ฉินจานที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ตกตะลึง
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะรู้ตัวว่าเรื่องที่ขอมันยากแค่ไหนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนี้ การที่จะปฏิเสธไปคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ตัวเขากำลังอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นั่นเอง
“เจ้าทำไม่ได้อย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างเยือกเย็น
“ไม่ใช่แบบนั้น…” ฉินจานได้พูดออกมาก่อนที่จะโค้งคำนับ “หลี่หยุนเฉามีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ เขาถือได้เป็นยอดฝีมือที่หาตัวจับได้ยากที่แทบจะไม่เคยออกจากพระราชวังเลย”
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรออกไป
ฉินจานรู้ตัวได้ทันทีว่าตัวเขาได้พูดผิดไป มีเพียงคนไม่ได้เรื่องเท่านั้นที่จะหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองแบบนี้ ตัวเขาได้พูดเสริมต่อไป “ไม่ต้องห่วงท่านผู้อาวุโส ข้าจะพาหลี่หยุนเฉามาที่นี่เอง”
“ถ้าหากไม่มีอะไรแล้วเจ้าก็ไปซะเถอะ” ลู่โจวพูดออกมา
ฉินจานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ามีอะไรบางอย่างที่อยากจะถามท่านผู้อาวุโส ข้าจะถามท่านได้ไหม? “
“อะไรกันล่ะ? “
“เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือที่ว่าม่านพลังภูเขาทองกำลังอ่อนพลังลง มันคงจะถูกทำลายไปในเวลา 5 ปีต่อจากนี้ สำนักฝ่ายธรรมะต่างก็จับตาดูพวกท่านราวกับกำลังจ้องจะล่าเหยื่อ ในตอนที่ม่านพลังอ่อนแอลงแบบนี้เจ้าพวกนั้นก็คงจะวางแผนโจมตีพวกท่านแน่ นั่นเป็นเรื่องจริงไหมครับ…ท่านผู้อาวุโส? “
เจ้าชายแห่งพลังอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ตัวเขาจะได้รู้ข่าวที่เชื่อถือได้มาจากทางพระราชสำนัก แต่ยังไงซะข่าวลือก็ถูกส่งมาจากปากต่อปาก เพราะแบบนั้นการที่จะตรวจสอบว่ามันมีมูลความจริงเลยไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นฉินจานจึงอยากที่จะพิสูจน์เรื่องนี้กับตาตัวเองโดยการถามลู่โจวออกไปตรงๆ
ในตอนนั้นลู่โจวยังคงเงียบ ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้ตอบกลับไป “เป็นความจริง”
ฉินจานได้พูดออกมาเบาๆ “สำนักฝ่ายธรรมะเป็นพวกที่น่ารังเกียจจริงๆ “
ลู่โจวไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นอะไรแบบนี้จากฉินจาน “ทางราชวงศ์ที่ปกครองจักรวรรดิคงอยากที่จะให้ข้าตายในเร็ววันแน่…เจ้าไม่กลัวอย่างงั้นหรอว่ากำแพงจะมีหูประตูจะมีช่องน่ะ? “
“ไม่มีอะไรจะต้องกลัว ที่ข้ามีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้เป็นเพราะว่าท่านเป็นผู้มอบให้ข้ามา ท่านผู้อาวุโส ถ้าหากเป็นเจ้าพวกราชวงศ์จริงมันก็คงดูแลข้าอย่างหมูอย่างหมาไปแล้วล่ะ”
ผู้คนในคฤหาสน์แห่งพลังไม่ได้ดูธรรมดาๆ เหมือนกับภายนอก!
แม้ว่าทุกคนจะมีฝีปากที่กล้าหาญมากแค่ไหนแต่เมื่อเทียบกับความตั้งใจแล้ว ความตั้งใจของฉินจานถือว่าเป็นของจริง
ลู่โจวรู้สึกถูกใจเจ้าบ้านคนนี้ขึ้นมาซะแล้ว
น่าเสียดายที่มันสายเกินไปซะแล้ว ฉินจานมีอายุมากแล้ว และในตอนนี้ตัวเขาก็มีพลังอยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียเท่านั้น
“ข้าก็แค่ใช้งานเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อเจ้าหายแล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าแล้วล่ะ” ลู่โจวได้พูดออกมาหลังจากที่พยายามนึกถึงภาพในความทรงจำ
“ใช้งานอย่างงั้นหรอ? ” ฉินจานได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่มีคนไหนที่อยู่ในรั้วกำแพงพระราชวังที่ไม่ต้องการใช้งานคนอื่นหรอก”
ดูเหมือนว่าฉินจานจะชินชากับเรื่องแบบนี้ราวกับว่ามันเกิดขึ้นทุกวันไปซะแล้ว
“เจ้ามันมองโลกได้ถูกต้องแล้ว”
“ท่านพูดยอข้าเกินไปแล้วท่านผู้อาวุโส”
ฉินจานไม่กล้าที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ที่มีปัญญาเฉียบคมอีกต่อไป ตัวเขาได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโสพักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าขอลา”
ลู่โจวโบกแขนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตกกลางดึก
คฤหาสน์เจ้าชายแห่งพลังตกอยู่ในความเงียบสงบ ในตอนนี้ลู่โจวได้พร้อมแล้วที่จะศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์…
“ข้าฉินรู่ปิงขอเข้าพบท่านผู้อาวุโส”
‘หืม? ‘
ลู่โจวคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาด ใครกันทีี่กล้ามารบกวนตัวเขาในเวลาแบบนี้ได้?
การที่จะเคลื่อนไหวอย่างประมาทแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ลู่โจวคิดว่าสมาชิกในครอบครัวตระกูลฉินจะทำ ตัวเขารู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรที่แปลกประหลาดแน่
“เข้ามาได้”
เอี๊ยดดดด…
คนที่เข้ามาในห้องเป็นหญิงสาวที่ลู่โจวเคยพบเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในห้องโถงก่อนหน้านี้ แต่ถึงแบบนั้นนางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่มาแล้ว ความดูสง่างามของนางดูลดน้อยลง ในตอนนี้นางดูเหมือนกับคนธรรมดาๆ คนหนึ่งมากกว่า แต่แม้ว่าการแต่งตัวจะดูเรียบง่าย แต่ใบหน้าของนางก็ยังดูบอบบางและยังดูงดงามเหมือนเคย
“มีอะไรกัน? ” ลู่โจวได้หันไปมองหญิงสาวเพียงแค่แวบเดียวก่อนที่จะหลับตาลง
ฉินรู่ปิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้คุกเข่าขอร้องอย่างเชื่อฟัง “ข้ามาที่นี่ก็เพราะรู้ว่าท่านคือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะขอขมาท่าน ท่านผู้อาวุโส”
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร ถ้หาากตัวเขาเป็นคนฉุนเฉียวจริง แม่นางคนนี้ก็คงจะไม่มีโอกาสมาขอขมาเขาแน่ นอกจากนี้ตัวเขายังไม่ได้ปฏิเสธให้นางเข้ามาภายในห้อง ลู่โจวไม่เคยถือสาอะไรนางเลย ดังนั้นฉินรู่ปิงจึงไม่ต้องขอขมาอะไรลู่โจว ฉินรู่ปิงในตอนนี้ยังคงคุกเข่า นางกำลังเอาหน้าผากโคกลงไปกับพื้น “นี่อาจจะเป็นความกล้าหาญทั้งหมดของข้า ได้โปรดท่านผู้อาวุโส ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ! “
ในตอนที่นางพูดอยู่นางก็ได้แต่ก้มหน้าขอร้อง
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นเปิดตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวเขาเห็นฉินรู่ปิงในตอนนี้กำลังทำความเคารพตัวเขาอย่างจริงใจ
พลังวรยุทธของนางอยู่ที่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้เพียงเท่านั้น สำหรับคนที่มีอายุเท่านาง ฉินลู่ปิงไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
“เจ้าไปรวบรวมความกล้านี่มาจากไหนกัน? ” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เอ่อ…”
ฉินรู่ปิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย นางรวบรวมความกล้าก่อนที่จะพูดต่อไป “ข้าได้ยินเรื่องเล่ามากมายหลายอย่างจากศาลาปีศาจลอยฟ้าตั้งแต่ที่ข้ายังเด็ก หลังจากนั้นข้าก็เลยตัดสินใจที่จะฝึกฝนตัวเองให้เหมือนกับเหล่าศิษย์สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้า ข้ารู้สึกชื่นชมคนๆ หนึ่งมาตลอดชีวิตของข้า…และคนคนนั้นก็คือท่าน ท่านผู้อาวุโส! ได้โปรดรับข้าเป็นลูกศิษย์ด้วยเถอะ! “
พรึ๊บ!
หน้าผากของนางแตะลงไปที่พื้นอีกครั้ง
ในท้ายที่สุดนางก็เป็นแค่เพียงผู้ที่หลงใหลในเรื่องเหล่าตำนานของศาลาปีศาจลอยฟ้า แม้ว่าเรื่องตำนานจะเป็นเรื่องที่ดูพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงปรมาจารย์มหาวายร้ายในแง่ดีเลย ยังไงซะท้ายที่สุดปรมาจารย์คนนี้ก็ถือได้เป็นผู้ฝึกยุทธที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกคนหนึ่งในใต้หล้า เป็นธรรมดาที่จะมีผู้ชื่นชอบความสามารถเขาอยู่แบบนี้
แต่ลู่โจวไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหญิงสาวจากคฤหาสน์แห่งพลังจะกลายเป็นหนึ่งในศิษย์ของเขาได้
‘ฮาฮาฮ่า’ ลู่โจวไม่รู้ว่าควรจะมีความสุขกับเรื่องนี้ดีไหม ‘ลูกศิษย์อย่างงั้นหรอ? แต่พรสวรรค์ในการฝึกยุทธของนางยังดูธรรมดาเกินไป นอกจากนี้ศิษย์ทั้งเก้าที่มีก็ยังสร้างปัญหามากพอแล้วอีกด้วย’
ในตอนที่ลู่โจวกำลังจะคิดปฏิเสธนางไป…
ในตอนนั้นเองเจ้าชายแห่งพลัง ฉินจานก็ได้วิ่งเข้ามาในห้อง ตัวเขาได้กวาดสายตาไปทั่วก่อนที่จะเดินไปหาฉินรู่ปิงเพื่อที่จะตบหน้านางอย่างรุนแรง “เจ้ากล้าดียังไงกัน?! ใครอนุญาตให้เจ้ามารบกวนผู้อาวุโสถึงห้องแบบนี้? “
ฉินรู่ปิงถึงกับตกตะลึง นางไม่เคยถูกทำร้ายมาก่อนเลยในชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วนางกลับถูกผู้เป็นพ่อตบตีด้วยเรื่องเพียงแค่นี้
แม้ว่านางจะรู้สึกผิด แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา นางทำได้เพียงเอามือจับไปที่แก้มอันบอบช้ำ…
ฉินจานได้คุกเข่าลงไปกับพื้นก่อนที่จะคารวะลู่โจว “ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยท่านผู้อาวุโส ลูกสาวของข้าคนนี้เสียมารยาทกับท่าน ข้าจะลงโทษนางสถานหนักเอง! “
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังดูไร้อารมณ์ ตัวเขาได้ถอนหายใจออกมา ท้ายที่สุดแล้วแม่นางคนนี้ก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับของเขา การตบหน้ามันก็ถือเป็นการลงโทษที่เหมาะสมสำหรับฉินรู่ปิงแล้ว
“ให้มันจบลงแค่วันนี้เถอะ” ลู่โจวได้โบกมือออกมา
“ยืนขึ้นและออกไปซะ! ” ฉินจานได้ตะคอกใส่ผู้เป็นลูกสาวอย่างสุดเสียง ก่อนที่จะดึงตัวของฉินรู่ปิงออกไปจากห้อง
เมื่อพ่อลูกออกไปจากห้อง ลู่โจวก็ได้ปิดประตูลงก่อนที่จะเริ่มใช้สมาธิเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อีกครั้ง
ในตอนที่กำลังทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ ตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจากทั้งภายในและภายนอกห้องได้ มันแตกต่างจากเมื่อก่อน เมื่อก่อนลู่โจวจะทำได้เพียงซึมซับกับข้อความที่อยู่ภายในนั้นได้เพียงเท่านั้นโดยที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในเมื่อเป็นแบบนี้ลู่โจวก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
ในเช้าวันรุ่งขึ้นลู่โจวก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น ตัวเขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังรอตัวเขาอยู่ที่ด้านนอก
ลู่โจวได้เอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันนุ่มลึก “ใครกัน? “
“ข้าน้อยพ่อบ้านหงฟู่ นายท่านได้ออกจากคฤหาสน์แต่เช้าตรู่เพื่อที่จะไปยังเมืองจักรวรรดิแล้วครับ นายท่านคงจะกลับมาภายใน 2 ชั่วโมง”
‘พ่อบ้านคนนี้ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายงานอะไรมาเขาก็จะทำมันจนสำเร็จลุล่วงได้สินะ’
ความจริงลู่โจวรู้ดีอยู่แล้วว่าพ่อบ้านคนนี้รอตัวเขาอยู่หน้าประตูเกือบจะชั่วโมงหนึ่งแล้ว
เนื่องจากพ่อบ้านคนนี้ไม่ได้รู้จักนิสัยของลู่โจว ดังนั้นตัวเขาจึงตัดสินใจเลือกที่จะรอแทน
ลู๋โจวลุกออกจากเตียงก่อนที่จะเอามือไขว้หลังเอาไว้ ตัวเขาได้โบกมือจากทางด้านหลัง ในตอนนั้นเองพลังที่ลู่โจวส่งออกไปก็ได้เปิดประตูขึ้น
“สองชั่วโมง…” ลู่โจวได้พึมพำออกมา
หงฟู่ที่ได้ยินแบบนั้นรีบโค้งคำนับให้ในทันที “ขันทีหลี่เป็นคนโปรดปรานของอัครมเหสี การที่เขาจะออกจากพระราชวังได้เขาจะต้องได้รับอนุญาตจากอัครมเหสีซะก่อน”
ลู่โจวพยกหน้า ตัวเขาไม่ได้สนใจวิธีที่ฉินจานจะเลือกใช้ ตัวเขารได้เดินออกไปอย่างเยือกเย็น
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจไปทั้งคืน ในตอนนี้พลังพิเศษของลู่โจวก็กลับมาประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว
สองชั่วโมงต่อมาลู่โจวก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนั่งเล่น “ขันทีหลี่เชิญทางนี้”
ลู่โจวมองออกไปที่ด้านนอกก่อนที่จะมองไปยังห้องนั่งเล่น
ในตอนนี้หยวนเอ๋อและจ้าวยู่อยู่ข้างๆ ตัวเขาแล้ว
พ่อบ้านหงฟู่ได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านผู้อาวุโส ขันทีหลี่มาถึงแล้ว”
ในตอนนั้นเองเงาของหมวกทรงสูง ชุดคลุมยาว ผมสีเงิน ร่างกายผอมแห้งก็ได้ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นี่คือผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือที่อยู่ข้างกายอัครมเหสี เขาคนนี้ก็คือขันทีหลี่ผู้ใช้พลังฝ่ามือหยินแห่งความมืด