เวลาโพล้เพล้ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ณ คฤหาสน์เจ้าชายแห่งพลัง
พ่อบ้านเก่าแก่หงฟู่ได้เตรียมห้องรับแขกให้กับทุกคนแล้ว ในตอนนี้ตัวเขากำลังรอคอยแขกทุกคนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ใบหน้าของเขาดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร ตัวเขาได้เฝ้ามองแขกทั้งหมดผ่านทางหน้าประตู
เมื่อหงฟู่เห็นคนรับใช้วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่บ่อยครั้ง ตัวเขาก็ไม่อยากที่จะรออีกต่อไป “นายท่านกลับมาแล้วรึยัง? “
“ยังเลยครับ ข้าน้อยกำลังพยายามหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งสำคัญที่นายท่านจะต้องทำอยู่ นายท่านในตอนนี้ก็เลยออกจากเมืองจักรวรรดิมาไม่ได้”
“ส่งคนไปบอกนายท่านว่ามีเรื่องด่วนซะ”
“พ่อบ้านหง สามัญชนอย่างพวกเราเข้าไปที่นั่นไม่ได้ แล้วพวกเราจะไปบอกเรื่องด่วนได้ยังไงกัน? ” คนรับใช้ที่ได้รับคำสั่งคนนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูก
พ่อบ้านหงได้พยักหน้าก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ตัวเขาไม่มีทางเลยที่จะแก้เรื่องราวแบบนี้ได้ คนรับใช้ส่วนมากล้วนแต่มีชาติกำเนิดที่ไม่ได้สูงส่งอะไร แม้ว่าจะได้ทำงานให้กับขุนนางก็ยังไม่อาจที่จะยกสถานะของพวกเขาให้สูงส่งจนถูกยอมรับได้อยู่ดี
“เฒ่าหง”
“นายน้อย? ” หงฟู่ได้มองไปยังนายน้อยฉินโจด้วยความงุนงง ฉินโจได้เดินเข้ามาหาหงฟู่ ตัวเขาได้มองไปรอบๆ ก่อนที่จะกระซิบกระซาบออกมา “บอกข้ามาสิ แขกผู้มีเกียรติพวกนั้นเป็นใครกัน? ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้วสินะ”
หงฟู่ที่ได้ยินคำถามแบบนี้ก็ถึงกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตัวเขาได้ตอบกลับไป “นายน้อยครับ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากที่จะบอกท่านหรอกนะ แต่เรื่องนี้มันสำคัญเกินกว่าที่ข้าจะตัดสินได้ แม้ว่าข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอาไว้ด้วยชีวิต แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังสร้างปัญหาให้กับนายท่านได้อยู่ดี เพราะแบบนั้นได้โปรดอย่าถามให้ข้าน้อยลำบากใจเลยนะครับ! “
“ยิ่งพูดแบบนั้นข้าก็ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่…เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์นั้นกว้างใหญ่ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครทำให้เจ้ากังวลถึงขนาดนี้ได้ แม้แต่ชาของท่านพ่อที่ดีที่สุดเองเจ้าก็ยังเอามาใช้! ” ฉินโจวได้พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าหากเจ้าอธิบายเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอเจ้าจะต้องถูกท่านพ่อลงโทษแน่”
หงฟู่ได้ตอบกลับไป “นายน้อย ข้ากล้าเอาตัวเป็นประกันเลยว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เมื่อนายท่านกลับมาทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องกระจ่างออกมาเอง”
“เอาล่ะ ข้าจะรอวันนั้นก็แล้วกัน” ฉินโจตัดสินใจที่จะรอดูผลลัพธ์
หงฟู่เป็นคนรับใช้ที่ได้รับการยกย่องโดยองค์ชายแห่งพลัง แม้ว่าฉินโจจะรู้สึกโกรธตาเฒ่าคนนี้แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับหงฟู่ได้อยู่ดี อย่างมากที่สุดตัวเขาก็ทำได้เพียงตำหนิตาเฒ่าคนนี้ได้เท่านั้น แน่นอนว่าเฒ่าหงเองก็ไม่คิดที่จะต่อต้านตัวเขาแน่ แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ การทำตัวแบบนั้นไปก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉินโจวเป็นถึงนายน้อยของตระกูลผู้สูงศักดิ์สิทธิ์ และเพราะชาติตระกูลอันสูงส่งทำให้ตัวเขาจะต้องทำตัวให้ดูเหมาะสมตามชาติตระกูล
กุบกับ! กุบกับ! กุบกับ!
เสียงรถม้ากำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
เมื่อเฒ่าหงได้ยินเช่นนั้น ตัวเขาก็ได้แต่อุทานออกมาด้วยความดีใจ “นายท่านกลับมาแล้ว! “
คนรับใช้คนอื่นๆ ก็ได้แต่ออกมาเพื่อรอคอยการกลับมาของผู้เป็นเจ้านาย
รถม้าได้เข้ามาใกล้ก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าของหงฟู่, ฉินโจและคนอื่นๆ
ในที่สุดรถม้าก็ได้หยุดเคลื่อนไหว “นายท่านในที่สุดก็กลับมา! ” หงฟู่เป็นคนแรกที่พูดออกมา ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดทางการได้ลงมาจากรถม้าคันนั้น
“ท่านพ่อ” ฉินโจได้โค้งคำนับให้
ฉินจานได้โบกมือให้ หลังจากนั้นเขาก็ได้จ้องไปที่หงฟู่ด้วยความกังวล “เฒ่าหง มีอะไรเกิดขึ้นกัน? ปกติเจ้าน่ะเป็นคนที่ใจเย็นและรอบคอบมาโดยตลอด อะไรกันที่ทำให้เจ้าดูร้อนรนได้แบบนี้กัน? ” ฉินจานขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าของพ่อบ้านเก่าแก่คนนี้กำลังเต็มไปด้วยความกังวล
ฉินโจได้ยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านพ่อ พวกเรามีแขกคนสำคัญกำลังอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ เฒ่าหงได้ใช้ชาที่ท่านพ่อโปรดปรานมากที่สุดในการต้อนรับแขกคนนั้น เฒ่าหงที่กลัวโดนตำหนิจะต้องรู้สึกกังวลอยู่แน่”
‘หืม? ‘ ฉินจานขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไงกัน? “
เฒ่าหงได้เดินมาที่ด้านข้างของฉินจานก่อนที่จะกระซิบข้างหูอย่างเบาๆ
ฉินโจที่เห็นแบบนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ ตัวเขาทำได้เพียงจ้องมองดูทั้งสองคนเท่านั้น
ฉินจานเองก็เอาหูเข้าใกล้เพื่อรับฟังสิ่งที่พ่อบ้านเก่าแก่คนนี้จะพูดออกมา
ทันทีที่ฉินจานได้ยินเสียงกระซิบ ความเหนื่อยล้าที่ตัวเขามีก็ได้จางหายไป ในตอนนั้นดวงตาของฉินจานได้เบิกกว้างขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “นั่นเป็นความจริงอย่างงั้นหรอ? “
“นายท่าน ข้าไม่พลาดเรื่องแบบนี้แน่” เฒ่าหงได้พูดกลับมาอย่างมั่นใจ
มือของฉินจานสั่นเครือเล็กน้อย
ลูกชายของฉินจานอย่างฉินโจสังเกตเห็นมือของผู้เป็นพ่อกำลังสั่นเครือ หัวใจของเขาตกอยู่ในความกังวลทันที ‘หรือว่าแขกคนนั้นจะเป็นผู้มีชื่อเสียงจริงๆ? ‘
ฉินจานก็รีบพูดต่อ “เรียกเครือญาติทั้งหมดของเรามาที่คฤหาสน์ซะ เร็วเข้า! “
“ข้าน้อยทราบแล้ว! “
ฉินโจรู้สึกงุนงงเมื่อเห็นพ่อของเขาวิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้ากังวล แม้ว่าจักรพรรดิจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง ท่านพ่อของเขาก็คงจะไม่กังวลถึงขนาดนี้แน่ แล้วใครกันที่เป็นแขกคนสำคัญที่สำคัญยิ่งกว่าจักรพรรดิล่ะ? ความกลัวในใจของผู้เป็นพ่อเริ่มลามมาหาตัวเขา ตัวเขาเป็นสมาชิกของตระกูลฉินโดยตรง ดังนั้นแล้วเป็นธรรมดาที่นายน้อยคนนี้จะรู้สึกกังวล
ในตอนนี้พระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้ว
ญาติพี่น้องของคฤหาสน์เจ้าชายแห่งพลังได้มารวมตัวกันในเวลาสั้นๆ ภรรยาของฉินจาน, นางบำเรอ และผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือทุกๆ คนต่างก็จ้องมองฉินจานด้วยความสับสน
“เกิดอะไรขึ้นกันถึงได้เรียกพวกเรามาแบบนี้นายท่าน? “
“ข้าได้ยินมาว่ามีแขกคนสำคัญอยู่ในคฤหาสน์”
“แขกคนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่เรียกพวกเรามารวมตัวกันเลยอย่างงั้นหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ! “
ทุกๆ คนจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เกิดการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนจักรพรรดิมาเยี่ยมเยียนที่นี่ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสับสน
“เงียบซะ” ฉินจานได้ตะโกนออกมา “ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้ามใครคนไหนพูดต่อไปอีก”
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังดังนั้นก็ได้โค้งคำนับ
ฉินจานได้หันกลับไปก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังที่ที่ลู่โจวอาศัยอยู่ คนอื่นๆ เองเดินตามหลังเขาอย่างระมัดระวังไป
เฒ่าหงได้พูดออกมาเบาๆ “ท่านผู้อาวุโสอยู่ด้านใน…”
ฉินจานพยักหน้าก่อนที่จะเดินตรงไปยังประตู ตัวเขาได้โค้งคำนับให้อย่างสุดตัวก่อนที่จะพูดออกมา “สวัสดี ท่านผู้อาวุโส”
ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้เงียบสงบราวกับสุสาน คนอื่นๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉินจานถึงต้องเคารพแขกคนนี้มากมายแบบนี้ พวกเขาได้แต่สงสัยว่าใครกันแน่ที่อยู่ในห้องนั้น ใครกันที่สมควรจะได้รับความเคารพและการต้อนรับเป็นอย่างดีกับผู้นำตระกูลแบบนี้ด้วย? แต่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดคำถามนี้ออกมา ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบเพื่อรอการตอบรับ
“เข้ามา” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ฟังดูสงบเยือกเย็นและแผ่วเบา ไม่นานหลังจากนั้นเสียงก็ได้ดังต่อ “เข้ามาคนเดียวซะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฉินจานไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างประมาท ตัวเขาได้หันมาโบกมือก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้พอแค่นี้ ทุกคนกลับไปได้แล้ว”
หลังจากที่ลำบากเรียกทุกคนมารวมตัวกัน ในตอนนี้ทุกคนกลับถูกสั่งแยกย้ายไปโดยที่ยังไม่รู้เหตุผล ทุกคนที่โดนแบบนั้นยิ่งรู้สึกสับสนมากกว่าเดิม ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนผู้นำตระกูลคนนี้อยู่ดี
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไป ฉินจานก็ได้เปิดประตูออกมาด้วยความเคารพ เมื่อเดินไปหาลู่โจวตัวเขาก็ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ฉินจานได้ทักทายอย่างเคารพอีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโส” เมื่อฉินจานเงยหน้าขึ้นมองลู่โจว ลู่โจวในตอนนี้กำลังชื่นชมภาพวาดและผลงานศิลปะทั้งหลายที่อยู่ในห้อง
‘นี่แหละเขาคนนั้น’ แม้ว่าฉินจานจะรู้แล้วว่าลู่โจวอยู่ที่นี่ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังรู้สึกกังวลมากอยู่ดี
ลู่โจวมองไปที่ผลงานศิลปะทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องก่อนที่จะหมดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว “ถ้าหากท่านผู้อาวุโสชอบของพวกนี้แล้วล่ะก็…ข้าก็จะยกมันให้เป็นของขวัญต้อนรับท่านเอง” ฉินจานได้พูดขึ้น
ลู่โจวไม่ได้สนใจงานศิลปะเหล่านี้ ตัวเขาได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “นั่งลงเถอะ”
“ข้าน้อยไม่กล้า ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้” หัวใจของฉินจานสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
“เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่พวกเราไม่ได้เจอกัน พลังวรยุทธของเจ้ารุดหน้าขึ้นมาแล้วรึยัง? ” ลู่โจวได้ถามออกมาโดยไม่ได้สนใจที่จะประเมินพลังของฉินจานโดยตรง
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในตอนนี้ข้าน้อยได้ฝึกฝนตัวเองอย่างขยันขันแข็ง ข้าน้อยสามารถฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ข้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์ ข้ากลัวว่าท่านจะรู้สึกผิดหวังในตัวข้า ท่านผู้อาวุโส” ฉินจานได้ตอบกลับมา
ลู่โจวพยักหน้า ตัวเขาได้เดินไปยังโต๊ะในห้องก่อนที่จะนั่งลงและจ้องมองไปที่ฉินจาน
“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างมากที่ท่านผู้อาวุโสมาเยี่ยมข้าถึงที่นี่ ถ้าหากท่านต้องการสิ่งใดแล้วล่ะก็ข้าจะช่วยท่านให้ถึงที่สุดเองท่านผู้อาวุโส” ฉินจานได้พูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา
“ข้ายินดีด้วยกับความสำเร็จของเจ้า” ลู๋โจวได้เอามือวางลงบนโต๊ะก่อนที่จะพูดเข้าเรื่อง “เจ้ารู้จักหลี่หยุนเฉาหรือไม่? “
เมื่อฉินจานได้ยินแบบนั้นตัวเขาตกตะลึงเล็กน้อย เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เขาจะรู้จักหลี่หยุนเฉา “หลี่หยุนเฉาเป็นคนโปรดของอัครมเหสี เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ข้าน้อยจะรู้จักเขา”
“ดีมาก” ลู่โจวพูดต่อ “บอกให้เจ้านั่นมาพบข้าที่นี่ซะ”