกคนที่อยู่ที่นี่ เหล่าผู้ชมหรือแม้แต่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่างก็ตกเป็นเป้าหมายของตาข่ายสีดำ

 

เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็ถูกพลังสีดำเข้าปกคลุม ตอนนี้มันเริ่มแผ่ไปยังแท่นประลองดอกบัวแล้ว

 

เหล่าผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังวรยุทธที่ไม่ได้สูงอะไรไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองจากหมอกควันสีดำได้เลย

 

ลู่โจวที่เห็นภาพทุกอย่างยังคงไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา สีหน้าของเขายังคงไร้ความรู้สึกเช่นเคย

 

ในตอนนั้นฮั๊ววู่เด๋าและฮั๊วยู่จิงก็ได้แต่ขมวดคิ้ว พวกเขาทั้งคู่เคยมาจากสำนักฝ่ายธรรมะมาก่อน พวกเขาไม่อาจที่จะยอมรับวิธีการอันสกปรกแบบนี้ได้

 

คนทรงคนนั้นคงจะวางแผนใช้พลังกลืนกินพลังของผู้คนที่อยู่ที่นี่ไป มันเป็นวิธีการที่ต่ำช้าอย่างแท้จริง

 

ลู่โจวไม่ได้กังวลอะไร ตัวเขากังวลเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ลู่โจวกลัวว่าคนที่บงการเรื่องในครั้งนี้จะไม่ปรากฏตัวออกมามากกว่า ตัวเขายังคงเฝ้ารอต่อไป ไม่สำคัญว่ารถม้าลอยฟ้าจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้ไหม ตัวเขาวางแผนที่จะรอให้ผู้วางแผนร้ายปรากฏตัวออกมา เมื่อถึงเวลานั้นตัวเขาก็จะใช้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตจัดการกับคนร้ายตัวจริง ด้วยพลังระดับคนทรงแบบนี้คงจะต้องทำให้ตัวเขาได้แต้มบุญ 1,500 แต้มแน่

 

“ท่านอาจารย์…พวกเราไม่จำเป็นจะต้องช่วยพวกเขาหรอก เจ้าพวกนั้นจะอยู่หรือจะตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเราอยู่ดี” หมิงซี่หยินพูดออกมา

 

หยวนเอ๋อเองก็พูดขึ้นเช่นกัน “ศิษย์พี่พูดถูกแล้ว…ศิษย์แน่ใจว่าเจ้าพวกนี้จะต้องด่าพวกเราก่อนที่พวกเราจะมาถึงแน่”

 

ในตอนนั้นเองหุ่นเชิดสีดำตัวหนึ่งก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นมา มันได้พุ่งไปที่รถม้าล่องเมฆาราวกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย หมอกควันสีดำยังคงล้อมรอบตัวของพวกมันเอาไว้ในตอนที่พวกมันเคลื่อนไหว

 

ต้วนมู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นได้ตะโกนออกมาไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไสหัวไปซะ! ” ต้วนมู่เฉิงได้ขว้างหอกราชันย์ของเขาออกไป

 

 

ตู๊ม!

 

ใบหน้าของหุ่นเชิดถูกหมอกควันสีดำปกปิดเอาไว้ มีเพียงแค่ดวงตาของพวกมันเท่านั้นที่เปล่งประกายแสงสีเขียวอย่างผิดธรรมชาติออกมา แม้ว่าจะอยู่หลังหมอกควันแต่ถึงแบบนั้นต้วนมู่เฉิงก็สามารถสังเกตเห็นแสงสว่างได้ดี หุ่นเชิดได้ยกแขนของตัวเองขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันหอกราชันย์เอาไว้ แม้ว่าจะป้องกันแล้วแต่มันก็ถูกแรงกระแทกจนกระเด็นถอยกลับไปอยู่ดี

 

ต้วนมู่เฉิงยกมือของตัวเองขึ้นมา ในตอนนั้นหอกราชันย์ของเขาก็ลอยกลับมาอยู่บนมือ

 

ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นได้พูดสั่งการขึ้น “ระวังเอาไว้ให้ดีล่ะ”

 

“ครับท่านอาจารย์! ” ต้วนมู่เฉิงไม่พอใจกับผลงานของเขาเท่าไหร่ ในตอนที่ได้ต่อสู้กันในครั้งแรก ตัวเขาก็ยังไม่ได้แสดงฝีมืออะไร ต้วนมู่เฉิงอยากที่จะทำการโจมตีอีกครั้ง ตัวเขาได้บินออกจากรถม้าลอยฟ้าไป เมื่อออกมาตัวเขาก็มองเห็นภาพรวมมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้กำลังมีหุ่นเชิดพุ่งเข้าโจมตีรถม้าลอยฟ้าอีกครั้ง

 

ฉั๊วะ! ฉั๊วะ! ฉั๊วะ!

 

หุ่นเชิดที่กำลังบุกขึ้นมาถูกพลังเงาของหอกนับพันเข้าโจมตี มันเป็นเคล็ดวิชาที่ต้วนมู่เฉิงถนัดนั่นเอง

 

“ให้ข้าช่วยท่านเอง! ” หมิงซี่หยินกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้ หมิงซี่หยินได้พุ่งหาศัตรูอย่างไม่ลังเล

 

หยวนเอ๋อได้หัวเราะคิกคักก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าเองก็จะช่วยด้วย! ” นางรีบใช้รองเท้าเหยียบเมฆาก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปหาศิษย์พี่ทั้งสอง หยวนเอ๋อได้ใช้สายสะพายนิพพานของนางโจมตีเข้าใส่หุ่นเชิดอีกสามตัว

 

ฮั๊วยู่จิงเองก็ใช้ธนูอันเดิมโจมตีจากบนรถม้าต่อไป นางได้ควบแน่นพลังของตัวเองให้เป็นลูกธนูเช่นเคย

 

ฉึ๊บ! ฉึ๊บ! ฉึ๊บ!

 

ธนูของฮั๊วยู่จิงเข้าเป้าไปเต็มๆ แม้ว่าจะโจมตีโดนแต่ถึงแบบนั้นหุ่นเชิดทั้งหลายกลับไม่ล้มลง

 

ฮั๊ววู่เด๋าที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมา “เล็งไปที่จุดสำคัญของพวกมันดูสิ”

 

“ค่ะ” ฮั๊วยู่จิงได้เล็งยิงธนูอีกครั้ง

 

ในตอนนี้มีหุ่นเชิดเพิ่มมากขึ้น และมากขึ้น พวกมันมาใกล้แท่นประลองดอกบัวอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ฮั๊ววู่เด๋าสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในเรื่องนี้ดี “นี่คงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องสังเวยเท่านั้น…ดูเหมือนว่าผู้ที่ถูกฆ่าไปจะถูกควบคุมด้วย! “

 

จ้าวยู่ในตอนนี้กำลังโฟกัสไปกับการควบคุมรถม้า เมื่อได้ยินคำพูดของฮั๊ววู่เด๋านางก็ได้แต่อุทานออกมาด้วยความตกใจ “คนตายจะกลับมามีชีวิตได้ยังไงกัน? “

 

“มันไม่ใช่เคล็ดวิชาคืนชีพคนตายหรอก…ผู้ฝึกยุทธธรรมดาจะต้องเดินพลังลมปราณให้โคจรรอบวัตถุเพื่อที่จะให้วัตถุชิ้นนั้นเคลื่อนไหวได้ แต่สำหรับเวทมนตร์คาถามันต่างออกไป เมื่อสามารถใช้เวทมนตร์คาถาไปที่เส้นเลือดและเส้นพลังลมปราณได้ เหยื่อคนนั้นก็จะถูกควบคุมทั้งจิตใจและก็ร่างกายไปในที่สุด…” ฮั๊ววู่เด๋าได้อธิบายต่อ “แม้แต่ยอดฝีมืออย่างเล้งลั่วเองก็ยังถูกควบคุมได้ นับประสาอะไรกับปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้”

 

จ้าวยู่ได้พูดต่อไป “ถ้าหากมันมีความหมายอย่างที่ว่าจริง หุ่นเชิดพวกนี้ก็คงจะมีพลังวรยุทธที่ไม่ได้มากมายอะไร แล้วเจ้าพวกนั้นจะไปทำอะไรพวกเราได้กัน”

 

“ไม่” ฮั๊ววู่เด๋าส่ายหัว “ผู้ฝึกยุทธที่ตายไปแล้วพวกเราจะไม่สามารถจัดการอะไรกับพวกเขาได้ เว้นแต่ว่าผู้ที่ใช้เวทมนตร์คาถาหรือผู้ที่ควบคุมจะถูกฆ่าไป ซากศพพวกนี้ไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวดและยังไร้ความเกรงกลัวต่อสิ่งใด พวกมันไม่มีความสามารถพื้นฐานในฐานะมนุษย์อีกต่อไป ด้วยเครื่องสังเวยที่มีทำให้พลังเวทมนตร์ยังคงดูดซับพลังของคนตายไปเรื่อยๆ แม้แต่เม็ดทรายยังรวมตัวกันเพื่อเป็นหุบเขาได้ พวกเราไม่ควรจะประมาทปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้จะดีกว่า”

 

จ้าวยู่ได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา “เป็นแบบนี้นี่เอง”

 

ลู่โจวยังคงเงียบ เขากำลังเฝ้าดูการต่อสู้ที่อยู่เบื้องล่างก่อนที่จะใช้ความคิดกับตัวเอง ‘คนทรงที่ใช้เวทมนตร์คาถานี่ซ่อนอยู่ที่ไหนกัน? คนคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับม่อหลี่กันแน่? หรือนี่จะเป็นเพราะองค์ชายสี่ถูกเนรเทศไปยังชายแดนตามที่ฮั๊วยู่จิงพูดถึง? ตราบใดที่หาตัวการเจอและจัดการมันได้ พวกเราก็คงจะไม่ต้องกลัวภัยอันตรายอีกต่อไป’

 

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

 

ต้วนมู่เฉิงพุ่งไปที่ด้านหน้า ในตอนนั้นเองก็มีพลังลมปราณอันมหาศาลพุ่งออกมาจากร่างกาย ในที่สุดพลังเงาหอกนับพันก็สามารถทำลายหุ่นเชิดไปได้ “นี่มันช่างน่าเบื่ออะไรแบบนี้…ทำไมหุ่นเชิดพวกนี้ถึงได้ทนทายาดซะจริง! “

 

ตู๊ม!

 

หมิงซี่หยินเองก็ใช้เคียวพื้นพิภพในการทำลายหุ่นเชิดได้เช่นกัน “ถ้าหากพวกเราทำลายเวทมนตร์คาถาได้ พวกเราก็ไม่ต้องจัดการหุ่นเชิดพวกนี้อีกต่อไป”

 

คนอื่นๆ มองไปที่หมิงซี่หยิน

 

หมิงซี่หยินได้เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เขาได้เล็งโจมตีไปที่เส้นเลือดสีดำที่อยู่บนร่างกายของหุ่นเชิด

 

ในตอนนั้นเองทุกคนก็เริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

 

“ศิษย์น้องสี่ เจ้านี่ฉลาดหลักแหลมซะจริง! ” ต้วนมู่เฉิงได้โจมตีเส้นเลือดสีดำของหุ่นเชิดตัวถัดไปด้วยหอกราชันย์

 

หุ่นเชิดทั้งหลายล้มลงไปกับพื้นมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อมีหุ่นเชิดล้มไป หุ่นเชิดตัวใหม่ก็ถาโถมเข้ามา

 

ในที่สุดหุ่นเชิดกว่า 50 ตัวก็ได้ปรากฏตัวบนแท่นประลองดอกบัว

 

ฮั๊วยู่จิงยังคงยิงธนูไปที่จุดอ่อนของพวกมัน แม้ว่าพลังวรยุทธของนางจะไม่ได้สูงส่งอะไร แต่ถึงแบบนั้นทักษะการยิงธนูของนางก็ยังถือว่าเป็นของจริง การโจมตีจากระยะไกลของนางได้ผลกับหุ่นเชิดทั้งหลาย มันได้ผลมากกว่าต้วนมู่เฉิงที่จะต้องเคลื่อนไหวเพื่อจัดการศัตรูที่ละตัวซะอีก

 

หุ่นเชิดเริ่มลดลงเรื่อยๆ หมอกควันสีดำที่อยู่ในร่างกายก็ถูกพลังที่ดูคล้ายโซ่ดูดซับกลับไป

 

‘ไม่ได้แต้มบุญ? ‘

 

‘หมายความว่าซากศพพวกนี้คงจะเป็นผู้มีพลังวรยุทธขั้นมหาราชครูหรือไม่ก็เป็นผู้ที่มีพลังวรยุทธต่ำกว่านั้นแน่ นี่มันไม่คุ้มแล้ว…’ ลู่โจวได้ส่ายหัว โชคดีที่ตัวเขายังมีศิษย์สาวกมากมายหลายคนมากับตัวเขาด้วย ถ้าหากเป็นตัวเขาเพียงคนเดียวก็คงจะรับมือกับหุ่นเชิดพวกนี้ไม่ได้แน่ บางทีลำพังลู่โจวเพียงคนเดียว เขาอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ว่าจะรับมือกับหุ่นเชิดพวกนี้ยังไง

 

ฮั๊ววู่เด๋าเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการโจมตี ดังนั้นตัวเขาจึงเลือกที่จะอยู่บนรถม้าลอยฟ้า

 

เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ มีหุ่นเชิดที่พุ่งเข้าใส่รถม้ามากขึ้น

 

“พลังผนึกตราประทับทั้งหก! ” ฮั๊ววู่เด๋าได้ใช้เคล็ดวิชาสุดยอดแห่งการป้องกันที่มีขึ้นมา ม่านพลังได้ส่องแสงสว่างไสวล้อมรอบรถม้าลอยฟ้าเอาไว้

 

หุ่นเชิดที่กระแทกกับม่านพลังต่างก็กระเด็นถอยกลับไปในทันที

 

เมื่อสีวู่หยาเห็นสถานการณ์นี้จากในระยะไกล ตัวเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “ฮั๊ววู่เด๋า เขาคนนี้มีปมจนไม่อาจที่จะพัฒนาตัวเองได้ หรือว่าเขาจะจัดการกับปมที่กัดกินอยู่ภายในใจไปได้แล้ว? “

 

เสาที่สูงตระหง่านทั้งเก้าต้นยังคงสั่นสะเทือน ที่ใจกลางของเสาทั้งหมดเริ่มมีตาข่ายพลังสีดำปรากฏตัวออกมามากขึ้น

 

สีวู่หยาที่ขมวดคิ้วอยู่ได้พึมพำออกมาอีกครั้ง “เจ้าพวกนี้พยายามจับพวกอาจารย์โดยพลังแบบนี้น่ะหรอ? “

 

ทุกๆ คนต่างรู้กันดี บนแท่นประลองดอกบัวไม่อาจที่จะวางเวทมนตร์คาถาอะไรเอาไว้ได้ แต่เมื่อมีการใช้เครื่องสังเวยเกิดขึ้น ผลของมันก็ได้เข้าไปอยู่ในเสาทั้งเก้าแทน ใครจะไปรู้กันว่าลั่วซิงกงจะยอมเสียสละชีวิตตัวเองกลายเป็นเครื่องสังเวยแบบนี้?

 

ตอนนี้เสาทั้งเก้าถือเป็นหัวใจสำคัญของพลังแห่งการสังเวย “ท่านเจ้าสำนัก สำนักอเวจีได้กลับมาแล้ว! พวกเราควรจะทักทายพวกเขาไหม? “

 

รถม้าลอยฟ้าของสำนักอเวจีกำลังลอยอยู่ใกล้กับศาลาที่ 3

 

“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก”

 

“ข้าเข้าใจแล้วท่านเจ้าสำนัก”

 

สีวู่หยามองไปที่รถม้าลอยฟ้าของสำนักอเวจี ตัวเขาเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านจะยื่นมือเพื่อช่วยท่านอาจารย์ไหมนะ?”

 

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains
Score 4.0
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง My Disciples Are All Villains ลู่โจวตื่นขึ้นมาเพื่อเป็นผู้เฒ่าผู้ชั่วร้ายที่ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดในโลก และพบว่าเขามีสาวกเก้าคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ศิษย์คนโตของเขาเป็นผู้นำนิกาย Nether ที่มีลูกน้องนับพัน และศิษย์คนที่สองของเขาคือ Sword Devil มักจะเข่นฆ่าผู้อื่นด้วยความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย…หากไม่มีฐานการฝึกฝนของเขา เขาจะจัดการกับสาวกที่ชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร ศิษย์คนโตของเขา Yu Zhenghai เล่าว่า “ชีวิตข้าไม่เคยมีคู่แข่ง และไม่มีใครนอกจากอาจารย์ที่สามารถทำให้ข้าก้มหัวได้” ศิษย์คนที่เจ็ดของเขา Si Wuya กล่าวว่า “เราจะกินหรือนอนอย่างสงบสุขไม่ได้ตราบเท่าที่ อาจารย์ยังไม่ตาย!”…หยวนเอ๋อศิษย์ที่เก้าของเขากล่าวว่า “ฉันจะจำสิ่งที่อาจารย์พูดและเป็นคนดี”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset